ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1031 เที่ยวสถานีตำรวจเนเธอร์แลนด์หนึ่งวัน
ฉินสือโอวนั่งอยู่ในสถานีตำรวจในอัมสเตอร์ดัม ข้างๆ เขาคือเด็กหนุ่มคนนั้น ทั้งสองจ้องมองกัน ตากลมโตจ้องไปที่ดวงตาขนาดเล็กและตกตะลึงไปชั่วขณะ
ฉินสือโอวเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์มาก เขาเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายมาเสมอ ซึ่งก่อนที่จะออกจากประเทศเขาได้ไปทำงานที่บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด แม้ว่าจะเป็นการทำงานนอกสถานที่เขาก็จะอยู่เฉยๆ อย่างเชื่อฟังในโรงแรมและส่วนใหญ่เขาจะออกไปเดินเล่นรอบๆ จุดชมวิวมากกว่า
อันที่จริงเขาเป็นคนไม่ค่อยมีความกล้า ด้วยความที่เป็นคนละเอียดรอบคอบ เพื่อที่จะปกป้องตัวเองจึงต้องหยุดปัญหาในวันนี้
สุดท้ายการคุ้มครองมีมากมายหลายวิธี แต่เด็กๆ กลับไม่ได้รับการคุ้มครอง ตำรวจได้ชี้แจงความผิดในการจับกุมเขา ซึ่งก็คือการช่วยเหลือผู้เยาว์ให้กระทำผิดกฎหมาย…
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวเคยได้ยินว่ามีข้อหาแบบนี้ เอาล่ะ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เขาจึงเป็นได้แค่กบในกะลา แต่เขาเสียเปรียบมาก ใครจะรู้ว่าบุหรี่ที่เด็กคนนี้ขายจะเป็นกัญชา!
ใช่แล้ว ดูแล้วบุหรี่ที่เด็กหนุ่มหล่อขายจะเหมือนกับของลีโอนาร์โดซึ่งมันมีกัญชาอยู่ ฉินสือโอวไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับเรื่องนี้ เขายังคิดว่าเด็กคนนี้ขายแค่บุหรี่พื้นเมืองเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้เคยอยู่ประเทศจีนและยังเป็นผู้ค้ายาเสพติดอีกด้วย
หลังจากชายชุดนอกเครื่องแบบทั้งสองคนยืนยันว่าบุหรี่ในมือของฉินสือโอวมีกัญชา พวกเขาจึงจับกุมทั้งสองคนและธนบัตรที่ฉินสือโอวมอบให้ก็กลายเป็นหลักฐานทางวัตถุและจะถูกตำรวจเอาไปด้วย ซึ่งขณะนี้หลักฐานในกระเป๋าที่วางไว้อยู่ไม่ไกลก็ถูกเอาไปด้วย…
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไร้เรี่ยวแรงของฉินสือโอว เด็กหนุ่มคนนั้นก็แบะปากอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “ดูแล้วอายุของคุณคงจะค่อนข้างเยอะ ทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ? อย่ากลัวไปเลย บันทึกพวกนี้ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ผมเคยเข้ามาหลายครั้งแล้ว ก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้?”
พอได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก เด็กหนุ่มคนนี้เป็นแค่นักเลงตัวน้อย ซึ่งเขาเกลียดคนประเภทนี้มากที่สุด เพราะตอนเด็กๆ เขาเคยถูกคนประเภทนี้รังแก
ฉินสือโอวขี้เกียจที่จะพูดคุยกับนักเลงตัวน้อยคนนี้ เขาจึงนั่งยองๆ ลงที่มุมห้องพร้อมกับกอดอกเข้าไว้ด้วยกันอย่างเงียบๆ และรอบัตเลอร์กับลูกน้องมาถึง
นี่มันไม่ยุติธรรมกับเขาจริงๆ เที่ยวผู้หญิงโสเภณีกลับไม่เป็นอะไร เขาเป็นชายหนุ่มที่ดีและเคารพปฏิบัติตามกฎหมายแต่กลับถูกจับมาที่สถานีตำรวจ และถ้าจัดการกับคดีไม่ได้ เขาอาจจะถูกส่งตัวกลับแคนาดาเพื่อสอบปากคำ
เนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ขายกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย นี่คือสิ่งที่ฉินสือโอวเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ การขายกัญชาจะไม่ผิดกฎหมายขอเพียงแค่อยู่ในขอบเขตปริมาณที่กำหนดตามกฎหมาย
แต่ถ้าขายกัญชาให้กับผู้เยาว์หรือซื้อกัญชาจากผู้เยาว์ ปัญหานั้นจะร้ายแรงมาก ถ้าฉินสือโอวไม่เอาหนังสือเดินทางออกทันเวลา เขาคงจะไม่ได้อยู่ในห้องคุมตัวนักโทษของสถานีตำรวจ แต่ต้องถูกส่งเข้าไปอยู่ในห้องคุมขัง จากนั้นก็รอขึ้นศาล
ห้องคุมตัวนักโทษเป็นที่ที่ผู้ต้องสงสัยใช้กักตัวชั่วคราวในสถานีตำรวจเนเธอร์แลนด์ ตอนที่ฉินสือโอวและเด็กหนุ่มเข้ามาก็มีคนอยู่ในห้องนั้นหลายคนแล้ว หลังจากที่เขานั่งยองๆ ลง ชายหนุ่มผิวขาวที่ทำทรงผมแปลกๆ ก็เดินเข้ามาถามพร้อมกับทำหน้าทะเล้น “คุณเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ?”
ฉินสือโอวไม่ต้องการยุ่งวุ่นวายกับคนเหล่านี้ เขาจึงยักไหล่ใส่และไม่พูดอะไร จากนั้นก็หันหลังให้กับชายหนุ่ม เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการพูดคุยทักทายเขา
ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังหันหลังก็รู้สึกว่าก้นของเขาแน่นขึ้นเพราะมีฝ่ามือขนาดใหญ่กำลังบีบก้นเขาอยู่
ฉินสือโอตกใจมากและรีบหันกลับมาทันที ชายหนุ่มที่ไม่น่าสนใจคนนั้นก็ขยิบตาให้เขาอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “เฮ้ เด็กญี่ปุ่น อยากกินไส้กรอกลูกใหญ่ของพี่ชายชาวเนเธอร์แลนด์ไหม? พี่ชายจะพาคุณออกไปฟินกัน เป็นอย่างไรล่ะ?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด ฉินสือโอวก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เขาอยากจะกลับไปเมื่อสองสามวันก่อนจริงๆ จะได้ดูว่าการเดินทางในครั้งนี้ตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เมื่อเห็นการดูถูกเหยียดหยามของชายหนุ่มแล้ว เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้ ไม่สงสัยเลยว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศ
ฉินสือโอวไม่ได้เหยียดการรักร่วมเพศ ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเขาเคยอ่านรายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่งกล่าวว่าการรักร่วมเพศส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิดและเกี่ยวข้องกับการหลั่งสารภายในของฮอร์โมน ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้
แต่รสนิยมทางเพศของเขานั้นถูกต้องแล้ว เขาไม่ได้จะเหยียดคนเหล่านี้และเขาก็ไม่ต้องเข้าไปคลุกคลีด้วยเช่นกัน
ชายหนุ่มคิดว่าเขาแกล้งสนุกดี จึงหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมกับโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ และเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของฉินสือโอวด้วยสีหน้าทะลึ่ง
สีหน้าของฉินสือโอวก็เย็นชาขึ้นมาทันที จากนั้นก็ผลักชายหนุ่มออกไปแล้วพูดอย่างโมโหว่า “นี่คุณ ออกไปให้พ้นจากผม ถ้าเข้าใกล้ผมอีกละก็ ผมจะตีคุณจนทนไม่ไหวเลยคอยดูสิ! ผมเป็นคนจีน กังฟูของจีน แจ็คเฉินน่ะ คุณรู้จักไหม?”
ชายหนุ่มดูเหมือนจะเสียสติเล็กน้อย เขามีรอยยิ้มแปลกๆ ตลอดเวลาบนใบหน้าทำให้ดูเหมือนว่าเขาป่วยทางจิต
หลังจากถูกฉินสือโอวผลักเขาออกไป เขาก็หันหน้ากลับไปมองที่คนอื่นๆ พร้อมหัวเราะ แล้วพูดว่า “มาดูสิ รีบมาดูเร็ว ความดุร้ายของม้าญี่ปุ่นตัวนี้น่ากลัวจริงๆ ดีล่ะ ฉันชอบขี่ม้าดุๆ มาเถอะที่รัก มาให้ฉันได้เลี้ยงดูซะดีๆ”
ชายหนุ่มพูดพลางเอนตัวเข้ามาใกล้ๆ อีกครั้ง ฉินสือโอวสุดจะทน เขาจึงกำหมัดข้างขวาไว้แน่นพร้อมกับบิดเอวแล้วชกออกไปทันทีเสียงอู้อี้ก็ดังขึ้น ‘ตุ้บ’ ชายหนุ่มคนนั้นก็ลงไปกองกับพื้นและดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวขึ้น แขนของเขากุมท้องน้อยไว้พร้อมกับส่งเสียงตะโกน ‘ฮือฮือ’ แต่กลับพูดไม่ออก
หมัดของฉินสือโอวที่เพิ่งชกออกไปกระแทกไปที่ตับ นี่เป็นท่าที่แบล็คไนฟ์สอนเขา แค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้สูญเสียพลังในการต่อสู้และยังไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่จะทำให้เจ็บปวดมากและไม่สามารถส่งเสียงร้องได้
มีเพียงไม่กี่คนในห้องที่รู้จักกับชายหนุ่ม เมื่อเห็นสถานการณ์นี้พวกเขาจึงมืดแปดด้านและต้องการจะเข้ามาล้อมเขาไว้ ฉินสือโอวไม่ต้องการต่อสู้หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่าเขาไม่ต้องการสร้างปัญหาเพิ่มอีก เขาจึงถีบกรงเหล็กตรงหน้าอย่างแรง
เมื่อได้ยินเสียงแสบหู ‘โครมโครม’ ดังขึ้น เสาเหล็กเรียบๆ ที่มีความหนาเท่านิ้วหัวแม่มือของผู้ใหญ่ก็ถูกฉินสือโอวเตะจนโค้งงอ
เมื่อเห็นเช่นนี้ สายตาของผู้คนที่ต้องการจะล้อมรอบก็มองตรงมาที่ฉินสือโอวพร้อมกับกลืนน้ำลายและถอยห่างออกไปทันที หนึ่งคนในนั้นยังบ่นพึมพำว่า “ไอ้เกย์บ้านี่ สมควรแล้วที่ถูกตี! คนจีนจีนเฉิน ทำได้งดงามมาก!”
ฉินสือโอวเตะประตูเหล็กเสียงดังมาก จนทำให้ตำรวจพุงโตที่อยู่ข้างนอกคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างสุดจะทนพร้อมกับสบถอย่างไม่พอใจ เขาสบถเป็นภาษาดัตช์ จึงทำให้ฉินสือโอวไม่เข้าใจ เขาจึงยักไหล่พร้อมกับนั่งยองๆ ลงไปอีกครั้งเหมือนกับเด็กที่ไร้เดียงสา
ตำรวจก้มหน้าลงและพบว่าเสาเหล็กโค้งงอ ทันใดนั้นม่านตาก็หดลงทันที เขาหยิบกระบองตำรวจที่อยู่ข้างหลังออกมาพร้อมกับสบถอีกครั้ง ฉินสือโอวกลัวว่าคนเหล่านี้จะเอาเปรียบอีก จึงหยิบหนังสือเดินทางออกมาและตะโกนว่า “ผมเป็นพลเมืองแคนาดา! ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร! ผมต้องการไปหาสถานทูตของเรา!”
ตำรวจจึงจ้องมองไปที่เขา จากนั้นก็ชี้ไปที่กรงเหล็กที่โค้งงอและถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างฝืนๆ ว่า “หุบปาก! นี่ใครทำ?”
ฉินสือโอวหันกลับไปมองที่คนกลุ่มนั้น คนเหล่านั้นเป็นพวกพาล พวกเขาไม่กลัวตำรวจ เพราะพวกเขารู้ว่าตัวเองไม่ได้ก่อคดีใหญ่อะไร ถูกคุมตัวมากสุดก็แค่เวลาหนึ่งหรือสองวัน แต่พวกเขากลับกลัวฉินสือโอวเล็กน้อย จึงมองดูสภาพที่น่าสงสารของชายที่กองอยู่กับพื้นคนนั้น หมัดที่โดนเข้าไปคาดว่าคงจะไม่สามารถขยับตัวได้เป็นเวลาหลายวัน
ดังนั้น หลายคนจึงพร้อมใจกันส่ายหัวไม่รู้และเด็กหนุ่มที่ขายกัญชาให้กับฉินสือโอวก็ชี้ไปที่ชายหนุ่มที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นเหมือนกุ้งพร้อมกับตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “เขา เขาเป็นคนทำ!”
ตำรวจไม่หลงกลและจะไม่โดนหลอกได้ง่ายๆ อีก เขาเดาออกว่านั่นมันต้องเกี่ยวกับฉินสือโอว จึงจ้องมองไปที่เขา
ในช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เสียงของบัตเลอร์ก็ดังขึ้น “เฮ้ ฉิน เพื่อนรักของฉัน นายอยู่ที่ไหน?”
………………………………………………..