ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1087 มูลค่ามหาศาล
ฉินสือโอวยังคงส่งพลังโพไซดอนควบคุมปลาซีลาแคนท์อย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังต่อสู้ของมันเพิ่มขึ้น
แต่เดิมปลาซีลาแคนท์ก็ไม่ได้อ่อนแออยู่แล้ว ทั้งตัวที่ยาวสองเมตร หนักหนึ่งร้อยกิโลกรัม ถ้าไม่ใช่เพราะงุ่มง่ามเกินไปคงปะทะกับปลาโลมาได้สบาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฟันแหลมคมกับกะโหลกแบบหมวกกันน็อกของพวกมัน ปลาปกติจะทำอะไรได้
ทันทีที่โจมตี เจ้าสามตัวก็โดนฉินสือโอวจัดการทีละตัว ไม่ช้าพวกมันก็พากันเชื่องลง
เจ้าสามตัวที่ขี้หงุดหงิด จองหอง แต่พอเผชิญหน้ากับปลาซีลาแคนท์กลับไม่มีความรู้สึกอยากต่อสู้ด้วยแล้ว อีกฝ่ายเหลี่ยมจัดเกินไป จากที่ไม่กล้าสู้กับมันสามตัว กลายเป็นใช้ความเร็วและพลังทำลายมาเอาเปรียบ โดยใช้หัวที่แข็งยิ่งกว่าหินชนใส่ท้องของพวกมัน
ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงทั้งเร็วทั้งพลังเยอะขนาดนี้กัน พวกมันไม่เข้าใจเลย รู้เพียงอีกฝ่ายนั้นเก่งกว่าตนอย่างแน่นอน
สิ่งที่พลังโพไซดอนดัดแปลงให้แก่ทั้งสามตัว นอกจากจะทำให้พละกำลังกายภาพที่เพิ่มขึ้น ยังพัฒนาสติปัญญาจนหลักแหลมขึ้นด้วย
เพราะรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ขืนสู้ต่อคงเสียเปรียบเปล่าๆ ทั้งสามตัวสบตากันก่อนรีบหนีไปซ่อนในน่านน้ำที่จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมอยู่ทันที พวกมันไม่ได้คิดแค้นและไม่ได้อยากกินเจ้าปลาน่าเกลียดนี่ ก็แค่อยากแกล้งคนอื่นเท่านั้น ทว่าดูแล้วแท้จริงฝ่ายนั้นมันเป็นฉลามในคราบหมูชัดๆ จะไม่ให้หนีได้อย่างไร?
บิลลี่รีบหยิบเบ็ดตกปลามาเกี่ยวเหยื่อแล้วโยนลงไปในน้ำ รออยู่หัวเรือให้ปลาซีลาแคนท์มากินเหยื่ออย่างกระวนกระวาย ล้านดอลลาร์สหรัฐนี่มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยนะ!
น่าเสียดาย ฉินสือโอวพอสั่งสอนเจ้าสามตัวนั่นเสร็จก็ปล่อยปลาซีลาแคนท์จากการควบคุม มันจึงลงทะเลไปอย่างครึ้มใจเรียบร้อยแล้ว…
ฉินสือโอวบอกบิลลี่ให้กลับก่อน แต่บิลลี่ไม่ยอม ยังคงเหวี่ยงเบ็ดเปลี่ยนเหยื่อต่อไป พลางพึมพำว่า “เร็วเข้าเร็วเข้า ที่รัก รีบมากินเหยื่อเถอะ พ่อจะเอาแกไปชมศูนย์วิจัยเสียหน่อย รถแข่งบ้านหรูของพ่อขึ้นอยู่กับแกเลยนะ รีบออกมาเถอะ ดูสิพ่อเตรียมมื้อเที่ยงมาให้แกเลย ออกจะน่าอร่อยขนาดนี้…”
พอเห็นบิลลี่โดนผลประโยชน์ของปลาซีลาแคนท์พาหลงผิด ฉินสือโอวก็เอ่ยอย่างเกียจคร้านแล้วนั่งลงตรงดาดฟ้าเล่นกับเจ้าสามตัวที่โผล่มาบนผิวน้ำ
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง บิลลี่ก็ยังไม่เห็นปลาซีลาแคนท์ตัวนั้นมากินเหยื่อเสียที จึงเก็บเบ็ดขึ้นมาด้วยความผิดหวัง ทำหน้าตาโศกเศร้ากล่าวว่า “ให้ตายเถอะ ทำไมมันถึงไม่ชอบเหยื่อที่ฉันตั้งใจเตรียมไว้ให้เนี่ย? ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยนะพวก หลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาฉันเฉย!”
ฉินสือโอวเหลือบมองเขาแล้วตอบว่า “ถ้านายยังไม่กลับอีก รอจนอาบูอะไรนั่นกินเสร็จออกมา ที่จะหลุดไปต่อหน้านายจะไม่ใช่แค่ล้านดอลลาร์นั่นแล้วนะ”
บิลลี่กะพริบตาปริบๆ รีบหยิบแร่มาใส่กล่องปนกับปะการังด้านใน ปิดฝาและสตาร์ทเรือเล็กขับไปยังเรือเก็บกู้ทันที
เมื่อขึ้นเรือมา ชายผิวดำอาบูก็กินข้าวเสร็จออกมาแล้วดังคาด ปากเจ้าหมอนี่ยังมีเศษกระดูกไก่ติดอยู่เลย ริมฝีปากที่หยาบหนาเหมือนไส้กรอกขยับเอากระดูกไก่หายเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว ทำฉินสือโอวที่มองอยู่อดรังเกียจไม่ได้
พอเห็นบิลลี่กลับจากทะเลแล้ว อาบูก็ถามด้วยความระแวง “ว่าไง เพื่อนคนขาวที่รัก พวกนายออกทะเลไปทำอะไรกันมาเหรอ?”
บิลลี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “จะอะไรเสียอีกล่ะ? ก็ต้องตกปลาแน่นอนอยู่แล้ว ผมได้ยินจากเพื่อนว่ามีปลาซีลาแคนท์โผล่มาในทะเลแถวนี้ เลยอยากลองเสี่ยงโชคเสียหน่อย แต่โชคผมคงไม่พอ ไม่เจอมันเลย”
ในฐานะประเทศชายฝั่งของทวีปแอฟริกา โซมาเลียก็มีการเล่าลือถึงเรื่องปลาซีลาแคนท์เช่นกัน สำหรับพวกเขา ปลาซีลาแคนท์ตัวหนึ่งนั้นมีค่ามากมายทีเดียว แค่ขายมันก็สามารถย้ายจากโซมาเลียอันแสนวุ่นวายไปเสวยสุขแดนสุขาวดีที่ยุโรปได้เลย
ด้วยเหตุนี้ พออาบูได้ยินบิลลี่บอกว่าน่านน้ำนี้มีปลาซีลาแคนท์โผล่มา จึงตื่นเต้นถามเสียงดังว่า “พระอัลลอฮ์ทรงโปรด คุณพูดจริงใช่ไหมเนี่ย? มีคนเจอปลาซีลาแคนท์ที่นี่เหรอ?”
บิลลี่หยิบโทรศัพท์ออกมาให้ดูรูปที่เขาฉวยโอกาสถ่ายตอนมันขึ้นมาบนผิวน้ำรอบสอง พลางตอบว่า “นี่เป็นรูปที่เพื่อนผมส่งมาให้ เขาไม่รู้ว่ามันเป็นปลาอะไร แค่อยากอวดผมว่าตัวเองเจอปลาตัวใหญ่ แต่สำหรับพวกเราที่ทราบอยู่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นปลาอะไรใช่ไหมล่ะ?”
อาบูคว้าโทรศัพท์มาพร้อมกับพยักหน้ารัว สองตาจ้องรูปภาพในหน้าจออย่างละโมบ ลูกตาเบิกโพลงแทบห้อเลือด
หลังได้เห็นดังนั้น เขาก็หันไปจ้องบิลลี่ และถามอย่างคาดหวัง “เจอปลาตัวนี้ที่ไหนน่ะ? เพื่อนคนขาวที่รัก คุณต้องบอกผมนะ คุณต้องบอกมานะ!”
บิลลี่ชี้ไปยังทิศตรงข้ามกับที่เจอปลาซีลาแคนท์เพื่อหลอกอาบู ไม่ใช่เพราะกังวลว่าเขาจะจับมันได้ แต่ไม่ควรให้เขาไปอยู่ใกล้เรือทองคำอับปางต่างหาก ไม่อย่างนั้นจากนี้จะไปเก็บกู้แร่ทองคำได้อย่างไร?
หลังกำหนดตำแหน่งคร่าวๆ เรียบร้อย อาบูก็รีบร้อนเติมน้ำมันเรือเล็กจนเต็มสตาร์ทเรือเตรียมออกไป
คราวนี้บิลลี่เริ่มร้อนใจ กล่องที่ใส่แร่ทองยังอยู่บนเรืออยู่เลย เขารีบไปเอากล่องกับของบางส่วนลงมาและบอกว่านี่เป็นของใช้ส่วนตัว
ไม่คิดว่าอาบูจะยังคงระแวง พอเห็นกล่องที่เขาโอบไว้ก็ถามขึ้นมาว่า “ในนั้นคืออะไร?”
บิลลี่เปิดกล่องเผยให้เห็นชิ้นส่วนหินปะการัง แล้วพูดส่งเดชไป “อ้อ เป็นตัวอย่างปะการังที่เราเก็บมากันน่ะ คุณก็รู้ เป้าหมายพวกเราคือการตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของปะการัง ตัวอย่างพวกนี้เลยสำคัญกับพวกเรามากไง”
อาบูไม่ได้คิดมาก เขาพยักหน้าก่อนจากไป ฉินสือโอวยกนิ้วชมเชยบิลลี่ บิลลี่เองก็ยิ้มอย่างภูมิใจ ความหมายคือการหลอกพวกคนดำที่ไม่เคยเรียนหนังสือมันจะยากตรงไหนกัน?
เมื่ออาบูไปแล้ว งานของพวกเขาก็ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น บิลลี่ส่งแร่ให้ผู้ช่วยคนหนึ่งให้เขาพาคนไปทำการทดลอง ตรวจสอบปริมาณทองในแร่
ตามข้อมูลที่บิลลี่พบ บนเรือฟรันซิสโก ปิซาร์โรมีแร่ทองคำทั้งหมดพันตัน แต่ถ้าแร่เป็นเพียงแค่หินหยาบๆ ก็จะไม่มีมูลค่าอะไร แร่ในเรือลำนี้สามารถกลั่นออกมาเป็นทองคำหลายกิโลกรัมได้
ทว่าในสถานการณ์นี้ไม่น่าเป็นไปได้ เรือฟรันซิสโก ปิซาร์โรเป็นเรือสินค้าสำคัญของสเปน พวกเขาไม่มีทางขนส่งทองคำหลายกิโลกรัมจากแผ่นดินแอฟริกากลับไปถึงสเปน โดยที่ทองพวกนี้ยังไม่ได้กลั่นจากหินดั้งเดิม
ขณะที่บิลลี่รออย่างกระวนกระวาย ก็มีรายงานการทดสอบฉบับหนึ่งแจ้งเข้ามา พอเห็นข้อมูลในรายงานบิลลี่พลันเบิกตากว้างด้วยความยินดี ก่อนปรับสีหน้าให้สงบลง ยื่นรายงานให้ฉินสือโอวโดยไม่กระโตกกระตาก
ฉินสือโอวสนใจแค่ปริมาณแร่ทองจึงไม่ได้ใส่ใจพวกวิธีการ ขั้นตอนการตรวจสอบแม้แต่น้อย เขาเลยมองไปตรงผลสรุปตอนท้าย ซึ่งเขียนเน้นไว้ว่า แร่ที่ผ่านการกลั่นมาหยาบๆ มีปริมาณทองถึง 10. 24%!
สิบส่วนพันก็คือปริมาณทองประมาณหนึ่งส่วนสิบ ถ้าแร่ทองพันตันก็จะเท่ากับทองสิบตัน ตอนนี้ทองหนึ่งตันมีค่าสี่สิบล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็เป็นเงินสี่ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ!
แววตาฉินสือโอวหดลงก่อนหันไปมองบิลลี่ บิลลี่ยังคงสงบเยือกเย็นดึงเขาเข้าไปห้องกัปตัน เมื่อประตูปิดลง เขาเข้ามากอดฉินสือโอวพลางโห่ร้อง “พวกเราจะรวยแล้ว! จะรวยกันแล้ว!”
…………………………………………………