ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1022 อินทรีทองชื่อแคลร์
ฉินสือโอวดูดนมข้นใส่หลอดแล้วส่งให้วินนี่ กอร์ดอนที่เฝ้าดูข้างๆ และกำลังใช้ตะเกียบคีบข้าวเข้าปากอยู่ก็ยกมือขึ้นอย่างใจร้อนและพูดอย่างกระวนกระวายใจว่า “ผมป้อนเอง ผมป้อนเอง พี่วินนี่ให้ผมป้อนได้ไหมครับ?”
วินนี่ยิ้มพร้อมกับยื่นหลอดเข็มฉีดยาให้เขา ฉินสือโอวรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ศักดิ์สิทธิ์มากเพราะทั้งสองคนเหมือนกำลังส่งต่อคบเพลิงให้กัน วินนี่ที่ท่าทางดูเคร่งขรึมแบบนั้นและกอร์ดอนก็ดูจริงจังเป็นอย่างมาก
หลังจากได้หลอดเข็มฉีดยามาแล้ว กอร์ดอนก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ ห่านขาวอย่างระมัดระวังและเอื้อมมือเข้าไปใต้ปีกห่านขาวและพยายามคลำหาลูกนกอินทรีทอง
ห่านขาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่กอร์ดอนด้วยสายตาไม่พอใจ
กอร์ดอนไม่สนใจ จึงบ่นพึมพำคนเดียวว่า ‘มองอะไร’ แล้วก็เอื้อมมือคลำหาต่อ
ฉินสือโอวรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ห่านหัวสิงโตเป็นสัตว์ที่น่ากลัวมาก ลูกตาของพวกมันจะมีลักษณะปูดขึ้น ดังนั้นไม่ว่าพวกมันเห็นอะไรทุกสิ่งจะเล็กกว่าตัวมันเองเสมอ อย่าว่าแต่เด็กอย่างกอร์ดอนเลย แม้แต่เสือที่ดุร้ายพวกมันก็ยังไม่กลัว
สำหรับสิ่งที่พวกมันไม่กลัว ห่านหัวสิงโตจะรังแกและดูถูกเหยียดหยามอย่างมีความสุขมาก
เมื่อมองตรงไปที่กอร์ดอน จู่ๆ ห่านหัวสิงโตก็โผล่หัวออกมาทันที ขณะนั้นฉินสือโอวก็นึกถึงงูแบล็กแมมบาเทพเจ้าแห่งงูในตำนานของแอฟริกา ว่ากันว่างูตัวนั้นโจมตีได้อย่างรวดเร็วมาก และห่านหัวสิงโตก็ยื่นหัวออกมาพร้อมกับอ้าปากกัดแขนของกอร์ดอน
“อ้า!” เสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดก็ดังขึ้น ขนสีเหลืองทองบนตัวหู่จือและเป้าจือที่กำลังนั่งยองๆ มองดูอยู่ข้างๆ ก็ลุกซู่ขึ้นทันที จากนั้นก็กระโดดถอยหลังออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัวและเงยหน้าขึ้นมามองฉินสือโอวอย่างตกใจกลัว!
ฉินสือโอวไม่มีเวลามาปลอบหู่จือและเป้าจือ เขารีบเข้าไปแยกห่านหัวสิงโตและกอร์ดอนออกจากกัน กอร์ดอนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากอุณหภูมิในเดือนมีนาคมกลับเข้าสู่ช่วงอบอุ่นแล้วและอีกอย่างอุณหภูมิในห้องรับแขกก็ค่อนข้างสูง กอร์ดอนสวมเพียงแค่เสื้อขนแกะตัวเดียว ดังนั้นเมื่อถูกห่านหัวสิงโตกัดเข้าไป ยิ่งทำให้เขาน่าสงสาร
เมื่อแยกห่านหัวสิงโตออกแล้ว กอร์ดอนก็กรีดร้องพร้อมกับวิ่งออกไป วินนี่จึงช่วยเขาถอดเสื้อและดูแผลให้ บนไหล่ของเขามีรอยช้ำสีม่วงเขียวขนาดเท่าฝ่ามือ นี่ก็ทำให้เห็นแล้วว่าห่านหัวสิงโตนั้นโหดร้ายขนาดไหน!
ฉินสือโอวลากห่านหัวสิงโตและลูกนกที่ซ่อนอยู่ใต้ปีกของห่านหัวสิงโตก็หลุดออกมา มันจ้องมองไปรอบๆ อย่างว่างเปล่า ร่างกายอันเปลือยเปล่าและเปราะบางของมันสั่นขึ้นมา จากนั้นจึงเดินโซเซเข้าไปที่ใต้ตัวของห่านหัวสิงโต
อินทรีทองสมกับเป็นเจ้าแห่งนกจริงๆ แม้แต่นกที่เพิ่งเกิดใหม่ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถเดินเตาะแตะไปมาได้แล้ว โดยทั่วไปลูกนกเพิ่งฟักไข่ออกมา จะมีแรงยกหัวขึ้นและส่งเสียงเท่านั้น ซึ่งแค่นี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว
กอร์ดอนถูกกัด แต่งานให้อาหารนกยังคงต้องทำต่อ วินนี่รับหลอดเข็มฉีดยามาพร้อมกับพูดปลอบโยนว่า “ให้ฉันทำเองเถอะค่ะ เราต้องทำเพื่อเจ้าตัวเล็กใช่ไหม?”
ฉินสือโอวมองไปที่กอร์ดอนที่ยังคงร้องไห้อยู่ จึงส่ายหัวอย่างแรง “อย่าๆๆ ที่รัก คุณอย่าไปเสี่ยงเลย ให้ผมทำเถอะ”
แบล็คไนฟ์อดไม่ไหวจึงพูดออกมาว่า “บอส จะยากอะไร เดี๋ยวผมจะกดห่านตัวนี้ไว้เอง ส่วนพวกคุณแค่ป้อนก็พอ”
เบิร์ดกดไหล่เขาไว้แล้วส่ายหัวพร้อมพูดว่า “ไม่ได้ ถ้านายทำแบบนี้จะทำให้ห่านหัวสิงโตที่บังคับได้แล้วทิ้งลูกนกอินทรีทอง การเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ถ้านายบังคับและทำหน้าที่แทนพวกมัน นี่จะเป็นการทำลายความเชื่อใจของพวกมัน”
“ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ?” เชอร์ลี่ย์พูดอย่างท้อใจ “เราต้องเลี้ยงลูกนกอินทรีทองตัวน้อยไม่ใช่เหรอคะ?”
แซนเดอร์สเดินเข้ามาพร้อมกับทิญาและถามอย่างสงสัยว่า “เฮ้ ทุกคน พวกคุณกำลังมุงดูอะไรกัน? นกเหรอ? นกตัวนี้ป่วยเหรอ?”
วินนี่ยักไหล่พร้อมกับอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทิญาจึงถามด้วยความตกใจว่า “พระเจ้า ไข่นกอินทรีทองฟักตัวแล้วเหรอคะ? เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันตกใจมากจริงๆ ถ้าทำให้นกอินทรีทองตัวนี้เชื่องได้ จะทำให้ผู้คนอิจฉามาก”
นกอินทรีทองเป็นหนึ่งในนกเพียงชนิดเดียวในโลกที่มนุษย์ไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ หลังจากพวกมันเจริญเติบโตแล้วนกอินทรีทองจะมีนิสัยที่เข้มแข็งและซื่อตรงมาก เมื่อถูกจับพวกมันจะอดอาหารหรือไม่ก็ทำร้ายตัวเอง แทนที่จะทำตัวเชื่อง
ในการเลี้ยงนกอินทรีทอง จะต้องเริ่มเลี้ยงตั้งแต่เป็นลูกนกเท่านั้นและการเลี้ยงดูนกอินทรีทองเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เปลืองแรงและเปลืองเงิน ซึ่งเหมือนกับเจ้าหญิงและเจ้าชายในตะวันออกกลางเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ทำอะไร
หลังจากแซนเดอร์สรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว เขาก็คิดอยู่สักพักแล้วเสนอแนะว่า “ผมจะเอายาสลบที่สามารถใช้กับปลา นกหรือสัตว์อื่นๆ ได้มาให้ แต่ไม่รู้เราจะแอบวางยาห่านตัวนี้ได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่เลว เบิร์ดจึงตามแซนเดอร์สไปเอาขวดยา เมื่อได้มาแล้วก็เอายาสลบใส่ลงไปในหลอดเข็มฉีดยาเล็กน้อยและเสียบเข้าข้างในปีกของห่านขาวแล้วฉีดเข้าไป
ในไม่ช้า ห่านขาวก็ไม่สามารถรักษาสมดุลได้อีกต่อไป มันเดินโซเซวนไปมาอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ จากนั้นร่างกายของมันก็แข็งทื่อและล้มลงไปนอนกับพื้น
วินนี่รู้สึกว่าวิธีมันโหดร้ายมากจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ต่อไปไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ ยาสลบเป็นอันตรายต่อสุขภาพของห่านมากเกินไป”
แซนเดอร์สจึงอธิบายว่า “ไม่นะ ยาสลบของผมชนิดนี้ได้รับการพัฒนามาจากทางการแพทย์ของมนุษย์ ส่วนประกอบหลักคือเวคิวโรเนียม ซึ่งเป็นยาหย่อนกล้ามเนื้อ เป็นยาที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้และอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตเพียงเล็กน้อย”
พอห่านหัวสิงโตนอนลง ลูกนกอินทรีทองก็ปรากฏตัวขึ้นและอยู่ต่อหน้าทุกคนอย่างไม่รู้เรื่องอะไร
ฉินสือโอวโบกมือให้ทุกคนรีบถอยออกไป หู่จือเป้าจือและฉงต้าก็นั่งยองๆ บนพื้นมองอย่างไม่อาย ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะด่าว่า “มองอะไร? มีอะไรน่าดูเหรอไง? ออกไปเล่นกันได้แล้ว อย่ามาอยู่ที่นี่!”
มีเงารางๆ ปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง ซึ่งเป็นแมวป่าตัวอ้วนกระโดดขึ้นไปบนโซฟาแล้วเบิกตาจ้องมองไปที่ลูกนกอินทรีทองที่กำลังเหม่อลอยอยู่บนพื้น มันอ้าปากกว้างและแลบลิ้น จากนั้นขนหูของมันก็ตั้งชันขึ้นด้วยความตื่นเต้น
วินนี่จึงรีบเอื้อมมือไปจับแมวป่าไว้ พร้อมกับตบก้นเล็กๆ ของมันแล้วเตือนว่า “นี่ไม่ใช่ของกินนะ กินไม่ได้ เข้าใจไหม?!”
เจ้าแมวป่าตัวนี้ต้องได้รับการตักเตือนเพราะความสัมพันธ์ระหว่างแมวป่าและอินทรีทองค่อนข้างสลับซับซ้อน ลูกนกอินทรีทองเป็นหนึ่งในอาหารของแมวป่าและนกอินทรีทองที่ตัวโตเต็มวัยแล้วก็จะกินแมวป่าทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้บาดหมางกัน แต่ความสัมพันธ์กลับไม่ค่อยดีเท่าไร
เมื่อถูกวินนี่ตักเตือน อารมณ์ของราชาซิมบ้าก็หดหู่ขึ้นทันทีและขนหูของมันเริ่มตกลงอีกครั้ง
ฉินสือโอวรีบไล่คนอื่นๆ ออกไป วินนี่จึงอุ้มลูกนกอินทรีทองใส่เข้าในตู้ฟักไข่และค่อยๆ ปลอบจนมันสงบลง จากนั้นฉินสือโอวจึงฉีดยาใส่ปากหลอดพลาสติกแล้วก็ยัดเข้าไปในปากของลูกนกอินทรีทองและค่อยๆ หยอดเข้าไปทีละนิด
เดิมทีลูกนกอินทรีทองปฏิเสธ หลังจากเข้าไปในตู้ฟักไข่ มันรู้สึกว่าอุณหภูมิพอเหมาะแล้ว จึงนอนลง ส่วนนมข้นที่หยอดเข้าไปในปาก มันกลับส่ายหัวไม่ยอมกิน
หลังจากไม่ยอมกินหลายครั้ง ในที่สุดก็มีน้ำนมไหลเข้าปากและมันก็ดูดปากกินเข้าไปด้วยสัญชาตญาณของมัน จากนั้นจึงลองให้มันเริ่มดื่มนมช้าๆ
ตั้งแต่ทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเรื่องนก นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกนกอินทรีทองกินเข้าไปถึงห้าหกคำ เมื่อเห็นความแรงของยาสลบในตัวของห่านขาวลดลงแล้ว วินนี่จึงเอาลูกนกอินทรีทองกลับเข้าไปอยู่ใต้ตัวมัน
หลังจากห่านหัวสิงโตตื่นแล้ว ก็เอาลูกนกอินทรีทองไปพักอยู่ข้างๆ เตาผิงกับห่านขาว ซึ่งเป็นการพักผ่อนอย่างสะดวกสบายได้ชั่วคราว
ดังนั้นงานที่เหลือคือการตั้งชื่อให้ลูกนกอินทรีทอง ฉินสือโอวเคยคิดเรื่องนี้มานานแล้วจึงพูดว่า “งั้นให้มันชื่อว่าแคลร์ไหม เป็นอย่างไรบ้าง?”
การตั้งชื่อจะต้องเป็นระบบ นกสองตัวในฟาร์มปลาอย่างนกฟรีเกตผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อว่านิมิตส์ นี่คือชื่อที่สง่างามจากทหารเรือผู้กล้าหาญของอเมริกาและนกอินทรีหัวขาวมีชื่อว่าบุช ชื่อนี้ไม่ต้องการคำอธิบายเลยเพราะอย่างไรทั้งสองชื่อนี้ก็เป็นชื่อของบุคคลที่มีชื่อเสียงทางการเมืองหรือไม่ก็ทางการทหารของอเมริกา
ดังนั้นชื่อของลูกนกอินทรีทองจึงต้องสอดคล้องกับกฎนี้และฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่มีชื่อไหนเหมาะสมเท่าชื่อแคลร์อีกแล้ว
……………………………………………