ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1100 นักออกแบบมาถึงแล้ว
การเติบโตที่แข็งแกร่งของลูกสาวช่วยปลอบประโลมหัวใจที่ได้รับบาดเจ็บของฉินสือโอว แม้จะยังไม่ถึงสามเดือนแต่เธอก็สามารถไถลตัวเองไปตามพื้นผิวที่เรียบมันได้แล้ว การเจริญเติบโตที่รวดเร็วเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
อย่างที่รู้ๆ กันว่า แม้แต่ลูกชายตัวอ้วนของตระกูลบูล ยังพลิกตัวไม่ได้เลย ซึ่งนั่นก็ทำให้บูลกังวลใจเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวหอมลูกสาวอย่างแรงอยู่สองสามครั้ง ใบหน้าเล็กๆ ของเสี่ยวเถียนกวาที่ถูกหนวดเคราทิ่มแทงรู้สึกเจ็บมาก เธอโบกสะบัดมือเล็กๆ ของเธอเพื่อปัดหน้าเขาออก พร้อมกับร้องอ้อแอ้ แล้วใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็เต็มไปด้วยความโมโห เหมือนกับไก่น้อยขี้โมโหตัวหนึ่ง
พอทำให้ลูกสาวเจ็บได้ ฉินสือโอวกลับดีใจ จากนั้นเออร์บักก็เข้ามาบอกเขาว่าเครื่องของอันเดร์กำลังจะมาถึงแล้ว เขาค่อยขับเรือยอชต์ออกไปรับอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
อันเดร์ คาร์เพนโกนั้นเป็นลูกหลานของผู้อพยพชาวโซเวียต เพราะเมื่อตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อแม่ของเขาประสบความทุกข์ยากต่างๆ นานา จึงต้องลักลอบข้ามแม่น้ำจากโซเวียตมายังแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่มีบรรยากาศทางการเมืองสงบสุขอย่างที่พวกเขาตามหา
การที่นักออกแบบอันเดร์ได้รับอิทธิพลมาจากพ่อแม่ นั้นทำให้เขาชอบของที่ดูสวยงามสบายตาอย่างดอกไม้ใบหญ้ามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งความสนใจนี้แหละเป็นครูที่ดีที่สุด เขาไม่เคยเข้าเรียนมหาลัยติดอันดับเลย เพราะหลังจากที่เขาหยุดเรียนมัธยมปลายเขาก็ไปเป็นนักจัดสวนที่สวนแห่งหนึ่งในมอนทรีออล
ต่อมาจากการที่เรียนรู้ด้วยตัวเองบวกกับพรสวรรค์ที่มากล้น ทำให้นักจัดสวนตัวเล็กๆ อย่างเขาค่อยๆ เติบโตไปทีละก้าว จนสุดท้ายสามารถก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของอุตสาหกรรมออกแบบการทำสวนของทั้งแคนาดา อีกทั้งประสบการณ์ในวิชาชีพของเขาก็เต็มไปด้วยพลังบวก จึงยิ่งทำให้คนเลื่อมใสเขามากขึ้นไปอีก
ในภาพจินตนาการของฉินสือโอว นักออกแบบคนนี้จะต้องเหมือนกับเออร์บักแน่ๆ ไม่ว่าจะหนวดเคราที่พลิ้วสลวย ทรงผมเนี้ยบเรียบร้อย ใส่เชิ้ตสวมสูทตลอดเวลา บวกกับมีกลิ่นอายความเป็นอาร์ทติสอยู่เต็มตัว และมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมีเมตตา
ผลก็คือเมื่อคนที่เขาไปรับมาถึงสนามบิน เออร์บักก็ได้โบกมือขึ้น คนตรงข้ามก็โบกมือตอบ คนคนนั้นสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบด้วยซ้ำ ทั้งยังมีร่างกายกำยำ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และสวมหมวกหนึ่งใบบนหัว และเขาก็ถอดหมวกออก เดาว่าเพื่อคลายร้อน จากนั้นจึงเผยให้เห็นถึงหัวล้านเป็นเงาวาววับของเขา!
ถ้าไม่ดูที่หนวดสีหงอกกับผิวหนังที่หย่อนยานนั้น คนผู้นี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนแก่อายุเจ็ดสิบ ร่างกายที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมและดูมีชีวิตชีวาในการทำงานจนทำให้วัยรุ่นติดเกมกับเมาสุราเคล้านารีไปวันๆ ยังต้องละอายที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้
และก็แน่นอน ไม่ว่าเขาจะดูเหมือนอายุเท่าไหร่ก็ตาม ยังไงก็ดูไม่เหมือนปรมาจารย์แห่งการจัดสวนระดับสูงของแคนาดาเลยสักนิด ถ้าบอกว่าเป็นสมาชิกแก๊งมาเฟียรัสเซียยังจะน่าเชื่อกว่า
เออร์บักเข้าสวมกอดกับเขาด้วยความดีใจ แล้วปรมาจารย์แห่งการจัดสวนร่างกายกำยำก็ตะโกนเสียงดังกังวานว่า “เพื่อนเก่าแก่สุดที่รักของฉัน ไม่เจอกันนานเลยนะ! พวกเราไม่ได้นั่งดื่มด้วยกันมานานแค่ไหนแล้วล่ะ? อ๋อ ก็น่าจะ เอิ้ก ประมาณหลายเดือนอยู่ใช่ไหม? เฮ้ย ฉันเนี่ยมันก็แก่แล้ว ความจำก็เริ่มถดถอยลงแล้วเนี่ย”
โดยส่วนมากแล้วเออร์บักจะอยู่ที่เกาะแฟร์เวลซะส่วนใหญ่ แต่ทุกเดือนเขาก็มีออกไปต่างจังหวัดบ้างสองสามครั้ง เขาไปทั่วทุกสารทิศ เลยถือโอกาสเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าไปด้วย
และถ้าพูดถึงคนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา เพื่อนเก่าบางคนหลังจากเจอกันแล้วก็มักจะลาจากตลอดกาล!
ดังนั้นทุกครั้งที่กลับมาพบกันอีก พวกคนแก่ก็จะดีใจมากจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้เลย คนโซเวียตกอดเออร์บักแน่น รอยยิ้มนุ่มลึกบนใบหน้าใหญ่ๆ ของเขา ทำให้ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังกอดอยู่กับหวานใจสาวสวยและไม่คิดจะปล่อยมือ
เออร์บักก็เช่นเดียวกัน ถึงเขาจะยิ้มอ่อนๆ แต่แรงในการกอดของเขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนโซเวียตเลย
ผู้คนที่เดินออกมาจากสนามบินเมื่อเห็นสองคนนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็แสดงถึงความปลื้มปีติยินดีด้วย ซึ่งฉินสือโอวเดาว่าพวกเขาต้องคิดว่าสองคนนี้เป็นคู่ขาเก่ากันแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องยืนห่างออกมาเล็กน้อย เพื่อให้เขาคนสองพลอดรักกันให้เสร็จก่อน
พอคุณผู้ชายทั้งสองท่านรำพึงรำพันกันเสร็จแล้ว เออร์บักก็แนะนำฉินสือโอวให้อันเดร์รู้จัก ฉินสือโอวและเขาจับมือกัน จึงทำให้รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นแก่สมอายุ แถมกำลังมือยังเยอะมากจนน่าตกใจ ได้จับมือกับเขาก็เหมือนจับมือกับอุ้งมือเสือ
“นายคือหลานของตาแก่ฉินใช่ไหม? ดีๆ ดีจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอหลานของตาแก่นั่น” อันเดร์หัวเราะและพูดขึ้น
จากนั้นฉินสือโอวถามขึ้น “คุณรู้จักกับปู่ของผมด้วยเหรอครับ?”
อันเดร์ลูบหัวล้านของเขาและหัวเราะขึ้น “ยิ่งกว่ารู้จักซะอีก ฉันยังเคยโดนเขาต่อยด้วยนะ เหตุผลก็เพราะฉันพาเออร์บักคนนี้ไปเที่ยวผู้หญิง ดังนั้น ตอนนี้ได้เจอนายก็ดีล่ะ ฉันจะได้ต่อยนายคืนเพื่อแก้แค้น”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อน คุณปู่คุณก็เปรียบเสมือนปู่ของผม คุณอย่าใจร้ายนักเลย แต่คุณก็ถือว่าโชคดีมากนะครับเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นมาทำอะไรแบบนี้กับลูกชายผม เขาโดนผมตัดขาอย่างแน่นอน!
ความสัมพันธ์ของเออร์บักกับอันเดร์นับว่าซับซ้อนมาก ตามที่ทนายเก่าอย่างเขาเคยพูดไว้ ทั้งสองเกือบจะได้เป็นญาติกันแล้ว เพราะน้องสาวอันเดร์เคยหลงรักเขามาก่อน แต่ในใจของเขานั้นมีผู้หญิงอีกคนอยู่ จนสุดท้ายไม่รู้ว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ทำให้เออร์บักครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิต
อันเดร์ก็ครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิตเช่นกัน
ดังนั้น ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมากมายระหว่างสองคนนี้ และคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดถึงอย่างแน่นอน
แต่เรื่องที่เขาไม่เข้าใจก็คือ เออร์บักกับอันเดร์สนิทกันมากขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เชิญเขาไปที่ฟาร์มปลา?
ติดเครื่องเรือลาดตระเวนก็โต้ลมโต้คลื่นมุ่งสู่มหาสมุทร ไม่นานก็เข้าใกล้เกาะ
ตาเฒ่าหัวล้านยืนอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือเพื่อชมเกาะแฟร์เวล หลังจากขับวนหนึ่งรอบเขาก็อุทานออกมาว่า “สวยงาม เป็นสถานที่ที่สวยงามมาก ที่นี่สวยงามมากจริงๆ”
แล้วฉินสือโอวก็พูดเชื้อเชิญขึ้นว่า “ถ้าคุณชอบ งั้นอยู่ที่นี่หลายๆ วันเป็นอย่างไรครับ แล้วก็หวังว่าอนาคตคุณจะมาเป็นแขกที่ฟาร์มปลาของพวกเราบ่อยๆ นะครับ”
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้นแล้ว ตาแก่ก็หัวเราะออกมา “ก็ดีเลยสิ หลานชาย นายนี่นิสัยดีกว่าไอ้บ้าเออร์บักมากเลยนะเนี่ย ตั้งแต่ฉันรู้จักเขามาเนี่ยนะ ก็รู้สึกว่าเขาดีหมดทุกอย่าง จะมีก็แต่เขาไม่ยอมเชิญแขกไปที่บ้านตัวเองเลยนี่สิ เหมือนปู่ของนายก็จะไม่ชอบเหมือนกัน แต่นายน่ะแตกต่างจากพวกเขามาก”
แล้วเออร์บักก็หัวเราะและพูดแทรกขึ้นมา “ฟาร์มปลาของพวกเรามีความลับเยอะเกินไป เลยไม่สามารถให้ใครรู้ได้”
พอตาแก่ได้ฟังก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง ฉินสือโอวก็หัวเราะไปกับเขาด้วย แต่การหัวเราะของเขาแฝงด้วยความหมายบางอย่าง เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มิน่าล่ะเออร์บักไม่เคยเชิญแขกมาที่เกาะเลย มีเพียงแค่ตอนที่ช่วยแฮมเล็ตหาเสียงเท่านั้น ถึงค่อยได้เชิญเฮเซล แมคคัลเลนนายกเทศมนตรีหญิงในตำนานมาที่ฟาร์มปลา เพราะเธอรู้ความลับบางอย่างของฟาร์มปลา
แต่ก็เป็นไปได้ว่า เออร์บักนั้นไม่รู้เกี่ยวกับพลังโพไซดอน แล้วก็เป็นไปได้ว่าเขาไม่ได้รู้ว่าปัญหาของฟาร์มปลานั้นอยู่ที่บุคคล แต่ที่เขารู้แน่ๆ ก็คือฟาร์มปลามีความลับสุดยอดแฝงอยู่จริงๆ ด้วยเหตุนี้เขาเลยพยายามสุดชีวิตเพื่อปกป้องความลับที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้
ชายแก่คนนี้คือบุคคลที่สามารถไว้ใจได้ ฉินสือโอวจึงยิ่งเคารพและศรัทธาปู่ของเขามากยิ่งขึ้นถึงแม้จะไม่เคยเจอกันมาก่อน ต้องเป็นคนสุดยอดขนาดไหนถึงได้สามารถอบรมปลูกฝังให้เป็นเด็กแบบนี้ได้? ดูได้จากคนที่เขาอบรมสั่งสอนมาก็รู้ อย่างไวส์ที่มีจิตใจห้าวหาญอย่างนักรบ ส่วนกอร์ดอนก็เป็นคนรักอิสระ ง่ายๆ สบายๆ ดูแล้วไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใด
หลังจากวนรอบเกาะได้สองรอบครึ่ง อันเดร์ก็ยังไม่ให้เรือหยุด แล้วเขาก็หยิบไอแพดกับกระดานวาดภาพออกมาอย่างละหนึ่งอัน จากนั้นก็ทำการร่างแผนผังเทียบใส่ทั้งสอง และบันทึกพารามิเตอร์จำนวนหนึ่งลงไป
ปกติฉินสือโอวจะยื่นอยู่ข้างๆ เขา แต่ชาร์คใช้วิทยุสื่อสารวอร์มาบอกให้เขาทราบว่ามีเรือขโมยปลามาอีกแล้ว ให้เขาไปควบคุมจัดการที
ดังนั้น ฉินสือโอวเลยทำได้เพียงขอโทษและขึ้นฝั่งก่อน ส่วนอันเดร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าเรือลำนี้จะวนอีกสักกี่รอบ แล้วต้องวนอีกนานเท่าไรถึงจะวนรอบเกาะเสร็จ
……………………………………………….