ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ - ตอนที่ 315 การเพิ่มเสริมความแข็งแกร่งร่างกายและเพิ่มศักยภาพ
- Home
- ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ
- ตอนที่ 315 การเพิ่มเสริมความแข็งแกร่งร่างกายและเพิ่มศักยภาพ
มันเป็นวันต่อมาหลังงานเลี้ยงต้อนรับ เรากินข้าวเช้าและทำการสบายๆกันในห้องของเรา
เอ๋? เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน สาวคนนั้นสุดท้ายมีงานเลี้ยงนอนไม่หลับโดยทิ้งผมผู้น่าสงสารไว้คนเดียว ผมเลยแค่หลับให้มันผ่านไป มันค่อนข้างรู้สึกเหมือนพวกเธอจะคุยกันเกี่ยวกับอะไรๆที่พวกเธอไม่อยากให้ผมได้ยิน ผมเลยแค่ให้พวกเธอทำ
“มันไม่มีรุ่นเกราะพลังงานจักรกลให้เลือกเยอะแยะจนน่าตกใจเลย”
“ใช่และถ้าลดลงเหลือแค่อะไรที่สู้ด้วยดาบได้ จำนวนยิ่งน้อยลงไปอีก”
ตอนนี้เอลม่าและผมอยู่ในห้องนั่งเล่นระหว่างดูแคตตาล็อกเกราะพลังงานจักรกลน้ำหนักเบา แต่เท่าที่ดู ไม่มีอะไรที่น่าซื้อเลย ผมพูดมันอย่างไรดี? ไม่มีพวกมันสักตัวที่ตรงความต้องการ
อะไรที่ผมอยากได้จากเกราะพลังงานจักรกลน้ำหนักเบาคือไม่ขัดขวางการเคลื่อนไหวด้วยร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ, รักษาความแม่นยำ, เพิ่มความแข็งแกร่งร่างกายและความเร็ว มอบการป้องกันด้วยเกราะเพิ่มเติม (จากทั้งกระสุนจริงและกระสุนพลังงาน) และเพิ่มความสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม มันมีความต้องการประมาณนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากดูพวกมัน ทั้งหมดที่ผมเจอคือเกราะที่ยิ่งกว่ามองข้ามได้เมื่อเป็นเรื่องความปลอดภัยของชีวิต, ความเร็ว, และการเสริมความแข็งแกร่ง แต่มันล้มเหลวเมื่อเป็นการทำให้ผมเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติและรักษาการควบคุมร่างกายอย่างแม่นยำ การควบคุมร่างกายอย่างแม่นยำสำคัญสุดขีดเมื่อเป็นเรื่องการใช้ดาบ (อย่างน้อยสำหรับผม) ดังนั้นผมไม่อยากลดให้มันน้อยลงในด้านนั้น
“อืมฉันว่าขุนนางไม่ได้จำเป็นต้องใส่เกราะพลังงานจักรกลล่ะนะ”
“ใช่ฉันก็ว่า……”
พื้นฐานแล้วขุนนางจักรวรรดิกรากันทั้งหมดได้รับการเพิ่มเสริมความสามารถร่ายกายที่เมื่ออายุยังน้อย และผลลัพธ์ พวกเขาแสดงความแข็งแกร่งแะความเร็วเหนือมนุษย์ได้โดยไม่ต้องพึ่งอะไรเหมือนเกราะพลังงานจักรกล อย่างเดียวเท่านั้นที่เกราะพลังงานจักรกลเสนอให้พวกเขาได้คือการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นและการเสริมความแข็งแกร่งแบบปรับตัวได้กับรอบข้าง ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ขุนนางลงไปต่อสู้ ชุดสูทที่มีระบบการทำงานปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมพร้อมกับความสามารถป้องกันเลเซอร์ได้คู่กับโล่พกพานั้นเพียงพอแล้วสำหรับพวกเขา
“ผู้ผลิตจะไม่ทำบางอย่างที่ไม่มีตลาด ของปรกติแค่เป็นอย่างนั้นแหละ”
“พี่ตรงไปตรงมาดีนะ พี่สาว แต่หนูว่ามันเป็นอย่างนั้นแหละ อ๊ะ อย่าเพิ่งขยับสิพี่สาว”
ทีน่าที่ผมถูกจัดทรงโดยวิสเกอร์นั่งอยู่โซฟาถัดจากเรา เมื่อเธอยักไหล่ วิสเกอร์บอกให้เธออยู่นิ่งๆ พี่น้องดูแลเส้นผมกันและกันบางครั้งบางคราว มันดูเหมือนวิสเกอร์จัดทรงทีน่าเป็นมวยผมครั้งนี้
แล้วก็มีมี่และคูกิกำลังคุยกันอย่างดีระหว่างนั่งที่โต๊ะไกลออกไปจากเรา เธอไม่ได้ดูกังวลเกี่ยวกับอีกฝ่ายมากครั้งนี้ ไม่เหมือนที่เราเริ่มใช้ชีวิตกับเมย์ แต่ผมสงสัยว่าสองสองสาวคุยอะไรกับอย่างกระฉับกระเฉง
อืม ผมว่าผมจะแค่ขอบคุณที่มีมี่เริ่มมองเธอคูกิดีขึ้นแล้วตอนนี้และตอนนี้คุยธรรมดาแบบนี้ได้
“ฉันสงสัยว่าฉันควรแค่เพิ่มเสริมความแข็งแกร่งร่างกายเสียให้สิ้นเรื่องดีรึเปล่า?”
“อืม ฉันว่าเธอทำได้ แต่เราจะไม่สามารถไปจากที่นี่ได้อย่างน้อยก็ไม่กี่เดือนเมื่อเธอทำการเพิ่มแบบนั้นรู้มั้ย?”
อย่างที่คาดกับบางคนที่มีประสบการณ์เอง เอลม่าที่สุดท้ายมาจากตระกูลวิสเคานต์วิลโรส เป็นลูกสาวขุนนางของแท้ และเธอได้ทำการเสริมความแข็งแกร่งร่างกายเองด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเธอดูเหมือนผอมและแขนบางระหว่างมีพลังมากกว่าผมอัดอยู่เยอะ อย่างไรก็ตาม ในกรณีเอลม่า เธอได้รับแค่การเสริมความแข็งแกร่งที่เพิ่มกำลังกายและความเร็วปฏิกิริยาตอบสนอง เธอไม่ได้ดูเหมือนทำการเพิ่มล้ำหน้าเหมือนเพิ่มพลังประมวลผลของสมองที่ขุนนางคนอื่นทำประจำ
“จริงแล้วพวกเขาทำอะไรกับการเพิ่มความสามารถร่างกายพวกนั้นอยู่ดีล่ะ?”
“อย่างแรกมันขึ้นอยู่กับว่าเธอรับการเพิ่มทางชีวภาพหรือการเพิ่มการควบคุมร่างกายด้วยจักรกล ทั้งสองอย่างมันถอนคืนไม่ได้และเพิ่มความสามารถร่างกายโดยรวมอย่างเยอะ”
“เข้าใจแล้ว แต่ว่าแต่ละอย่างก็มีประโยชน์ของมันเองถูกต้องมั้ย?”
“ฉันไม่ได้คุ้นกับพวกมันด้วยอ่ะดิรู้เปล่า? อืมพูดกันพื้นฐาน การเพิ่มด้วยชีวภาพให้ผลลัพธ์น้อยกว่าแต่เป็นภาระกับร่างกายน้อยกว่าแลกกันและรักษาง่ายกว่า ยิ่งเธอฝึกมากขึ้นความสามารถเธอยิ่งดีขึ้นได้ด้วย ยังไงก็ตามมันค่อนข้างใช้เวลาชินกับร่างกายที่เสริมความแข็งแกร่งใหม่หลังจากการเพิ่มและเวลาที่ใช้เพิ่มมันก็นานพอกันด้วยเหมือนกัน เมื่อพูดกันการเพิ่มการควบคุมด้วยจักรกลเพิ่มได้ระดับเยอะกว่าและเธอแสดงความสามารถที่เพิ่มขึ้นได้ส่วนใหญ่เกือบทันทีทันใดหลังจากทำพวกมัน ยังไงก็ตาม ไม่เหมือนการเพิ่มแบบชีวภาพ เธอพัฒนาความสามารถไปมากกว่านั้นไม่ได้ผ่านการฝึก แต่แลกกัน มันเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนการฝังที่เพิ่มมาสู่ชิ้นส่วนที่สมรรถนะสูงกว่า แล้วก็ชิ้นส่วนมันไม่ได้ไม่ต้องบำรุงรักษาด้วยเหมือนกัน การบำรุงรักษาชิ้นส่วนพวกนั้นก็มีปัญหาได้เหมือนกัน”
“เข้าใจล่ะเข้าใจล่ะ เธอเพิ่มทางชีวภาพถูกเปล่าเอลม่า?”
“ใช่ ในจักรวรรดิการเพิ่มทางชีวภาพเป็นที่ทำกันเยอะมากกว่า มันดูเหมือนการเปลี่ยนชิ้นส่วนร่างกายด้วยเครื่องจักรไม่ได้เหมาะสมกับรสนิยมของขุนนางแหละนะ”
เอลม่ายักไหล่ตอบ
โอ้ เข้าใจแล้ว มันดูเหมือนขุนนางจักรวรรดิไม่เกลียดเครื่องจักรตรงๆก็ไม่ค่อยชอบปัญญาประดิษฐ์ หรือไม่เก่งกับพวกเขา ดังนั้นในหมู่พวกเขาหลายคนอาจไม่ชอบแนวคิดเปลี่ยนชิ้นส่วนร่างกายเป็นการควบคุมด้วยเครื่องจักร
ตอนเราปรึกษาอะไรแบบนั้นต่อ มีมี่และคูกิมา จากนั้นมีมี่เริ่มนั่งข้างผม – ตรงข้ามกับเอลม่า –
และคูกินั่งถัดจากมีมี่
“มีอะไรเหรอ?”
“คูกิซังพูดว่าเธอสนใจกับอะไรที่พี่คุยกันน่ะฮิโระซามะ”
“หืม? มันทำไมเหรอ?”
เมื่อผมหันไปสนคูกิที่ดูเหมือนลังเลก่อนตอนแรก สุดท้ายเธอก็พูดออกมา แม้ว่ายังน้ำเสียงจะไม่ค่อยกล้า
“อืม หนูได้ยินว่าท่านมีแผนทำการผ่าตัดเสริมความแข็งแกร่ง…… หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจแอบฝัง”
“ไม่หรอกฉันไม่ถือเลย”
หลังจากพูดอย่างนั้น ผมหันไปสนหูใหญ่และฟูฟ่องต่อ อืม ด้วยหูแบบนั้นของเธอ มันไม่น่าตกใจที่การได้ยินอะไรของเธอมันดีกว่ามนุษย์ผมสงสัยว่าใครฟังเสียงได้ดีกว่าระหว่างเธอกับเอลม่า
“หนูได้ยินมาจากมีมี่ซามะว่าท่านค้นหาบางอย่างที่เรียกว่าเกราะพลังงานจักรกลที่เพิ่มความสามารถต่อสู้และความรอดชีวิตได้ดีขึ้นมากกว่า”
“ใช่นั่นถูกแล้ว แต่ฉันไม่ได้ดูเหมือนเจออะไรน่าพอใจฉันเลยคิดเพิ่มความสามารถร่างกายแทน”
“เข้าใจแล้วค่ะ…… อืมนี่อาจฟังดูเหมือนคิดไปเองเสียเยอะกับหนูท่านลอร์ดของหนู แต่หนูคิดว่าท่านไม่ต้องการการเพิ่มแบบนั้นสักนิดค่ะ”
“เข้าใจแล้ว……? แค่ทำไมล่ะ? ขยายความได้มั้ย?”
“แน่นอนค่ะ ที่ตอนนี้ศักยภาพที่พุ่งออกมาจากร่างกายท่านลอร์ดของหนูไม่ได้ดูเหมือนถูกใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง ถ้าท่านเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน ถ้าอย่างนั้นผลลัพธ์จะเพิ่มเป็นดีขึ้นหลายเท่าดีกว่าใส่เกราะพลังงานจักรกลอีกค่ะ หนูคิดว่าอย่างนั้น”
“““อา–……”””
มันไม่ใช่แค่ผมที่ตกใจ ทุกคนยกเว้นเมย์และคูกิตอบสนองอย่างเดียวกัน
“อืมม……? หนูพูดอะไรแปลกๆเหรอคะ ท่านลอร์ดของหนู?”
คูกิเอียงหัวด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“ไม่ ไม่เลยสักนิดมันแค่ฉันตัดสินใจไม่เดินเส้นทางนั้นนานแล้ว”
“ท่านตัดสินใจไม่ไปทางนั้น?”
“ใช่ฉันหมายถึง แค่คิดเกี่ยวกับมันสิ ฉันจะสามารถใช้ความแข็งแกร่งเพื่อเอาชนะเกราะพลังงานจักรกลได้ ยิงการโจมตีลึกลับหรือทำลายภูเขาทั้งลูกได้ และแม้แต่ปัดเลเซอร์และกระสุนจริงที่บินใส่ฉันได้ ไม่ใช่แสดงออกแบบนั้นยิ่งดูดปัญหามากขึ้นในท้ายที่สุดเหรอ? ถ้าอย่างนั้นมันจะดีกว่าที่ไม่เดินไปทางนั้นและแค่ใช้อะไรเหมือนเกราะพลังงานจักรกลที่ถูกผูกอยู่กับสามัญสำนึกมากกว่าจะดีกว่าเหรอ ฉันคิดว่ามันปลอดภัยกว่าเยอะแบบนั้น”
หลังจากอธิบายเหตุผล คูกิพยักหน้ารับรู้และเริ่มคุยอีกครั้ง
“หนูแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันจากมีมี่ซามะแต่ที่เรียกกันเยอะว่าเกราะพลังงานจักรกลนี้สามาถให้คนหนึ่งเทียบได้กับทหารประเทศของหนูที่ไม่มีอุปกรณ์ ไม่บางทีทหารของเรายังสามารถเอาชนะได้แม้อย่างนั้น หนูไม่คิดว่าความแข็งแกร่งแบบนั้นตรงข้ามสามัญสำนึกสักนิด”
“เอ๋ อะไรกันเนี่ย? นั่นค่อนข้างน่ากลัวอ่ะ”
“หนูเชื่อว่าท่านสามารถแสดงพลังได้พอเอาชนะแม้แต่กลุ่มทหารเราด้วยความง่ายดายท่านลอร์ดของหนู ถ้าท่านเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องความเด่นไม่ใช่มันมีเหตุผลมากกว่าที่จะเรียนว่าควบคุมมันอย่างถูกต้องได้ยังไงและปรับพลังยังไงมากกว่าเหรอคะ?”
“นั่น–…… เอ่ออ ฉันว่าเธอมีเหตุผล”
ผมหวั่นไหวกับสายตาบริสุทธิ์ของคูกิ เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน แน่นอนมันไม่ใช่สไตล์ของผมที่ทิ้งพลังที่หาได้และไม่ทำเต็มที่เพราะผมแค่กลัวเด่นกว่าคนอื่น คนหนึ่งควรใช้ประโยชน์อะไรก็ตามที่พวกเขามี ผมเข้าใจหลักการนั้น ผมเข้าใจ
“แต่ไม่ใช่มันจะเป็นบางอย่างเหมือนซูเปอร์ไ*ย่าถ้าฉันทำบางอย่างแบบนั้นได้เหรอ!? พูดตรงๆ มันมีเวลาอยู่ที่ฉันอยากบินไปในอากาศและยิงคาเ*ฮาเ*ฮ่าหรืออะไรแบบนั้นด้วย! แต่ฉันไม่เคยได้ฝันว่าฉันคาดหวังได้ทำอะไรแบบนั้นจริงๆอ้ะรู้เปล่า!”
“ซูเปอร์ไ*ย่าเหรอคะ…..?”
คูกิแสดงหน้าตาสับสนกับคำบ่นของผม ใช่ แน่นอนเธอจะไม่เข้าใจ
“หนูไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคาเมบางอย่างนั้นเป็นอะไรตรงๆ แต่หนูคิดว่าเป่าทั้งภูเขาให้หายไปมัน…… ค่อนข้างไม่มีประสิทธิภาพ พูดตรงๆ แทนที่จะเสียพลังงานไปทำบางอย่างแบบนั้น มันจะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่จะหยุดศัตรูคนหนึ่งด้วยการกระแทกด้วยพลังวิญญาณแรงสูงดีกว่ามั้ยคะ”
“โว่วนั่นฟังดูเป็นอะไรอันตราย และอะไรคือการกระแทกด้วยพลังวิญญาณแรงสูงล่ะถ้าพูดตรงๆ?”
“มันเป็นวิชาที่เพิ่มภาระให้จิตใจเป้าหมายเยอะและถ้าไม่ก่อกวนสมาธิศัตรูมากมายก็หยุดพวกเขาให้นิ่ง หรือทำลายจิตใจเป้าหมายไปเลยขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งที่ใช้ ด้วยความแข็งแกร่งของท่านลอร์ดหนูคิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะทำอะไรแบบนั้นกับทั้งโคโลนี”
“นั่นมันโคตรอันตรายเลยเธอเอ๋ย ฉันไม่อยากกลายเป็นบางอย่างเหมือนเครื่องผลิตคลื่นพิษ”
“บอสออกนอกประเด็นไปเยอะแล้วนะบอส อืม ไม่ว่าบอสชอบแบบไหนนะ ไม่ใช่คูกิจริงๆแล้วฟังดูมีเหตุผลเหรอ? ก่อนหน้านี้ เราไม่ได้อยู่ในระบบดาวรีฟิลนานเพื่อฝึกในพลังลึกลับอะไรนั่น ดังนั้นในที่สุดเราก็ไม่ตัดสินใจไปทางนั้น แต่เพราะคูกิจะอยู่กับเราแล้วตั้งแต่ตอนนี้ไป ไม่ใช่มันไม่เป็นไรที่อย่างน้อยบอสจะแค่ฝึกกับเธอเหรอ?”
“นั่นจริง พี่หาเกราะพลังงานจักรกลใช้ได้พี่ใหญ่ แต่ไม่ใช่มันไม่เป็นไรที่จะฝึกพลังวิญญาณของพี่ด้วยเหรอ? มันไม่เหมือนว่าแน่นอนเลยว่าจะเจอปัญหาถ้าเรียนมันซะหน่อย”
อย่างน่าตกใจพี่น้องดวอร์ฟที่ค่อนข้างจริงใจกับอะไรพวกนั้นค่อนข้างอยากทำแผนการฝึกเหนือมนุษย์แบบนั้น ไม่ใช่มันขัดกับวงการที่เธอเลือกหรือพวกเธอ?
“จริงๆแล้วเราก็สนใจนเทคโนโลยีวิญญาณนิดหน่อย นั่นแหละเหตุผล”
“เพราะมันเป็นระบบเทคโนโลยีที่ต่างกันเลย หนูคิดว่าเราอาจได้เจอการค้นพบอะไรน่าสนใจถ้าบอสได้พลังเหนือธรรมชาติแบบนั้นน่ะนะบอส”
“ถ้าอย่างนั้นเธอให้ความสำคัญกับความสนใจเธอมากกว่าอ่ะดิ ไม่กังวลเกี่ยวกับฉันเลยสักนิดเหรอ?”
“เอาน่า ไม่ใช่ร่างกายบอสมันก็ส่งคลื่นพลังงานทรงพลังหรืออะไรแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาเหรอบอส? แม้มันแค่คูกิที่พูดอย่างนั้น ไม่ใช่การฝึกพลังบอสจริงๆแล้วมันดีกว่าเอาร่างกายไปผ่าตัดบางอย่างแปลกๆเหรอ?”
“นั่นจริง เมื่อฉันเพิ่มการเสริมความแข็งแกร่งร่างกายเมื่อฉันยังเด็กมันรู้สึกแย่อยู่นานด้วยจนกว่าฉันสามารถชินกับความสามารถที่เสริมพลังแล้ว มันค่อนข้างร้ายแรง แย่ที่สุดเธอจะขยับกล้ามเนื้อไม่ได้สามเดือนด้วยและมันแพงกว่าซื้อเกราะพลังงานจักรกลเยอะ”
“กุนุนุ……”
ถ้าอย่างั้นนผมไม่มีทางเลือกนอกจากควบคุมศักยภาพหรืออะไรก็ช่างเพื่อเพิ่มความสามารถรอดชีวิตในโลกนี้หรือ? อืม ผมว่าผมแค่ใช้เวลาฝึกได้เพราะคูกิจะอยู่กับเราจากตอนนี้ไป ผมแค่ต้องให้ความสนใจกับการยั้งตัวเองและเลี่ยงการทำตัวเด่น ไม่มีปัญหาถูกไหม? ใช่ไหม?
“ได้ได้ ฉันเข้าใจ ฉันจะกลับไปเดินทางนั้นถ้างั้น ฉันจะไม่เพิ่มการเสริมความแข็งแกร่งร่ายกายแต่ฉันยังจะซื้อเกราะพลังงานจักรกล ฉันจะทำแบบนั้นแหละ”
“นั่นเป็นแผนดีสุดแล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนนั้น เราต้องหารุ่นเกราะพลังงานจักรกลน้ำหนักเบาที่เหมาะกับฮิโระซามะให้ได้อย่างแน่นอนด้วย”
ใช่นั่นเป็นอีกปัญหาที่เรายังไม่ได้แก้ ถ้าเราหาสินค้าที่เหมาะสมไม่ได้ในตลาด ผมไม่มีทางเลือกนอกจากสั่งทำหรือ? ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสั่งอะไรแบบนั้นที่ไหน ผมว่าเราแค่ต้องขอบริษัทผลิตเกราะพลังงานจักรกลเอาหรือคิดหาทางอื่นเอา หืมม