ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1122 วางแผน
ความวุ่นวายที่เกิดจากลินตันทำให้ศาลที่เป็นสถานที่ในการพิจารณาคดีตกอยู่ในความวุ่นวาย เขาทำตัวกำเริบเสิบสานราวกับว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป เขาผลักหู่จือกับเป้าจือออกไปแล้วร้องเอะอะโวยวาย บอกให้คนอื่นเข้ามาช่วยทำความสะอาดขนสุนัขที่ติดอยู่บนตัวของเขา
สุนัขแลบราดอร์เป็นสุนัขที่ทะเยอทะยานและหยิ่งทะนง แกให้พวกเรามาอยู่เป็นเพื่อนพวกเราก็มา แกคิดจะไล่พวกเรา พวกเราก็ต้องไป? แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?!
เมื่อถูกผลักออกมาด้วยความรังเกียจ สุนัขแลบราดอร์จึงถลึงตาจ้องลินตันด้วยความโมโห ใบหน้าเล็กๆ ยับย่นทำท่าว่ากำลังจะเห่า
วินนี่ที่มีฐานะเป็นผู้ควบคุมดูแลผิวปากออกมา หู่จือกับเป้าจือจึงจ้องหน้าลินตันด้วยความคับแค้นใจอยู่สักพัก แล้วจึงหมุนตัววิ่งกลับไปสู่อ้อมอกของวินนี่
วินนี่ปรึกษาหารือร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ของศาล หลังจากนั้นก็ถูกพาออกไปจากศาลทันที เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลานี้ไม่ต้องใช้สุนัขบำบัดแล้ว
ผู้พิพากษาเคาะค้อนด้วยความโมโห เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลยเข้ามารักษาความเป็นระเบียบ ลินตันจึงถูกบังคับให้นั่งลงไปบนเก้าอี้
โบราโซถลึงตามองอยู่ด้านข้าง เขาทำอาชีพนี้มาหลายสิบปีและยังเป็นคนที่เคยผ่านวิบากขวากหนามมาก่อน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นจำเลยที่หาเหาใส่หัวให้ตัวเองอย่างลินตัน ใช้ก้นวิเคราะห์ก็รู้แล้วว่า เรื่องวันนี้คงจัดการได้ไม่ง่ายแล้ว
ในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น โบราโซหยิบเอาความสามารถทั้งหมดที่เขามีออกมาเพื่อที่จะทำให้เด็กวัยรุ่นทั้งสี่คนหลุดพ้นจากความผิด ทว่าผลการตรวจสอบสุดท้ายก็ยังไม่เอื้อผลให้ทางฝั่งของพวกเขาอยู่ดี ลินตันกับวัยรุ่นอีกสามคนถูกตัดสินโทษตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ฐานฝ่าฝืนกฎหมายด้วยการใช้อาวุธที่มีความรุนแรงและสังหารวาฬอย่างโหดเหี้ยม ส่วนโทษฐานจากการล่าเต่ามะเฟืองที่เป็นสัตว์สงวนยังไม่ได้รับการตัดสิน
นี่คือการตัดสินของศาลชั้นต้น ไม่ใช่ผลการตัดสินสุดท้าย เพียงแต่ว่าภายใต้สถานการณ์ปกติ คำตัดสินชั้นต้นกับผลการตัดสินสุดท้ายของศาลในแคนาดามักจะไม่แตกต่างกัน เนื่องจากศาลที่นี่จะทำการตัดสินโทษด้วยความละเอียดรอบคอบ หากตัดสินออกมาแล้ว นั่นก็บอกได้ชัดว่าผลการตัดสินนี้มีความน่าเชื่อถือพอ
คดีสิ้นสุดลง หลังจากเดินออกมาจากศาลคณะของฉินสือโอวก็ได้รับการสัมภาษณ์จากนักข่าว เขาก็ให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า “หวังว่าคดีนี้จะช่วยให้บทเรียนกับชาวประมงและบรรดานักท่องเที่ยวบนทะเลได้บ้าง ในฟาร์มปลาของผมมีเต่ามะเฟืองอยู่ ถ้ามีคนมาขโมยปลาที่ฟาร์มปลาของผม ทางที่ดีควรจะระวังสักหน่อย อย่าทำร้ายพวกมัน ไม่อย่างนั้นพวกเรามีแต่จะได้เจอกันในชั้นศาลเท่านั้น!”
เชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อที่จะปกป้องทรัพยากรในฟาร์มปลา ฉินสือโอวลงแรงไปไม่น้อยเลย
ผลของการอ่านคำตัดสินคดีต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มาก ระหว่างเดินทางกลับคุณชายฉินค่อนข้างอารมณ์ดี คนประสาทๆ แบบลินตันสมควรได้รับการลงโทษจากกฎหมาย จิตใจของพวกเขามีปัญหา ถ้าครั้งนี้ไม่ให้บทเรียนกับพวกเขาสักหน่อย ต่อไปก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะฆ่าอะไรเพื่อความเพลิดเพลินอีก!
ชาวประมงและเหล่าทหารอารมณ์ดีมาก มีแค่นีลเซ็นที่เอาแต่โยกตัวไปมาอยู่รอบๆ ด้วยความวิตกกังวล ฉินสือโอวก็ไม่รู้ว่าเขาโยกตัวทำไม
“เป็นอะไรของนาย?” คุณชายฉินอดถามไม่ได้จริงๆ
นีลเซ็นถูมือเข้าด้วยกัน แล้วพูดว่า “บอส ผมอยากขอลาหยุด สักประมาณสี่วันครับ”
“ไปทำอะไรเหรอ?” ฉินสือโอวถาม ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงที่งานในฟาร์มปลากำลังยุ่งมาก เดิมทีกำลังคนของเขาก็ค่อนข้างขาดแคลนอยู่แล้ว ถ้านีลเซ็นไม่อยู่อีกคน แบบนั้นกำลังคนที่มีก็จะยิ่งไม่เพียงพอต่อการทำงาน
นี่ไม่ใช่แค่กับนีลเซ็น ไม่ว่าใครถ้าจะขอลาหยุดเวลานี้ ฉินสือโอวก็ต้องถามเหตุผลทั้งนั้น ต้องมีเหตุผลที่ดีพอถึงจะขอหยุดได้ ไม่อย่างนั้นถ้าทุกคนมาขอลาหยุดกันหมด แล้วเขาจะทำอย่างไรล่ะทีนี้?
นีลเซ็นบอกว่า “คืออย่างนี้ครับ แพรีสขอสำนักหนังสือพิมพ์ลาหยุดประจำปี เธออยู่แต่ที่นครเซนต์จอห์น ไม่เคยออกไปดูข้างนอก ตอนนี้เธอเป็นนักข่าวแล้ว เลยต้องออกไปดูโลกภายนอกให้มากๆ ดังนั้นผมก็เลยอยากไปกับเธอด้วย”
พอพูดจบ เขาก็หัวเราะออกมาเจื่อนๆ ไม่รู้ว่าหัวเราะอะไร
เหตุผลนี้เพียงพอที่จะเกลี้ยกล่อมฉินสือโอวได้แล้ว ถึงแม้ว่านีลเซ็นจะบอกว่าเหตุผลคือการไปเที่ยวกับแพรีส แต่เมื่อดูจากรอยยิ้ม…ที่อยู่บนหน้าของเขา ก็รู้แล้วว่าเขาไม่ได้วางแผนจะไปเป็นเพื่อนเธออย่างเดียว แต่ยังอยากทำอะไรสักอย่างด้วย เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องสำคัญของชีวิต
ฉินสือโอวพยักหน้าบอกว่าไม่มีปัญหา นีลเซ็นถูมืออีกครั้ง แล้วพูดว่า “เอ่อบอสครับ ผมขอยืมใช้เรือนกนางนวลหน่อยได้ไหมครับ? คืออย่างนี้ ผมกับแพรีสอยากจะเดินทางผ่านทางทะเล จากนครเซนต์จอห์นไปเที่ยวรอบๆ หมู่เกาะกรีนแลนด์ ถ้าเดินทางด้วยเรือโดยสาร ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีอิสระพอ”
“ไม่เป็นไร ฉันจัดคนขับเรือสักคนให้นายด้วยก็ได้ เบิร์ดล่ะเป็นไง? ระหว่างทางนายแค่ควงสาวอย่างสบายใจก็พอ” ฉินสือโอวพูดอย่างคนขี้เม้าท์ “แต่อย่างไรนายต้องระวังเรื่องการป้องกันด้วยนะ ฉันไม่แน่ใจว่าแพรีสจะเป็นแบบวินนี่ไหม ผู้หญิงที่อยากจะเป็นคุณแม่ก่อนแต่งงานน่ะ”
นีลเซ็นยิ้มแหยๆ พูดว่า “ไม่ๆๆ บอส คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมกับแพรีสเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ ยังไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย”
ฉินสือโอวตบไหล่ของนีลเซ็นพลางหัวเราะเสียงดัง “ไอ้หนุ่ม นายมันหน้าไม่อายจริงๆ เพื่อนกันเฉยๆ? แพรีสมาค้างที่ อพาร์ตเมนต์ของพวกนายตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่นายบอกฉันว่าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ?”
นีลเซ็นกะพริบตาปริบๆ ถามเขาด้วยความงงงวยว่า “คุณรู้ได้อย่างไรครับ?”
เบิร์ดที่อยู่ข้างๆ ก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ถ้าฉันบอกว่าบอสบังคับให้ฉันพูด นายจะยังนับฉันเป็นเพื่อนสนิทอยู่อีกไหม?”
“ฉันจะนับนายเป็นขี้หมาน่ะสิ! ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าพูดไปเรื่อย? ที่บ้านของแพรีสอบรมสั่งสอนเธออย่างเคร่งครัดมาก ครอบครัวของเธอนับถือศาสนาคริสต์ตามแบบอังกฤษดั้งเดิม!”
“ที่บ้านอบรมอย่างเคร่งครัด แต่หลังจากรู้จักกับนายได้หนึ่งเดือนก็มาหากันที่ห้องแล้ว?”
“แต่พวกเราแค่คุยกันเฉยๆ ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่าจริงๆ แพรีสไม่อนุญาต!”
ฉินสือโอวโบกมือขัดการทะเลาะกันของทั้งสองคน แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น “ครั้งนี้นายไปทำอะไรที่เกาะกรีนแลนด์? ตอนนี้ที่นั่นยังมีแต่หิมะสีขาวๆ หรือเปล่า? ฉันว่าพวกนายไปไมอามีไม่ดีกว่าเหรอ แบบนั้นสนุกกว่าตั้งเยอะ”
นีลเซ็นอธิบายว่า “แพรีสชอบวัฒนธรรมลี้ลับ เธอใฝ่ฝันถึงวัฒนธรรมโจรสลัดบนเกาะกรีนแลนด์มาโดยตลอด ที่พวกเราจะไปเป็นเส้นทางทองคำของโจรสลัดไวกิ้งครับ”
ครั้งหนึ่งโจรสลัดไวกิ้งเคยปกครองเกาะกรีนแลนด์มาก่อน หลังจากนั้นก็ใช้หมู่เกาะแห่งนั้นเป็นฐานประจำการ พวกเขาทำการปล้นสะดมจากทั้งทางทิศใต้และทิศตะวันออก และเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ โดยทั่วไปแล้วเรือพาณิชย์ที่ติดต่อกันระหว่างทวีปยุโรปกับทวีปอเมริกา จึงมักจะเดินเรือไปตามแนวชายฝั่งของแคนาดา
เส้นทางนี้เป็นจุดสำคัญในการปล้นของโจรสลัดไวกิ้ง พวกเขาได้รับความมั่งคั่งอย่างมหาศาลบนเส้นทางเดินเรือเส้นนี้ ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าเส้นทางทองคำ
ได้ยินนีลเซ็นบอกว่าแพรีสชอบวัฒนธรรมลี้ลับ ฉินสือโอวก็พูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีเจตนาที่ไม่ดีว่า “วัฒนธรรมโจรสลัดไวกิ้งนับว่าเป็นวัฒนธรรมลี้ลับอะไรกัน? พวกเรามีเรือผีนะ มันลึกลับเท่าเรือผีด้วยเหรอ?”
พอพูดจบ ฉินสือโอวก็รู้สึกสนุกขึ้นมา “อีกอย่าง นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่าแพรีสไม่ยอมให้นายได้ไปถึงขั้นสุดท้าย? อย่าหาว่าบอสไม่ช่วยพรรคพวกนะ เดินเรือทางทะเลครั้งนี้ ฉันจะส่งเรือผีไปช่วยนาย แล้วไม่ต้องบอกฉันนะว่า มีเรือผีคอยช่วยแล้ว แต่นายก็ยังคว้าเอาแพรีสไว้ไม่ได้!”
นีลเซ็นพูดอย่างเขินอายว่า “แบบนี้ไม่ดีมั้งครับบอส?”
“ถ้าอย่างนั้นนายรักแพรีสไหม?” ฉินสือโอวพูดด้วยความรำคาญ
นีลเซ็นตบอกตัวเองพลางพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้วครับ ความรักที่ผมมีต่อเธอมาจากส่วนลึกของหัวใจ ผมชอบเธอครับ บอส ก็เหมือนที่คุณชอบนายผู้หญิงนั่นล่ะครับ”
ฉินสือโอวจึงพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ความรักไม่ได้อาศัยแค่คำพูด แต่นายต้องลงมือทำมันให้ดีด้วย!”
นีลเซ็นพยักหน้ารับ พูดว่า “ที่คุณพูดก็มีเหตุผล บอส ถ้าอย่างนั้นอีกเดี๋ยวผมจะส่งเส้นทางเดินเรือให้คุณ คุณต้องช่วยผมจัดการเรื่องนี้ให้ดีนะครับ ผมจะได้แต่งงานปีนี้ไหม ก็ต้องพึ่งคุณแล้ว!”
ฉินสือโอวทำมือเป็นรูปโอเคให้เขา พร้อมกับขยิบตาให้แล้วพูดว่า “แน่นอนเลย สองวันนี้นายออกกำลังที่เอวให้ดีๆ ก็พอ”
…………………………………………