ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 108 การกลับมาเยือนของเหล่าเม่น
ฉินสือโอวเกาศีรษะตัวเองเมื่อมองเห็นรอยเท้าเล็ก ๆ ซึ่งดูไปดูมาก็เหมือนของลูกแมว พลางคิดว่าพื้นที่ป่าในเมืองแฟร์เวลก็นับว่าไม่น้อย ถ้าเป็นแมวจริง ๆ มันไม่น่าจะมาคุ้ยต้นกล้าผักเล่น ๆ แบบนี้
และแล้วผู้ทรงความรู้อย่างชาร์คมองด้วยความพินิจพิเคราะห์แล้วกล่าวอย่างมั่นใจว่า “บอส นี่มันรอยเท้าของเจ้าเม่น ช่วงกลางคืนพวกมันคงจะมาแอบขโมยผักอีกแล้วล่ะ”
“พวกเม่นมันไม่ได้จับหนูกินหรอกหรือ” ฉินสือโอวพูดในสิ่งที่ตัวเองเคยพบเจอมาอีกว่า “ที่บ้านเกิดฉัน ไม่เคยเห็นพวกเม่นขโมยผักนะ”
ชาร์คส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยเสริมว่า “พวกเม่นจัดว่าเป็นสัตว์ที่หาอะไรกินได้ก็กินอย่างนั้น สัตว์เล็กสัตว์น้อยอย่างลูกหนูถ้ามันจับได้มันก็กิน แต่ถ้าบริเวณนั้นมีแต่พืชผัก ก็จะละเลงสวนนั้นจนผักผลไม้กระจายหมด”
“เอาเถอะ ส้มพันธุ์หนึ่งไปเกิดอีกที่หนึ่งก็เป็นส้มอีกพันธุ์หนึ่งแล้ว” ฉินสือโอวทอดถอนใจ กล่าวต่อว่า “เอาเป็นว่าที่บ้านเกิดฉัน เจ้าเม่นพวกนี้เป็นสัตว์ที่มีประโยชน์และคุณค่ามากทีเดียวล่ะ”
“อะไรนะ?” ชาร์คเอ่ยถาม
ที่ฉินสือโอวพูดเปรียบเปรยเจ้าเม่นกับส้มนั้น เขาใช้ภาษาจีนพูด เพราะตั้งใจให้ชาร์คฟังไม่รู้เรื่อง
“ไม่มีอะไรหรอก พวกเรามาหาวิธีกำจัดไอ้พวกนี้กันดีกว่า” ฉินสือโอวพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
ชาร์คเอ่ยเสนอแนวทางว่า “เราจะลองโรยสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งจะมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย เมื่อพวกมันได้กลิ่น พวกมันก็จะหนีไป”
ฉินสือโอวคิดว่าจะลองใช้ที่ดักจับหนู แต่มันออกจะทรมานเกินไป เขาลูบไปยังเคราของตัวเองครู่หนึ่ง ตาเหลือบไปเห็นสุนัขขี้เล่นทั้งสองที่ตามมาด้านหลัง จึงหัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “ไม่เอาแล้ว พวกเรามีสุนัขแลบราดอร์อยู่นี่ ให้พวกมันเฝ้าที่นี่คืนนี้ คอยไล่พวกเม่นออกไปก็พอแล้ว”
“ให้เจ้าสุนัขคอยไล่นะเหรอ? ก็เป็นความคิดที่ดีนะ” ชาร์คพยักหน้าเห็นด้วย
และแล้วก็หาทางออกของปัญหานี้ได้ พวกเขาจึงกลับไปทานอาหารเที่ยงกัน ชาร์คคิดถึงฟาร์มเพาะเลี้ยงที่อยู่ข้างแนวริมป่า จึงกล่าวว่า “เหตุการณ์นี้ทำให้เราต้องกลับมาตระหนักถึงความปลอดภัย เพราะเพียงแค่พวกเม่นจะมาขโมยพืชผักไปจริง ๆ มันก็ไม่เท่าไร แต่ถ้าหากเป็นพวกสัตว์ร้ายจากป่าออกมาขโมยสัตว์ที่ฟาร์มล่ะก็เรื่องใหญ่น่าดูเชียวล่ะ”
ไม่ว่าจะเป็นหมาป่าหรือหมูป่า ถ้าเข้ามาที่ฟาร์มได้ พวกมันได้กินอิ่มจนพุงกางแน่ และพวกสัตว์ในฟาร์มรับรองว่าหายเกลี้ยง
ครั้งนี้ฉินสือโอวเงียบคิดหนทางไม่ออก แต่ชาร์คกลับสมองโลดแล่น พร้อมเสนอแนวทางว่า “ให้ฉงต้าทำกลิ่นสร้างอาณาเขตจากอึกับฉี่ไว้รอบ ๆ ฟาร์ม เพียงแค่นี้หมาป่าและหมูป่าก็จะไม่กล้าเข้ามา แต่กลิ่นของฉงต้าก็จะสร้างปัญหาให้กับสัตว์ที่อยู่ในฟาร์มไม่ใช่น้อยเช่นกัน”
หลังจากทางอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย เรื่องนี้ก็ได้ถูกเสนอขึ้นที่ประชุม แล้วฉินสือโอวได้ให้ผลไม้กองใหญ่กับฉงต้า แต่มันแสดงความต้องการที่จะกินเนื้อ ฉินสือโอวไม่มีให้ จึงได้ให้เพียงผลไม้ผสมน้ำเชื่อมกับมันแทน
เมื่อนำผลไม้คลุกกับน้ำเชื่อมเมเปิลแล้วรสชาติถูกปากต้าฉงเป็นอย่างมาก เนื้อจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป
พอถึงช่วงบ่าย ระหว่างที่ฉงต้าเล่นอยู่กับหู่จือและเป้าจืออยู่นั้น ก็เริ่มมีอาการท้องไส้ปั่นป่วน ตัวสั่นริก ๆ ด้วยความทนไม่ไหว จึงรีบวิ่งไปยังพื้นหญ้า
ฉินสือโอวที่คอยจับตามองฉงต้า เห็นอาการมันแบบนั้นแล้ว ก็รีบรุดไปหามันทันที โดยใช้รถกระบะของชาร์คขนย้ายมันไปที่ฟาร์ม
สงสารก็แต่ฉงต้าที่ต้องให้มันอดทนอั้นเอาไว้อย่างทรมานอยู่บนหลังรถกระบะ เมื่อฉงต้าถูกผลักขึ้นรถกระบะอย่างกะทันหัน มันจึงปัสสาวะ ณ ตรงนั้นทันทีด้วยความหวาดกลัว
เมื่อฉินสือโอวมาถึง เขารีบมาดูฉงต้า แต่ปรากฏสิ่งที่เห็นคือปัสสาวะที่อยู่กระบะหลังรถ เมื่อมองไปที่สหายตัวนี้กลับได้รับการตอบรับมาเพียงสายตาที่ไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราว ราวกับอยากจะถามว่าคุณพาฉันขึ้นรถมาที่นี่เพื่อสิ่งใด?
ฉินสือโอวโมโหซะจนอยากจะปัสสาวะแทนซะเลย เขาดึงไปที่หูกลม ๆ ทั้งสองข้างของมัน แล้วทอดถอนใจว่า “เจ้านี่นี่ไม่อดทนสักหน่อยเลย ที่ให้กินไปตั้งเยอะนี่สูญเปล่าจริง ๆ ”
แต่ก็ยังดีนะที่ให้มันกินไปเยอะ ผ่านไปชั่วครู่ฉงต้าเริ่มมีอาการ มันเดินหาพงหญ้าเพื่อจะปลดทุกข์ ฉินสือโอวรีบพามันไปที่ประตูของฟาร์มเพาะเลี้ยง แล้วทำสัญลักษณ์ให้มันรู้จุดของมัน
ฉงต้ากะพริบตาไปมา เพราะไม่รู้ข้อความที่ฉินสือโอวต้องการจะสื่อ มันนึกว่าจะให้มันเฝ้าประตูไว้ มันจึงนั่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ กระเถิบก้นตัวเองไปยังพงหญ้าเพื่อจะปัสสาวะ
ฉินสือโอวไม่มีทางเลือก เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนแล้ว เขาจึงตัดสินใจข่มใจตัวเองถอดกางเกงออกแล้วทำท่าปัสสาวะให้ฉงต้าดู
ดีที่จิตสำนึกโพไซดอนได้ทำให้สมองของสัตว์พวกนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง ฉงต้าแม้จะไม่สามารถคิดอะไรได้ด้วยตัวเอง แต่ความสามารถในการลอกเลียนแบบของมันดีเยี่ยม เมื่อมันมองเห็นฉินสือโอวทำท่าปัสสาวะรดกำแพงเช่นนั้นแล้ว มันก็ยกขาขึ้นทำตามบ้าง มันหลับตาพริ้ม ปากของมันแสดงออกมาอย่างได้อรรถรส มันครางเบา ๆ ราวกับว่ามันมีความสุขมากทีเดียว
ตลอดบ่าย ฉินสือโอวเล่นเกมมือถืออยู่ในฟาร์มเพาะเลี้ยง เขาเป็นคนคอยไปเอาผลไม้มาให้ฉงต้า ให้มันได้กินทั้งวัน และแน่นอนตอนนี้รอบ ๆ ฟาร์มเพาะเลี้ยงก็มีแต่กลิ่นของฉงต้าตลบอบอวลเต็มไปหมด
ตกเย็นระหว่างทางกลับ ได้พบรถขนสินค้าคันเล็กขับมายังฟาร์มปลา บนรถมีสัญลักษณ์โลโก้ของ UPS ปรากฏอยู่ มันเป็นรถส่งพัสดุนี่เอง
UPS เป็นชื่อย่อของบริษัทขนส่งพัสดุ บริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทขนส่งพัสดุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1907 ที่สหรัฐอเมริกา และไปสร้างที่แคนาดาเมื่อปี 1946 บริษัทแห่งนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถครอบครองตลาดที่อผู้คนวางใจในบริการเป็นอันดับแรก
ก่อนหน้านี้ เวลาฉินสือโอวซื้อของ เขามักซื้อผ่านเว็บไซต์อเมซอนด้วยสาเหตุเรื่องความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า เพราะเพียงแค่วันเดียวสินค้าก็มาส่งถึงหน้าบ้าน
“ชุดคอมพิวเตอร์ไอแม็คของแอปเปิลสี่เครื่อง โทรศัพท์มือถือแอปเปิลหก สี่เครื่อง และยังมีหมอนหนุนและบาสเกตบอล ด้วยครับ คุณผู้ชายครับ รบกวนกดรับสินค้าด้วยครับ ถ้าหากไม่มีปัญหาใดๆแล้ว กรุณาเซ็นชื่อรับสินค้าให้ด้วยนะครับ” พนักงานส่งพัสดุให้บริการด้วยรอยยิ้ม
ฉินสือโอวซื้อคอมพิวเตอร์ให้กับเด็กๆทุกคน คนละเครื่อง ด้วยวัยเพียงแค่ห้าถึงหกขวบ พวกเขาก็เริ่มใช้มือถือ คอมพิวเตอร์แล้ว อีกหน่อยสิบขวบคงจะใช้ได้อย่างชำนาญเชียวล่ะ และอีกอย่างเด็กๆชอบเปรียบเทียบ ฉินสือโอวรับไม่ได้ถ้าหากว่าในอนาคตตอนที่เข้าโรงเรียนแล้วพวกเขาใช้ไม่เป็น จะโดนคนอื่นดูถูกได้
“มา ๆ ได้เวลาแจกของขวัญแล้ว” ฉินสือโอวเดินเข้ามาในวิลล่า ตะโกนเรียกเด็ก ๆ ซึ่งกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ ขณะที่ในมือก็แบกกล่องทั้งหมดไว้
เด็ก ๆ ได้ยินดังนั้นก็รีบรุดมาทันที ฉินสือโอวยื่นกล่องคอมพิวเตอร์และกล่องโทรศัพท์มือถือให้เด็กแต่ละคน พร้อมกับพูดว่า “เดี๋ยวฉันจะประกอบคอมพิวเตอร์ แล้วเชื่อมอินเทอร์เน็ตให้ เราจะได้เล่นเกมด้วยกัน ดีไหม? ส่วนซิมการ์ดมือถือพรุ่งนี้ค่อยไปจัดการ ต่อจากนี้ไปถ้าใครมีปัญหาอะไรก็โทรหาฉันได้เลยนะ”
และแล้วกล่องคอมพิวเตอร์และมือถือได้ถูกเปิดออก ความสวยงามของมันได้สะดุดตาเด็ก ๆเป็นอย่างมาก ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจกับของขวัญตรงหน้าเป็นอย่างมาก และมิเชลก็เดินเข้าไปสัมผัสคอมพิวเตอร์ และรู้สึกว่ามันช่างเรียบลื่นและสวยงามเป็นอย่างมาก จนอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาดัง ๆ อย่างตื่นเต้นว่า “มันยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ สวยงามมาก ๆ ด้วย”
เด็ก ๆ ได้หยิบคอมพิวเตอร์เพื่อจะขึ้นไปยังชั้นบน ฉินสือโอวตะโกนเรียกเชอร์ลี่ย์ไว้ แล้วมอบหมอนหนุนอันแสนนิ่มให้กับเธอพร้อมกับพูดว่า “ต่อจากนี้ก็ให้หมอนนี้นอนเป็นเพื่อนเธอนะ เมื่อไหร่ที่ฝันก็จะได้ไม่รู้สึกอ้างว้างอีกต่อไป”
เชอร์ลี่พยักหน้ารับอย่างซาบซึ้ง ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
เมื่อใดที่ฉินสือโอวเดินผ่าน ก็จะเห็นเชอร์ลี่ย์กอดหมอนใบนั้นไว้ในอ้อมแขนของเธออย่างแนบแน่น แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่เชอร์ลี่ย์ต้องการได้รับการปกป้อง นี่แหละฉินสือโอวถึงตัดสินใจซื้อหมอนใบนี้ให้กับเธอ เพราะคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้เธอนอนหลับได้ดีมากยิ่งขึ้น
อาหารค่ำคืนนี้คือซุปปลาหิมะรสเลิศที่ฉินสือโอวจับมาบริเวณแนวปะการัง ปลาหิมะนี้ถูกตุ๋นมาตั้งแต่บ่าย กลิ่นมันช่างเย้ายวนชวนน้ำลายสอเสียจริง เมื่อเปิดออกมาดูก็ราวกับว่าเนื้อปลานั้นละลายอยู่ในน้ำแกงอันแสนวิเศษทีเดียว
แค่เพียงผักชีที่โรยอยู่บนน้ำแกงก็ทำให้น้ำแกงนี้อร่อยจนไม่รู้ลืมแล้ว เครื่องปรุงรสใดๆนับได้ว่าไม่มีความหมายเลย ทันทีที่ซุปปลาหิมะยกเสิร์ฟไว้บนโต๊ะ ควันร้อนหอมตลบอบอวล เด็ก ๆ แต่ละคนต่างก็ยกช้อนขึ้นซดกันอย่างเอร็ดอร่อย
เพรียงตีนเต่าที่เหลือจากเมื่อวาน ฉินสือโอวย้ายเอาไปไว้ที่ตอม่อท่าเรือ พวกมันสามารถอยู่ตรงนั้นเพื่อรอจนเต็มวัย ไว้สำหรับทำอาหารในมื้อเย็นวันต่อมา
หลังจากกินกันเรียบร้อยแล้วก็ไปสะสางงานต่อ ฉินสือโอวเอารถคาลดิลแลควันไปจอดไว้ที่ข้างสวนผักและนำสุนัขทั้งสองไปเฝ้ายามและเตรียมรับมือกับเหล่าเม่นที่จะมาในคืนนี้ตามความคาดหมายของผู้ช่วยชาร์ค
เมื่อฉงต้าเห็นฉินสือโอวพาสุนัขทั้งสองไปขึ้นรถ มันก็รีบตามมาประชิดและมาถู ๆ พร้อมกับใบหน้าอันดื้อดึง ฉินสือโอวจึงจำต้องให้อาหารเม็ดสำหรับสุนัขกับมันไป ไม่คิดเลยว่าเจ้าหมีจะชอบรสชาติอาหารสุนัขขนาดนี้
คาลดิลแลควันคู่ควรกับการเป็นรถยนต์หรูหราที่มีราคามูลค่ามากกว่าสองล้านในประเทศจีน เบาะหลังที่ยาวติดกันไม่มีแม้รอยต่อราวกับห้องสวีทขนาดเล็ก ฉินสือโอวเปิดทีวีแอลซีดีดูละครโทรทัศน์อย่างมีอรรถรสผ่านหูฟังของเขา ในช่วงระหว่างที่รอการมาเยือนของเหล่าเม่น
หู่จือและเป้าจือต่างก็ทราบดีว่าคืนนี้มีภาระอันยิ่งใหญ่รอพวกมันอยู่ เจ้าสองตัวนั้นแลบลิ้นออกมาและดวงตาอันสดใสของพวกมันก็เคลื่อนย้ายไปยังหน้าต่างเพื่อมองดูสถานการณ์ด้านนอกอย่างตั้งอกตั้งใจ
ฉงต้าอยู่ในมุมของตัวเองจริงจังกับการเคี้ยวอาหารสุนัขอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งสองมือก็ถือจานซึ่งดูใหญ่พิลึก ดูแล้วมันคงจะกินลำบากพอดู
นี่ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว ยังไม่มีทีท่าของพวกเม่นเลย เจ้าสุนัขทั้งสองดูเหมือนกันหมดความอดทน ส่วนเจ้าฉงต้านั้นหลังจากกินจนอิ่มก็นิ่งเงียบสู่ห้วงนิทรา ในขณะที่ปากยังมีอาหารสุนัขคาไว้อยู่
ฉินสือโอวเองเริ่มรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง จึงนำจิตสำนึกโพไซดอนลงไปในกลางทะเล
…………………………………………………………..