ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1026 เถียนกวาพลิกตัวได้แล้ว
เรือปริ้นเซสเมล่อนมาพร้อมกับพลังที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน เพราะเรือลำนี้ฝ่าคลื่นและพุ่งลงทะเล ความเร็วของเรือในตอนแรกมีความเร็วมาก เพียงแค่สี่หรือห้านอตเท่านั้น แต่หลังจากเข้าสู่เขตน้ำลึกประมาณสองร้อยเมตร ความเร็วของเรือก็ต้องเร่งให้เร็วขึ้นไปอีก ซึ่งจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปจนถึงสิบนอต
ฉินสือโอวยืนกอดวินนี่อยู่บนดาดฟ้าของเรือ ทำให้รู้สึกถึงลมทะเลที่มาปะทะบนใบหน้า
ช่วงปลายเดือนมีนาคม แสงแดดในตอนเที่ยงจะอบอุ่นและลมทะเลจะไม่แรงเหมือนช่วงเดือนสองเดือนก่อนหน้านี้ ลมที่พัดมายังมีความเย็นอยู่บ้างแต่ก็ยังพอทนได้
สายลมพัดปะทะลงบนใบหน้าเบาๆ พร้อมกับอากาศอันแสนอบอุ่นที่มีกลิ่นอายความสดชื่นของต้นหลิวชวนให้คนหลงใหล ที่นี่ไม่มีฝนในช่วงที่ดอกแอปริคอทบาน แต่มีทะเลหมอกครึ้มในทะเล ซึ่งก็เหมือนกับในทะเลที่ไม่มีต้นหลิวแต่กลับมีนกนางนวล
ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล มักจะมีนกนางนวลบินอยู่เหนือทะเลเสมอและไกลออกไปอีกหน่อยก็จะมีนกจมูกหลอดหางสั้นฝูงใหญ่
ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นฝูงนี้จะเปลี่ยนสถานะของตัวมันเองตามถิ่นที่อยู่ในแต่ละฤดูกาล ในฤดูหนาวพวกมันจะไม่บินหลายหมื่นกิโลเมตรไปที่เส้นศูนย์สูตรเพื่อหนีความหนาวเย็น แต่พวกมันจะกลายเป็นนกเขตอบอุ่น พวกมันอาศัยอยู่รอบๆ ฟาร์มปลาตลอดทั้งปี ตอนกลางวันตกปลา กลางคืนก็กลับไปเชิงเขาในป่าที่เพื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่มและทำให้ตัวอบอุ่น
ผลกระทบของพลังโพไซดอนที่มีต่อฟาร์มปลากำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปลาตัวเล็กกินสาหร่ายทะเล ปลาตัวใหญ่กินปลาตัวเล็ก สุดท้ายพลังโพไซดอนก็รวมอยู่ในตัวของพวกมันและนกทะเลมักจะกินปลาตัวเล็กที่มีพลังโพไซดอนเข้าไป แม้ว่ากินเข้าไปครั้งหนึ่งจะเป็นแค่พลังเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าสะสมไปเรื่อยๆ ก็สามารถทำให้เกิดเป็นพลังระดับสูงขึ้นมาได้เช่นกัน
ปลาและกุ้งในฟาร์มปลาที่อยู่รอบๆ บริเวณน่านน้ำทะเลจะมีรสชาติดีที่สุด ดังนั้นพวกมันจึงดึงดูดพวกนักล่ามาเป็นจำนวนมาก
สาเหตุที่นกจมูกหลอดหางสั้นอยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะปลาและกุ้งที่นี่ช่วยเสริมพลังความเร็วให้พวกมันและทำให้มีพลังงานมากเพียงพอ นอกจากนี้พลังโพไซดอนทำให้พวกมันมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำให้พวกมันสร้างขนเพื่อรักษาความอบอุ่นและช่วยให้ต้านลมหนาวในฤดูหนาวได้
นกนางนวลหลายร้อยตัวที่มีขนสีขาวราวกับหิมะและมีขอบปีกสีดำที่บินผ่านเหนือน้ำทะเล นกเหล่านี้บินขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง บางครั้งพวกมันก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาและบินเล่นอย่างอิสระในทะเลพร้อมกับมีกลิ่นอายของดินแดนแห่งความฝัน
วินนี่อุ้มเถียนกวาวางลงในรถเข็นเด็กและดึงผ้าห่อตัวออกเพื่อเผยให้เห็นหัวกลมๆ เล็กๆ ส่วนบนของรถเข็นเด็กทำจากพลาสติกใส หลังจากหัวของเจ้าตัวเล็กโผล่ออกมาแล้วก็ทำให้มองเห็นวิวรอบๆ และยังทำให้ไม่ถูกลมทะเลพัดอีกด้วย
เถียนกวายังเล็กมากที่จะคลานหรือลุกขึ้นนั่งได้ หลังจากนอนลงเธอก็จะไม่อึดอัดพร้อมกับถีบขาเล็กๆ และโบกแขนเล็กๆ ไปมา
ถ้าเทียบกับตอนที่เพิ่งเกิดมาใหม่ๆ ตอนนี้เถียนกวามีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ผิวก็ไม่แดงคล้ำอีกแล้วแต่กลับกลายเป็นสีแดงอมชมพูมีน้ำมีนวล ดูเหมือนกับน้ำใสสะอาด พอได้สัมผัสแล้วก็ไม่สามารถละมือออกไปได้เพราะผิวที่ดีของเธอทำให้แม่วินนี่รู้สึกอิจฉาอยู่เสมอ
ฉินสือโอวนั่งยองๆ ลงพร้อมกับยื่นมือออกไปหยอกล้อเธอ เด็กหญิงตัวน้อยจึงจ้องมองไปที่ฝ่ามือขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง มือเล็กๆ พยายามยกมือขึ้นและกอดฝ่ามือใหญ่เอาไว้ จากนั้นก็ดึงมาไว้ต่อหน้าแล้วเธออ้าปากเล็กๆ เพื่ออมนิ้วหัวแม่มือของฉินสือโอวไว้ในปาก
นี่คือสิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากที่สุด คือปากเล็กๆ อมชมพูของเถียนกวา พออ้าปากแล้วกลับใหญ่มาก นิ้วหัวแม่มือของเขาจึงถูกอมเข้าไปและเด็กหญิงตัวน้อยก็ดูดอย่างใจจดใจจ่อทันที
ฉินสือโอวดึงมือของเขาออกมาอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังคงมองเขาด้วยความตะลึงอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็แบะปากเล็กๆ ฉินสือโอวคิดว่าเธอจะร้องไห้ แต่เธอแค่แบะปากพร้อมกับชูมือขึ้นและเล่นกับตัวเอง
วินนี่กลัวว่าเธอจะดูดนิ้วอีก จึงเอาแท่งนมใส่เข้าไปในปากของเธอ นี่เป็นสิ่งที่ใช้แทนการดูดนิ้วของเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีกลิ่นหอมของนมจางๆ และมีวิตามินในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งสามารถเสริมโภชนาการให้กับเด็กๆ ได้
เถียนกวายังเล็กมาก แต่เธอเติบโตมาเป็นอย่างดี เธอจึงแข็งแรงกว่าเด็กทารกอายุสี่ห้าเดือนและเธอยังสามารถถือของเล็กๆ น้อยๆ ได้เองด้วย
เธอรู้สึกว่าแท่งนมนี้เพลินดี วินนี่จึงส่งให้แล้วมือเล็กๆ ก็ยื่นไปจับแขนแล้วยัดใส่เข้าปากทันที
วินนี่ทำหน้าที่ดูแลเด็กหญิงตัวน้อย ในขณะที่ฉินสือโอวก็ไปถามสถานการณ์การทำงานของเรือประมงกับชาร์คและคนอื่นๆ
ชาร์คมองไปที่แผงควบคุมจำนวนมากและพูดอย่างมีเบิกบานใจว่า “ไม่มีปัญหาครับ ทุกอย่างทำงานเป็นปกติ ผมกล้าพนันได้เลยว่าถ้าเราไปมหาสมุทรแปซิฟิกตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหา”
ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “ระวังไว้หน่อยดีกว่า แต่ปีนี้ฉันจะต้องไปจับปลาในมหาสมุทรให้ได้ พวกนายคุยกับครอบครัวไว้ล่วงหน้าเลยนะ เพราะการออกเรือครั้งนี้จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองเดือน”
“ผมรอไม่ไหวแล้วกัปตัน ผมตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้มานานแล้ว!” บูลพูดอย่างตื่นเต้น
ฉินสือโอวขมวดคิ้วและพูดว่า “นายก็จะไปด้วยเหรอ? ลูกนายเพิ่งจะคลอดเองนะ นายจะให้แอนนี่ดูแลลูกเองเหรอ?”
บูลหัวเราะแล้วพูดว่า “แต่ผมต้องหาเงินซื้อนมไม่ใช่เหรอครับ?”
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่เขาจับได้ครั้งที่แล้วยังไม่ได้ขายและยังไม่ได้รับเงินปันผลห้าเปอร์เซ็นต์ ทำให้สภาพการเงินของบูลในตอนนี้กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
หลังจากคุยกันได้สักพัก ฉินสือโอวก็กลับไปที่ดาดฟ้าเรือและเห็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังร้องไห้อยู่
“เกิดอะไรขึ้น? ลูกรัก ทำไมลูกถึงร้องไห้?” ฉินสือโอวถามด้วยความตกใจ
เขาเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นว่าในมือของเด็กหญิงตัวน้อยยังคงถือแท่งนมไว้อยู่แล้วยกขึ้นมาไว้บนอกพร้อมกับร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจ
วินนี่หัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “เราใส่เสื้อให้เธอหนามากเกินไป เธอจึงเอื้อมแท่งนมใส่ปากไม่ได้ พอกินไม่ได้เธอก็ร้องไห้ทันที”
ฉินสือโอวมองเธอด้วยความไม่พอใจและเห็นว่ารอบๆ ไม่มีคนจึงบีบสะโพกของวินนี่พร้อมกับพูดว่า “คุณเป็นแม่จริงๆ ใช่ไหม? ทำไมยังไม่รีบไปช่วยเธออีกและยังมองดูอยู่ตรงนี้อย่างสนุกอีก?”
เด็กหญิงตัวน้อยส่งเสียงร้องด้วยความโกรธได้ไม่นาน ฉินสือโอวก็พลิกตัวเธอและอุ้มเธอลงนอนในรถเข็นเด็ก
แต่พอทำแบบนี้แล้ว เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังเอื้อมแท่งนมไม่ถึงเพราะเสื้อผ้าที่หนารั้งแขนเล็กๆ ของเธอไว้อยู่ จึงไม่สามารถยกแขนขึ้นได้
วินนี่หัวเราะคิกคักขึ้น เธอบีบหูของฉินสือโอวพร้อมกับพูดหยอกว่า “ที่รัก คุณนี่โง่แต่น่ารักจริงๆ เลยนะ ลูกแค่งอแขนไม่ได้ แต่คุณให้เธอนอนจะมีประโยชน์อะไร?”
หลังจากเด็กหญิงตัวน้อยนอนลงเธอก็ยังคงมีความสุข ผลคือพองอแขนแล้ว เธอพบว่าตัวเองก็ยังกินแท่งนมไม่ได้ จึงรู้สึกว่าตัวเองได้รับความเจ็บปวดและโดนหลอกทันที จึงร้องไห้เสียงดังออกมาด้วยความเสียใจอีกครั้งแล้วโยนแท่งนมทิ้งลงข้างๆ
พอโยนแท่งนมทิ้งไปแล้ว เธอยกมือขึ้นควานหาอย่างไร้เดียงสาแต่ก็พบว่าแท่งนมหายไปแล้ว จึงรู้สึกเสียใจทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กหญิงตัวน้อยก็เริ่มกระวนกระวายใจ ดวงตากลมโตจึงจ้องมองดูรอบๆ และพยายามเงยหน้ามองดูข้างๆ ขาเล็กๆ ก็ออกแรงถีบพร้อมกับโยกตัวไปมา ‘ฮือฮือ’ จากนั้นไม่นานคิดไม่ถึงว่าเธอจะพลิกตัวทันที
ฉินสือโอวเห็นเช่นนี้จึงประหลาดใจมาก เขาหันหน้าไปมองวินนี่อย่างไม่น่าเชื่อ วินนี่เองก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน จึงร้องตะโกนว่า “ที่รัก นี่ลูกสาวเราพลิกตัวเหรอคะ?”
การพลิกตัวเป็นวิธีการเคลื่อนไหวแรกของเด็กทารก ซึ่งทั่วโลกก็เป็นเช่นเดียวกัน ที่บ้านเกิดของฉินสือโอว เด็กทารกจะพลิกตัวได้ตอนประมาณสามเดือน นั่งได้ตอนหกเดือนและคลานได้ตอนแปดเดือน ดังนั้นจึงมีสุภาษิตกล่าวว่าสามพลิกหกนั่งเก้าคลาน
ตอนที่เถียนกวาคลอดได้ประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง ฉินสือโอวเคยหาข้อมูลไว้ก่อนหน้านั้นว่าจริงๆ แล้วเวลาที่เด็กทารกพลิกตัวได้จะไม่แน่นอน เวลาที่พลิกตัวได้คือหลังจากคอแข็งแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กทารกอายุสี่ถึงเจ็ดเดือน
แต่เวลาที่พลิกตัวได้จริงๆ จะแตกต่างกันไป แปดสิบเปอร์เซ็นต์จะอยู่ในช่วงอายุสี่ถึงหกเดือนและสิบเปอร์เซ็นต์จะในช่วงอายุภายในสามเดือน แต่ฉินสือโอวไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไรที่สามารถพลิกตัวได้สำเร็จภายในหนึ่งเดือนครึ่ง…
หลังจากพลิกตัวแล้ว อุ้งเท้าอ้วนของเด็กหญิงตัวน้อยก็แกว่งหารอบตัวอีกสักพัก คิดไม่ถึงว่าในที่สุดเธอก็หาแท่งนมเจอ
เธอจึงเอียงตัวและยกแขนขึ้นพร้อมกับมองที่แท่งนมสีขาวราวกับหิมะด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอันไร้เดียงสา ซึ่งท่าทางของเธอดูพอใจเป็นอย่างมาก
แต่ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอสะบัดมือและโยนแท่งนมทิ้งอีกครั้ง มืออ้วนๆ เล็กๆ จึงยื่นออกไปพร้อมกับส่งเสียงร้อง ‘อึกอึก’ ขึ้น
…………………………………………….