ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1115 ผมให้อภัยพวกเขา
คนยากไร้แม้อยู่ในตลาดที่คึกคักยังถูกเพิกเฉย คนมั่งมีแม้อยู่ในหุบเขาลึกยังได้พบญาติห่างๆ
หลังจากฉินสือโอวย้ายมาอยู่ที่เกาะแฟร์เวล ถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีญาติมาเยี่ยม แต่ผู้คนที่มาพบเขาก็มีอยู่ไม่น้อย บางส่วนเป็นชาวจีน บางส่วนเป็นสื่อจากช่องโทรทัศน์ และเจ้าของฟาร์มปลากับชาวประมงอีกบางส่วน เป็นต้น ทุกครั้งที่มาหาก็มักจะมีเรื่องรบกวนเล็กน้อย
ตอนที่หู่จือกับเป้าจือเห่าร้องแล้ววิ่งออกไป เสียงโทรศัพท์ของฉินสือโอวก็ดังขึ้นมาเช่นกัน เป็นเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา หลังจากเขารับสายโทรศัพท์ เสียงนุ่มๆ ก็ดังออกมาจากลำโพง “สวัสดีครับ ผมชื่อชไนเดอร์ วอเทอเรนซ์ ไม่ทราบว่านั่นใช่คุณฉินสือโอวหรือเปล่าครับ?”
พอได้ยินนามสกุล ฉินสือโอวก็ทราบถึงตัวตนของเขาแล้ว นี่คือพ่อของลินตัน วอเทอเรนซ์ เขารอการมาของอีกฝ่ายมาหลายวันแล้ว เขายังนึกว่าพอวัยรุ่นพวกนั้นถูกตำรวจจับ ผู้ปกครองของพวกเขาก็อาจจะมาที่นี่ ไม่คิดว่าผ่านไปสามสี่วันแล้วถึงเพิ่งจะมา
ฉินสือโอวตอบกลับไป อีกฝ่ายจึงพูดกับเขาอย่างมีมารยาทว่า “ดีใจมากๆ เลยครับที่สามารถติดต่อคุณได้ คุณฉิน ตอนนี้ผมมาถึงฟาร์มปลาของคุณแล้ว ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกให้เข้าพบไหมครับ? ผมคิดว่าระหว่างพวกเราน่าจะมีความเข้าใจผิดบางอย่าง คงต้องคุยกันหน่อย”
ที่จริงแล้วไม่มีอะไรให้ต้องพูดคุยกันเลย ฉินสือโอวคิดว่าวัยรุ่นพวกนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ในเมื่อพวกเขาทำเรื่องผิดกฎหมาย ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย มาคุยกับเขาแล้วจะมีประโยชน์อะไร? กฎเกณฑ์ข้อบังคับของแคนาดา ความผิดฐานทะเลาะวิวาทจะถูกตัดสินโดยผู้พิพากษา
แต่ถึงอย่างไรเขาก็มาหาถึงที่แล้ว อีกทั้งยังวางท่าทีนอบน้อมมากๆ อีกต่างหาก เขาจะทำตัวเย็นชาเกินไปก็ไม่ได้ จึงตอบกลับไปว่า “ยินดีต้อนรับมากๆ เลยครับ คุณวอเทอเรนซ์ เชิญพวกคุณเข้ามาข้างในก่อนครับ ตอนนี้ผมมองเห็นพวกคุณแล้ว”
สภาพพื้นที่ของฟาร์มปลาไม่ได้ราบเรียบ ฉินสือโอวไม่ได้มองเห็นคนพวกนั้น พวกเขาน่าจะยังอยู่ที่ด้านนอกของประตู แต่ในเมื่อหู่จือเป้าจือพากันเห่าร้องขึ้นมาแล้ว นั่นก็แปลว่าตำแหน่งของพวกเขาน่าจะอยู่ไม่ไกล
ฉินสือโอวผิวปากออกไป หู่จือกับเป้าจือก็ปิดปากเงียบแล้ววิ่งกลับมา คนทั้งคู่เดินเคียงกันเข้ามาแล้ว
อายุของคนทั้งคู่น่าจะราวๆ ห้าสิบปี พวกเขาบำรุงรักษาร่างกายได้เป็นอย่างดี ผิวเรียบลื่นมีเลือดฝาด ดวงตาเป็นประกายมีชีวิตชีวา ยามก้าวเดินก็มั่นคงมีพลัง มีแค่ริ้วรอยบนใบหน้ากับผมสีเทาๆ เท่านั้น ที่ช่วยพิสูจน์ว่ากาลเวลาไม่ปรานีใคร
ชายผิวขาววัยกลางคนที่เดินนำหน้ามาเป็นคนยื่นมือออกมาทักทายก่อน หลังจากที่ฉินสือโอวจับมือทักทายกับเขา ฉินสือโอวก็บอกเป็นนัยว่าให้เข้าไปในห้องรับแขกในวิลล่า ขณะที่กำลังก้าวเดินชายคนนั้นก็แนะนำตัวไปพร้อมกัน เขาเป็นพ่อของลินตัน วอเทอเรนซ์นั่นเอง ชื่อว่าชไนเดอร์ วอเทอเรนซ์ เป็นเจ้าของโรงงานเหล็กกล้าแฮมิลตันวอเทอเรนซ์
คนวัยกลางคนข้างๆ ชไนเดอร์ เป็นผู้ช่วยพ่อของหนึ่งในวัยรุ่นสี่คนที่เหลือ ชื่อว่าคามี่ เชเรนส์
“ผมจำได้ว่า เด็กวัยรุ่นที่มายิงเต่าในฟาร์มปลาของผมมีทั้งหมดสี่คน ผู้ปกครองของเด็กๆ อีกสองคนที่เหลือไม่ทราบเรื่องนี้เหรอครับ?” ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย เขานึกว่าผู้ปกครองของทั้งสี่คนจะจูงมือมาด้วยกัน เนื่องจากพวกเขารู้จักกัน เป็นสมาชิกของสมาคมพี่น้องบิ๊กแซมด้วยกันทั้งนั้น
ชไนเดอร์แย้มยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณเรนส์กับคุณเฮย์วู้ดมีธุระสำคัญเกี่ยวพัน เลยฝากฝังเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องไว้กับพวกเราทั้งสองคน พวกเราเป็นตัวแทนเขาที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ เพื่อให้มาเจรจาเรื่องนี้กับพวกคุณก่อน ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคน แต่อยู่ที่ว่าพวกเราจะสามารถเห็นใจและให้อภัยกันได้ไหมต่างหาก ใช่ไหมล่ะครับ?”
ฉินสือโอวได้ยินที่เขาพูดก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร คำตอบของชไนเดอร์สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ว่า พวกเขาไม่ได้คิดว่าคุณชายฉินอย่างเขามีค่าพอที่จะให้พวกเขาทั้งสี่คนมาเจรจาต่อรอง มีพ่อของวัยรุ่นคนหนึ่งกับผู้ช่วยพ่อของวัยรุ่นอีกคนก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว วินนี่ก็ช่วยชงชาเขียวมาให้ทั้งสองคน เดือนพฤษภาคมบนเกาะแฟร์เวลเริ่มแห้งแร้งแล้ว ดื่มชาเขียวสักหน่อยจะช่วยลดความร้อนภายในได้
หลังจากนั่งลงชไนเดอร์หันไปดูการจัดวางของห้องรับแขก ตรงกึ่งกลางมีฟอสซิลเสือเขี้ยวดาบอยู่หนึ่งตัว ส่วนด้านข้างๆ ก็มีฟอสซิลไดร์วูล์ฟอยู่อย่างละตัว ฟอสซิลพวกนี้ ฉินสือโอวได้ให้คนมาเคลือบขัดเงาไว้หมดแล้ว ทำให้สัตว์เหล่านี้ดูเหมือนจริงไม่น้อย
ชไนเดอร์แย้มรอยยิ้มพูดว่า “ให้เสืออยู่ตรงกับประตู อย่างนี้ถ้าพูดกันตามหลักฮวงจุ้ยของประเทศคุณ ดูเหมือนจะเรียกว่าเสือขาวเฝ้าประตูใช่ไหม? นี่ไม่ค่อยดีเท่าไรหรือเปล่าครับ?”
ฉินสือโอวตกใจเล็กน้อยที่เขารู้จักหลักฮวงจุ้ยของประเทศจีน ถึงแม้ว่าจะอาจจะรู้แค่เพียงผิวเผิน แต่ก็นับว่าหาได้ยากมากแล้ว
ที่จริง ว่ากันตามศาสตร์ฮวงจุ้ย เสือขาวเฝ้าประตูไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะตรงกับที่ว่า ’เสือเฝ้าประตูใต้ภูเขา หนึ่งปีสิ้นหนึ่งราย’
รูปปั้นภาพวาดของเสือสิงห์เต็มไปด้วยความโอหังเผด็จการ เดิมทีถูกนำมาใช้เพื่อข่มขู่และโอ้อวดกำลัง ในยุคโบราณสัตว์ร้ายพวกนี้ถูกนำมาใช้ที่หน้าศาลาว่าการ ที่หน้าค่ายทหารและที่ป้อมปราการสำคัญของพระราชวัง เพราะเชื่อว่าของพวกนี้มีรูปร่างและลักษณะที่โหดร้าย ซึ่งจะสามารถข่มขู่คนชั่วให้รู้สึกกลัวและขจัดสิ่งสกปรกโสมมออกไปได้
แต่หลักฮวงจุ้ยจะเน้นให้ความสำคัญกับการส่งผลกระทบต่อกันและกัน เสือสิงห์และสัตว์ดุร้ายชนิดต่างๆ สำหรับคนธรรมดาทั่วไปนี่คือภูตผีดุร้าย แต่สำหรับฉินสือโอวที่ควรค่ากับสมญานามเทพโพไซดอน นี่ถือเป็นแค่สัตว์จำพวกหนึ่งเท่านั้น
ต่อให้เสือกับสิงห์จะร้ายกาจกว่านี้ แล้วสู้หมีสีน้ำตาลโคดิแอคโตเต็มวัยได้ไหม? เอาชนะนกอินทรีทอง นกอินทรีหัวขาวได้หรือเปล่า? แล้วต่อให้สัตว์ร้ายพวกนี้ร้ายกาจยิ่งกว่านี้ ก็มีแต่จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ ให้กับฉินสือโอวเท่านั้น
ดังนั้น เดิมทีที่ฉินสือโอวจัดให้ฟอสซิลเสือเขี้ยวดาบอยู่ตรงกันกับประตูก็แค่เพื่อความสวยงาม หากจะว่ากันตามศาสตร์ฮวงจุ้ย นั่นก็หมายถึงว่าเขาควบคุมสัตว์ร้ายพวกนี้เอาไว้ แล้วให้พวกมันอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าประตูก็เท่านั้น!
ชไนเดอร์เห็นสีหน้าแสดงความประหลาดใจของฉินสือโอว บนใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา แล้วพูดต่อว่า “ผมแนะนำให้คุณย้ายฟอสซิลไปไว้ที่มุมสักหน่อย อยู่ตรงนี้มันไม่ใช่ของตกแต่ง แต่เป็นสัตว์ร้าย”
ฉินสือโอวไม่อยากโต้เถียงเรื่องเกี่ยวกับฮวงจุ้ย เขาจึงตัดสินใจกล่าวคำขอบคุณแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นความหวังดี ทว่าวินนี่ที่รินชาอยู่ข้างๆ กลับพูดตัดหน้าอย่างยิ้มๆ ว่า “ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร ไม่ว่าพวกมันจะดุร้ายแค่ไหน สามีของฉันก็จัดการได้หมด!”
หลังจากพูดจบ เธอก็วางกาต้มชาลงแล้วเดินไปที่หน้าประตูเพื่อผิวปากเรียกหาฉงต้า หมีสีน้ำตาลตัวโตสะบัดขนลุกขึ้นยืน มันค่อยๆ วิ่งเข้ามาอย่างช้าๆ แล้วอ้าปากหาว ดูท่าทางเกียจคร้าน แต่ก็มีอำนาจกดดัน
วินนี่ลูบตัวฉงต้าที่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม แล้วหันไปพูดกับพวกชไนเดอร์ว่า “ดูสิคะ เหมือนที่ว่าไว้เลย ในอาณาเขตบ้านของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร สามีของฉันก็จัดการได้ทั้งนั้น! ถ้าพูดกันตามภาษาบ้านเกิดของสามีฉัน ที่นี่ เสือต้องหมอบ มังกรต้องสยบ!”
หางตาของชไนเดอร์กระตุก เขายิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า “คุณนายมีบุคลิกน่าเกรงขามจริงๆ”
ทางฝั่งฉินสือโอวเพิ่งจะรู้ว่าการปะทะกันเริ่มต้นขึ้นแล้ว ที่ชไนเดอร์เพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่ หากพูดอย่างเปิดเผยก็หมายความว่าตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว เสือเขี้ยวดาบดุร้ายเกินไปจะส่งผลร้ายกับฉินสือโอว แต่ความหมายอย่างลับๆ คือการบอกว่าเขาลงโทษคนที่ไม่ควรลงโทษ ถ้าไม่รีบจัดการ แบบนั้นจะมีเรื่องลำบากรอเขาอยู่
วินนี่ตอบกลับไปอย่างแข็งกร้าว เพื่อเตือนว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ฟาร์มปลา จะดีที่สุดถ้าทำตัวให้ดีหน่อย
ในเรื่องความฉลาดทางอารมณ์และทักษะทางสังคม ฉินสือโอวยังด้อยกว่าวินนี่อยู่ไม่น้อยเลยจริงๆ
นี่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วย เมื่อก่อนสองปีที่แล้วเขายังเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ สองปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะมีเงินมากพอแล้ว แต่เขาพึงพอใจกับชีวิตที่เรียบง่าย จึงไม่เคยมีประสบการณ์การปะทะกับโลกธุรกิจและวงสังคมการเมืองมาก่อน ความไวต่อหัวข้อสนทนาก็ไม่แข็งแกร่งพอ
เมื่อถูกวินนี่ขัดไปแล้วครั้งหนึ่ง ชไนเดอร์ก็กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในช่วงเริ่มต้น หลังจากที่เงียบไปกว่าครึ่งนาทีเขาก็หาเรื่องเข้าสู่การสนทนาที่ดีกว่าเดิมไม่ได้ จึงต้องพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม “คุณฉิน ผมกับเพื่อนของผมคิดว่า ระหว่างพวกเราอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ลูกๆ ของพวกเรายังเด็กอยู่ ไม่ทราบว่าคุณจะทำใจกว้างยอมให้อภัยพวกเขาได้ไหม?”
ฉินสือโอวกล่าวว่า “แน่นอนครับ เด็กๆ ทำผิดแม้แต่พระเจ้าก็ยอมให้อภัย ผมให้อภัยพวกเขา”
ชไนเดอร์กับคามี่ เชเรนส์เผยความรู้สึกดีใจออกมาบนใบหน้า ฉินสือโอวพูดต่ออีกว่า “เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าผู้พิพากษาจะยินดีให้อภัยพวกเขาไหม ผมโอนย้ายคดีให้กับศาลสูงสุดของรัฐไปแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้วล่ะครับ”
คนทั้งคู่เปลี่ยนสีหน้าไปแล้ว
………………………………………………