ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1028 ขี่เจ้าชายน้อยฉงต้า
วินนี่ถือปลาทูน่าและฉินสือโอวก็โอบเธอไว้ แล้วขอให้เบิร์ดถ่ายรูปให้สักสองสามรูป จากนั้นก็โยนปลากลับลงทะเลไป
หลังจากกินแต่อาหารทะเลมาเป็นเวลาสองปีครึ่ง แม้ว่าฉินสือโอวจะไม่เบื่อ แต่อาหารทะเลก็ไม่น่าสนใจสำหรับเขาอีก ต่อให้จะเป็นปลาทูน่าที่มีรสชาติอร่อยก็ตาม
เขาเตรียมปลาแฮร์ริ่งตัวเล็กที่เต็มไปด้วยพลังโพไซดอนให้วินนี่และแขวนไว้ที่เบ็ดเพื่อให้เธอตกปลา
หลังจากตกเหยื่อลงไปได้ไม่กี่วินาทีสายเบ็ดก็ตึงขึ้น วินนี่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “มีปลากินเบ็ดของฉันแล้ว! รีบมาดูเร็ว ฉันมีลางสังหรณ์ว่ามันจะต้องเป็นปลาตัวใหญ่แน่ๆ!”
ในขณะที่เธอกำลังส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข วินนี่ก็บิดไปมาบนที่นั่งล้ออย่างลำบาก ฉินสือโอวจึงเป็นมือตกปลาสำรองคอยอยู่ข้างๆ เธอ ช่วยเธอดึงสายเบ็ดหรือจับที่นั่งล้อในขณะที่รอให้เธอพักหายใจ ในที่สุดในขณะที่วินนี่ดึงปลาขึ้นมา ชาวประมงก็ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจขึ้นมาเบาๆ
ปลาที่ตกได้ตัวนี้มีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตรและเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ นี่ไม่ใช่ปลาโอแถบแต่กลับเป็นปลาอีโต้มอญ สีของปลาจะเป็นสีเขียวมรกตและจะดูงดงามมากเมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระทบลงมา
เรือประมงลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลาห้าถึงหกชั่วโมงแล้ว ฉินสือโอวและวินนี่ก็ยังคงตกปลาต่อไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายปลาที่ตกได้ส่วนใหญ่จะถูกโยนกลับลงน้ำทะเลไป พวกเขาตกปลาเพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
การทดลองเดินเรือในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและเรือประมงก็กลับถึงท่าเรือได้อย่างปลอดภัย ชาวประมงพากันเดินกอดคอลงเรือพร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮา ฉินสือโอวที่ยืนอยู่บนท่าเรือจึงหันกลับมามองดู เรือปริ้นเซสเมล่อนที่กำลังจมอยู่ในแสงพระอาทิตย์ยามเย็นอย่างความสง่าและโดดเด่น ทำให้รู้สึกอัศจรรย์ใจมาก
หู่จือและเป้าจือเป็นกลุ่มแรกที่มักจะออกมาต้อนรับฉินสือโอว เมื่อพวกเขาลงเรือ เจ้าสองตัวนี้จะวิ่งตามไปพร้อมกับกระดิกหูขนาดใหญ่ขอพวกมันไปด้วย
ในที่สุดสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ก็โตขึ้นแล้ว ไม่น่ารักเหมือนตอนเด็กๆ เนื่องจากอาหารบำรุงร่างกายค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เจ้าสองตัวนี้จึงแข็งแรงมาก หัวโต ปากกว้าง ขาทั้งสี่ข้างทั้งอ้วนและแข็งแรง ขนสีเหลืองทองก็แน่นไปทั้งตัว ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างก็
ชื่นชอบพวกมันเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวกอดเจ้าสองตัวนี้ไว้ทั้งซ้ายขวา จากนั้นลิ้นเหนียวๆ ขนาดใหญ่ทั้งสองของพวกมันก็เลียที่ใบหน้าของเขา เขาทั้งยิ้มพร้อมกับหลบหลีกและมองหาคนอื่นๆ ไปด้วย สุดท้ายนอกจากหู่จือและเป้าจือแล้วก็ไม่มีใครมาเลย
ก่อนจะเดินไปถึงวิลล่า ห่านขาวตัวหนึ่งก็กำลังเดินโซซัดโซเซและมีลูกนกอินทรีทองสีเทากำลังตามหลังมาพร้อมกับเรียนรู้และทำตัวเหมือนห่านขาว ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็เดินส่ายไปมาตามห่านขาวเช่นกัน
แคลร์มีพัฒนาการที่ดีมาก ในระยะเวลาเพียงแค่สิบวัน ขนบนตัวมันก็ยาวเท่ากันแล้ว แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นขนอ่อนที่เพิ่งเกิดใหม่
เมื่อเห็นฉินสือโอว แคลร์ก็ส่ายตูดพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา เพียงแค่ระยะเวลาไม่นาน ฝีเท้าของมันก็มั่นคงแล้ว กรงเล็บของมันแข็งแรงมากและยังวิ่งได้เร็วเหมือนกับแม่ไก่ตัวอ้วนเลยด้วย
ฉินสือโอวนั่งยองๆ ลงและลูบไปที่แคลร์พร้อมกับยิ้มให้วินนี่แล้วพูดว่า “ดูสิ ไม่ใช่เจ้าตัวเล็กทุกตัวจะไม่มีจิตสำนึก ในที่สุดผมก็ไม่เสียแรงเปล่าที่หลายวันมานี้พยายามเป็นทั้งพ่อและแม่ให้มัน”
ห่านขาวกระพือปีกส่งเสียงแควกแควก แคลร์จึงหันหลังและวิ่งกลับไปทันที ห่านขาวก้มหน้ามองที่ต้นหญ้าอ่อนที่เพิ่งเกิดใหม่และเห็นแมลงตัวอ้วนหนึ่งตัว ลูกนกอินทรีทองจึงใช้ปากอันแหลมคมจิกและเขย่าไปมา จากนั้นมันก็เงยหน้าพร้อมกับยืดคอขึ้นแล้วกินแมลงตัวนั้นเข้าไป
วินนี่ถึงกับตกใจและถามด้วยความประหลาดใจว่า “แคลร์กินแมลงได้แล้วเหรอคะ?”
เมื่อก่อนฉินสือโอวป้อนแค่นมข้นให้มันกินตลอด นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันเติบโตได้อย่างแข็งแรงขนาดนี้
เออร์บักที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หน้าประตูก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ มันไม่ต้องใช้ขวดนมแล้ว วันนี้ตอนเที่ยงฉันป้อนนมให้มันช้า เจ้าตัวเล็กหิว จึงตามแม่ห่านขาวไปหาแมลงกินข้างนอก”
อินทรีทองเป็นนกชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการย่อยอาหารได้ดี อาหารคำแรกของพวกมันมักจะเป็นปลาตัวเล็กหรือชิ้นเนื้อบางๆ ของสัตว์ป่า นกอินทรีตัวเมียจะหาแมลงมาป้อนลูกไม่ได้ นั่นจึงไม่ใช่อาหารของพวกมัน
หลังจากกลับมาวินนี่ก็ดูแลเด็กๆ ส่วนฉินสือโอวก็ไปทำอาหาร
เขาหยิบผลไม้ที่วางไว้บนโต๊ะอาหารออกมา ฉงต้าที่กำลังนอนขี้เซาอยู่บนพื้นก็สูดดมกลิ่นอย่างรวดเร็วทันทีพร้อมกับเบิกตากว้างเหมือนกับเห็นเนื้อชิ้นใหญ่ และเงยหน้ามองไปที่ผลไม้บนโต๊ะอย่างมีความหวัง
ต้าป๋ายนั่งข้างๆ มันอย่างเงียบๆ ก็ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉินสือโอวจึงโยนแอปเปิลลูกเล็กให้ ต้าป๋ายก็กระโดดขึ้นงับเข้าปาก ซึ่งหนึ่งคำแบ่งได้เป็นสองชิ้นคือชิ้นใหญ่และชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ให้ฉงต้า ส่วนชิ้นเล็กเอาไว้ให้ตัวเองกิน ช่างแสนรู้จริงๆ
หลังจากฉงต้ากินแอปเปิลเข้าไปแล้วก็เริ่มตะกละอยากกินมากขึ้น มันยืดคอยาวมองดูผลไม้บนโต๊ะพลางร้องเสียงอาวูอาวูเบาๆ ไปด้วย จนน้ำลายของมันแทบจะไหลออกมา
ฉินสือโอวกำลังหั่นผักจึงไม่ได้สนใจมัน ในขณะที่เจ้าแมวป่าตัวน้อยที่กำลังนั่งยองๆ อยู่บนรถเข็นเด็กก็สังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตากลมโตก็กลอกไปมา ‘กูรูกูรู’ จากนั้นมันกระโดดลงมาและปีนขึ้นไปบนโต๊ะอาหาร
วินนี่จะไม่ปล่อยให้เจ้าตัวเล็กเหล่านี้ปีนบนโต๊ะอาหารเด็ดขาด แต่เสี่ยวหมิงและซิมบ้าจะเป็นข้อยกเว้น เพราะการปีนเป็นธรรมชาติของพวกมันและพวกมันยังสามารถคลานไปที่ไหนในฟาร์มปลาก็ได้
หลังจากปีนขึ้นไปบนโต๊ะแล้ว ซิมบ้าก็คาบบลูเบอร์รีไว้ในปากแล้วหนีไปอยู่ตรงขอบโต๊ะ
ทันใดนั้นดวงตาของฉงต้าก็ลุกวาวขึ้นมาทันที มันกลืนน้ำลาย จากนั้นมันก็นอนลงใต้โต๊ะและอ้าปากรอให้ซิมบ้าโยนผลไม้ลงมาให้
ซิมบ้ากลับไม่ยอมโยนผลไม้ลงมาและมองลงไปที่ฉงต้าพร้อมกับคาบบลูเบอร์รีไว้ในปาก
จากนั้นฉงต้ารออยู่สักพักก็ไม่เห็นอาหารตกเข้าไปในปากสักที มันจึงหมดความอดทน แล้วลุกขึ้นพร้อมกับร้องคำรามอย่างไม่พอใจ
พอมันร้องคำราม ซิมบ้าจึงโยนบลูเบอร์รีลงจากบนโต๊ะ จากนั้นมันก็นอนลงข้างๆ และจ้องมองดูฉงต้าต่อ
ฉงต้าทำอะไรไม่ถูก มันจึงทำได้แค่พับหูกลมๆ เล็กๆ ลงและรออย่างมีความหวังต่อไป
ซิมบ้าแอบมองฉินสือโอวอย่างเงียบๆ และเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจตัวเอง มันจึงเลียริมฝีปากพร้อมกับเอาผลไม้ทั้งหมดที่อยู่กลางโต๊ะยกมาไว้ขอบโต๊ะและกองไว้เป็นภูเขาผลไม้เล็กๆ
ด้วยความโลภมากของฉงต้า มันจึงกลืนกินน้ำลายอย่างสิ้นหวังและทำตาปริบๆ มองไปที่ผลไม้ด้วยความตกตะลึง
หลังจากรออยู่สักพัก แมวป่าก็คาบบลูกเบอร์รีขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วโยนให้ฉงต้า ฉงต้าอ้าปากกว้างรอ เอาเลยสิ กินเลย!
พอมันกินลูกแรกแล้วก็อยากจะกินลูกที่สองอีก ฉงต้ายังคงอ้าปากกว้างอย่างต่อเนื่อง แต่แมวป่าก็ไม่ได้ป้อนมันและกระโดดลงจากโต๊ะ จากนั้นก็คลานไปตามแผ่นหลังกว้างของฉงต้าจนถึงไหล่ของมันอย่างคล่องแคล่วว่องไว
นอกจากต้าป๋ายแล้ว ฉงต้าจะไม่ชอบแบกสัตว์อื่นๆ ฉินสือโอวเดาว่ามันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่มันรู้สึกว่าเหมือนโดนเหยียดหยามมากกว่าและมันก็ขี้เกียจเกินไป จึงรู้สึกว่าการเดินแบบนี้ยิ่งจะทำให้เหนื่อยกว่าเดิม
ดังนั้น หลังจากซิมบ้าปีนขึ้นไปแล้ว ฉงต้าก็สะบัดออกอย่างไม่เต็มใจ ไขมันในร่างกายก็แกว่งไปมาเหมือนน้ำไหล ทำให้ซิมบ้ายืนไม่นิ่งและลื่นลงไปทันที
ซิมบ้าจึงปีนขึ้นไปบนโต๊ะอีกครั้งและโยนสับปะรดลงไปอีกชิ้น
ฉงต้าทำปากขมุบขมิบแล้วกินเข้าไป ซิมก็บ้ากัดแอปเปิลลูกเล็กพร้อมกับกระโดดลงมาและปีนขึ้นไปบนตัวของฉงต้าต่อ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉงต้าตกตะลึงมากและพยายามหันหัวอ้วนๆ ไปมาเพื่อมองดูซิมบ้าหรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่ามันมองแอปเปิลลูกเล็กในปากของซิมบ้าต่างหาก มันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจอย่างหมดหนทางและยอมให้ซิมบ้านั่งบนไหล่
ฉินสือโอวทั้งต้มซุปและมองดูพวกมันไปด้วย เขาตกใจกับความฉลาดของซิมบ้า แม้ว่าพลังโพไซดอนจะมีความสามารถในการส่งเสริมพัฒนาการด้านความฉลาดของสัตว์ได้ แต่มันก็ไม่สู้ความฉลาดที่มีโดยธรรมชาติแบบนี้ได้?
ระหว่างทานอาหารเขาก็เล่าเรื่องนี้ให้วินนี่ฟัง แต่วินนี่กลับไม่แปลกใจแล้วพูดว่า “อย่าดูถูกความฉลาดของแมวป่าเชียวนะคะ พวกมันมีความจุสมองที่ใหญ่ที่สุดในสัตว์ตระกูลแมวและเมื่อแมวป่าโตเต็มวัยก็จะมีสติปัญญาเท่ากับเด็กอายุห้าขวบ”
เมื่อฉงต้ากินจนอิ่มและดื่มจนพอแล้ว ตอนเย็นฉินสือโอวก็พามันไปออกกำลังกายลดน้ำหนัก ดังนั้นมันจึงวิ่งช้าๆ ซิมบ้าที่นั่งบนไหล่ของมันก็ทำหน้ามุ่ยเข้าหากัน ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจ
………………………………………………