ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1052 แลบราดอร์สุนัขบำบัดประจำศาล
ทั้งสองคนจับมือกับฉินสือโอว จากนั้นโฮบอทจึงพูดว่า “สวัสดีครับ คุณฉิน ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจกับองค์กรการกุศลที่นครเซนต์จอห์นครับ ผมกับหลุยส์รู้สึกผูกพันทางจิตวิญญาณกับคุณมานานแล้ว ครั้งนี้พวกผมมาหาคุณ เพราะอยากทำงานร่วมกับคุณในโครงการหนึ่ง นั่นคือการยืมสุนัขแสนรักทั้งสองตัวของคุณเพื่อให้พวกมันทำหน้าที่เป็นสุนัขบำบัดประจำศาล ไม่ทราบว่าคุณจะสนใจไหมครับ”
ฉินสือโอวได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรกจึงถามกลับด้วยความประหลาดใจว่า “สุนัขบำบัดประจำศาล? นั่นคืออะไรครับ?”
โฮบอทยิ้มและอธิบายให้เขาฟัง “ความจริง พูดง่ายๆ ก็คือพวกผมจะเชิญสุนัขแสนรักของคุณไปขึ้นศาลพร้อมกับโจทก์หรือพยานจำนวนหนึ่ง บางครั้งตอนที่คนพวกนี้เผชิญหน้ากับจำเลยพวกเขาจะรู้สึกกลัวและประหม่า ในช่วงนี้สุนัขบำบัดจะขึ้นไปอยู่กับคนพวกนี้และทำให้พวกเขารู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่เพียงลำพัง พวกเขายังมีเพื่อนอยู่ข้างกายและจะรวบรวมความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม”
จากนั้นโฮบอทก็แบ่งปันความรู้ทั่วไปของสุนัขบำบัดประจำศาลบางเรื่องให้ฉินสือโอวฟังอีก
การเสนอแนวคิดเรื่องสุนัขบำบัดประจำศาลนี้มีที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนนี้รัฐ 28 รัฐในประเทศสหรัฐอเมริกามีสุนัขบำบัดประจำศาลมืออาชีพประมาณ 87 ตัว พวกมันจะขึ้นศาลเพื่อไปปลอบโยนโจทก์กับพยาน โดยเฉพาะพวกเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บจากความรุนแรงพวกนั้น และทำให้พวกเขามีความกล้าไปกล่าวหาคนพวกนั้นที่ทำร้ายพวกเขา
ฉินสือโอวพูดอย่างลำบากใจ “ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย หู่จือกับเป้าจือของผมเป็นสัตว์เลี้ยงที่อัธยาศัยดี แต่พวกมันไม่เคยได้รับการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องมาก่อนเลย ลักษณะก็โดดเด่นมาก ผมกลับกลัวว่าในเวลานั้นพวกมันจะต่อต้าน อย่างเช่นอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายภายในศาล”
โฮบอทยิ้ม “บางทีอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่พวกผมอยากจะลองดู คุณฉิน ถ้าทำได้สำเร็จ ศาลนครเซนต์จอห์นของพวกเราก็จะแนะนำสุนัขบำบัดประจำศาล สำหรับความยุติธรรมในเมืองของเรา นี่ถือเป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่”
หลุยส์นำโน้ตบุ๊กออกมา หลังจากเปิดก็วางไว้ตรงหน้าฉินสือโอวและพูดว่า “เชิญคุณดูตรงนี้ก่อนดีไหมครับ?”
นี่คือสารคดีธรรมดาๆ เรื่องหนึ่งซึ่งเล่าเรื่องราวของศาลวอชิงตันในสหรัฐอเมริกา ในตอนนั้นมีคนฟ้องว่าชายผิวดำคนหนึ่งเป็นคนร้ายฆาตกรรมแม่บ้านคนหนึ่ง และพยานคือเด็กผู้หญิงอายุ 5 ขวบกับเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบซึ่งทั้งคู่เป็นลูกสาวของแม่บ้านคนนั้น
เด็กหญิงทั้งสองคนดูเป็นกังวลมากที่ต้องมาแสดงตัวบนศาล ถึงขั้นกอดกันครั้งหนึ่งและตัวสั่นอยู่ด้วยกัน คดีก็ติดขัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉินสือโอวรู้สึกว่าบรรยากาศในศาลตอนนั้นราวกับถูกแช่แข็ง ผู้พิพากษากับทนายความทุกคนคิดว่าการพิจารณาคดีไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
สุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์สองตัวที่อยู่ด้านหลังจึงเดินขึ้นมาบนศาล พวกมันคลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหญิงทั้งสองคนอย่างชาญฉลาด และใช้ลิ้นเลียที่ด้านหลังฝ่ามือหรือแก้มของเด็กหญิงทั้งสองคนอย่างต่อเนื่อง เด็กหญิงสองคนโอบกอดโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่น่ารัก ต่อมาพวกเธอก็สามารถรวบรวมความกล้าได้ในที่สุดและเผยความจริงที่เยาวชนผิวดำฆ่าแม่ของพวกเธอ
“นี่ก็คือสุนัขบำบัดประจำศาลมืออาชีพ” หลุยส์พูด “พวกมันบำบัดอารมณ์ของพวกเด็กๆ และช่วยเปลี่ยนให้พวกเขากล้าหาญขึ้น เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่น่าทึ่งมาก”
สำหรับคำขอร้องของศาล ฉินสือโอวไม่ได้รังเกียจ เขาคิดว่าถ้าหากหู่จือและเป้าจือสามารถทำเรื่องสาธารณประโยชน์แบบนี้ได้บ้างก็ดีมากเหมือนกัน
แต่เรื่องที่เขาเพิ่งจะพูดคือความจริง ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวจะทำอะไรออกไปบ้างตอนที่อยู่ในศาล ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะทะเลาะกันต่อหน้าทุกคนก็ได้ นั่นคงวุ่นวายมาก
โฮบอทมองเขาลังเลจึงพูดต่อว่า “คุณฉิน คุณอาจจะไม่รู้ว่า ตอนที่คนคนหนึ่งต้องรื้อฟื้นเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ พวกเขาจะสัมผัสถึงปฏิกิริยาทางสรีรวิทยาที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้ ระบบการเผชิญหน้าที่พยานต้องมาอยู่ต่อหน้าจำเลยแบบนี้เป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก บุคลากรจำนวนมากก็แตกสลายไปหลังจากนั้น โดยเฉพาะเด็ก”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่น “ผมหวังว่าผมจะสามารถช่วยพวกคุณได้ แต่ผมไม่มั่นใจจริงๆ ว่าหู่จือกับเป้าจือจะทำได้สำเร็จ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกคุณคิดจะใช้สุนัขของผม ความจริงพวกคุณอาจจะไปสหรัฐและยืมสุนัขของพวกเขามามันจะไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
หลุยส์หยิบเอกสารอีกฉบับหนึ่งออกมาและส่งให้เขา “เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ คุณฉิน ครั้งนี้คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากสุนัขของคุณ เป็นเด็กสามคนที่มาจากครอบครัวพ่อเลี้ยงเดี่ยวและต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานจากความน่ากลัวของผู้เป็นพ่อ”
ฉินสือโอวอ่านเอกสาร ด้านในมีรูปภาพ เป็นเด็ก 3 คนที่มีอายุแตกต่างกัน แต่ลักษณะของเด็กที่โตที่สุดก็แค่ 7 ถึง 8 ขวบเท่านั้น
“บาดแผลที่เด็กๆ พวกนี้ได้รับรุนแรงมาก คุณฉิน พวกผมไม่สามารถจินตนาการถึงความรุนแรงได้ แค่ทำให้พวกเธอเปิดใจกับพนักงานสอบสวนและเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นก็ใช้เวลาหลายเดือนแล้ว ตอนที่ไปปรากฏตัวในศาลเพียงชั่วคราว แค่ต้องเผชิญหน้ากับจำเลยพวกเธอก็บอบช้ำมากเกินไปแล้ว เด็กสองคนรู้สึกกลัวถึงขั้นไม่สามารถเปิดปากได้ตอนอยู่บนศาล!” หลุยส์พูดอย่างหนักแน่น
ฉินสือโอวถอนหายใจและพูดด้วยความสงสาร “นั่นน่าเศร้าเกินไปแล้ว!”
หลุยส์พยักหน้าและพูดอีกว่า “แต่เรื่องก็พลิกผันไปในตอนท้าย หลังจากการขึ้นศาลครั้งแรกล้มเหลว สภาพจิตใจของเด็กทั้งสามคนก็แย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งในข่าวต่อมา พวกเขาเห็นสุนัขแสนรักทั้งสองตัวของคุณ”
“ในตอนนั้นเด็กน้อยทั้งสองตัวของคุณไปเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อการกุศลของช่องทราเวิร์สด้วยกันกับคุณ นึกไม่ถึงว่าเด็กทั้งสามคนจะพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาเพราะสุนัขของคุณ หลังจากที่พวกผมรู้จักพวกเขา นั่นเป็นครั้งแรกที่เห็นพวกเขาพูดคุยกันแบบนั้นเหมือนคนปรกติ!”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว ไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะมาหาเขาถึงบ้าน เดิมทีเป็นเพราะการแสดงที่ฉายบนโทรทัศน์ของหู่จือกับเป้าจือก่อนหน้านี้และถูกคนอื่นเห็น
เขาพลิกอ่านเอกสารและพบว่าด้านในยังมีรูปภาพของเด็กผู้หญิงอายุ 15 ถึง 16 ปีอีกคนหนึ่งจึงถามขึ้นมาว่า “ขอถามหน่อยนะครับ เด็กคนนี้คือ?”
หลุยส์พูดว่า “นี่ก็เป็นเหยื่อที่หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสุนัขแสนรักของคุณครับ”
เขาเห็นวินนี่อุ้มลูกเดินเข้ามาจึงหยุดและพูดว่า “ก่อนที่ผมจะเล่าถึงคดีนี้ ผมหวังว่าภรรยากับลูกของคุณจะออกไปก่อน บางเรื่องก็มืดมนเกินไป”
วินนี่ยิ้มเป็นการขอโทษและพาเสี่ยวเถียนกวาออกไป
หลังจากเธอออกไป หลุยส์ถึงพูดต่อว่า “เด็กสาวที่น่าสงสารคนนี้ชื่อว่าจูดี้ พ่อของเธอทำการล่วงละเมิดเธอและปล่อยให้เธอตั้งครรภ์ เรื่องที่น่ากลัวแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นบนร่างกายของใคร ล้วนเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกยากที่จะจินตนาการ ไม่ใช่เหรอครับ?”
ฉินสือโอวตกใจและโกรธขึ้นมาในทันที
เขาเพิ่งจะกลายเป็นพ่อและมีลูกสาวคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะพูดถึงความรักที่มีให้ลูกสาวน้อยมาก แต่จะเห็นได้จากการที่เขาพยายามเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันการกุศลเรื่องนี้เพื่อคว้าสิทธิ์ในการตั้งชื่อให้ลูกสาว เขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อลูกสาวของเขา
ตอนที่เขาได้ยินว่ามีพ่อที่ทำร้ายลูกสาวตัวเองแบบนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่า เด็กสาวที่น่าสงสารคนนี้โชคร้ายเหลือเกิน!
เด็กสาวที่ถูกล่วงละเมิดจะบอกความจริงว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องทำผิดยังเป็นเรื่องยาก และตอนนี้ผู้กระทำผิดยังไม่ใช่คนที่ไม่เกี่ยวข้องอีก แต่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดตัวเองและต้องออกมาบอกความจริงต่อหน้าทุกคนที่ให้ความสนใจภายในศาล นั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินไปจริงๆ
เมื่ออ่านคดีนี้ ฉินสือโอวจึงตัดสินใจได้และพูดว่า “ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้หู่จือกับเป้าจือช่วยเหลือเด็กที่น่าสงสารพวกนี้ แต่พวกมันไม่เคยทำเรื่องทำนองนี้มาก่อน ดังนั้น ผมคิดว่านี่อาจจะรีบมากไม่ได้”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากเขา โฮบอทกับหลุยส์ดีใจมากและพูดอย่างรีบร้อนว่า “พวกผมจะให้สุนัขแสนรักของคุณได้ใกล้ชิดกับเด็กๆ ก่อนสักหน่อย ผมเชื่อว่าถ้าพวกเราพยายามอย่างเต็มที่ พวกเราจะช่วยพวกเธอได้อย่างแน่นอนครับ!”
…………………………………………………