ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1125 ลอยออกทะเลไปตามคลื่น
ราคาที่แพงลิ่วของกระท่อมแคปซูล ขึ้นอยู่กับวัสดุของมัน ในชื่อของมันมีคำว่า ‘แคปซูล’ อยู่ข้างใน ไม่ได้มีไว้เพื่อแสดงถึงขนาดที่เล็กกะทัดรัด แต่เพื่อแสดงถึงความหายาก
กระท่อมหลังจากประกอบเสร็จแล้วมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทว่ามีน้ำหนักค่อนข้างเบา ใช้คนแค่สองคนก็สามารถยกเดินได้แล้ว กระท่อมหลังนี้ดูแล้วมีลักษณะบวมๆ พองๆ นั่นเป็นเพราะเติมก๊าซเฉื่อยเข้าไปหลายแห่งที่เพื่อรักษาอุณหภูมิ
ฉินสือโอวขนกระท่อมมาบนเกาะล่องแก่งแล้ว วินนี่เตรียมอาหาร น้ำและเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็พาลูกสาวไปด้วยกัน
หู่จือกับเป้าจือย่อมขาดไม่ได้อยู่แล้ว ลูกแมวป่าเองก็ตามไปด้วยใจแน่วแน่เช่นกัน ส่วนหลัวปอไปไม่ไหว มันมีความหวาดกลัวทะเลตามสัญชาตญาณของมัน ได้แต่เมียงมองอยู่ตรงท่าเรือ สุดท้ายก็ต้องเดินจากไปอย่างไม่มีความสุข
ฉงต้าไม่ได้กลัวทะเล ทว่ามันยัดตัวเองเข้าไปในกระท่อมไม่ได้ สุดท้ายมันจึงเดินเซไปเซมาขึ้นมาบนท่าเรือ เมื่อมาถึงตำแหน่งที่ตั้งของเกาะล่องแก่ง มันก็หมอบลงไปบนท่าเรือแล้วค่อยๆ ขยับอย่างช้าๆ อุ้งเท้าอ้วนๆ ทั้งสองข้างกอดเสาไม้ของท่าเรือเอาไว้ ขาเล็กสั้นก็ถีบสะเปะสะปะ กว่าจะปีนขึ้นไปได้ก็ไม่ง่ายเลย
ปรากฏว่าพอมันขึ้นไปบนเกาะล่องแก่ง เกาะพลาสติกแผ่นเล็กก็จมลงไปครึ่งหนึ่ง ทั้งหน้าและหลังไม่สามารถรักษาสมดุลได้เลย
ฉินสือโอวขยับเท้าด้วยความรวดเร็วคิดจะเตะฉงต้าลงน้ำ วินนี่ขวางเขาไว้ เธอบอกว่า “ให้ฉงต้าอยู่ด้านบนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวถ้ามีลมในตอนกลางคืนพัดขึ้นมา ถ้ามีฉงต้าคอยทับไว้ เกาะของพวกเราก็จะไม่ถูกพัดปลิวไปง่ายๆ”
ฉงต้ามองดูวินนี่ด้วยท่าทางแอ๊บแบ๊ว พอได้ยินที่เธอพูด มันก็ลุกยืนขึ้นแล้วส่ายสะบัดไขมันบนร่างกายเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันแข็งแรงกำยำ ปรากฏว่าพอมันเริ่มสะบัด เกาะก็โคลงเคลงตามไปด้วย
ฉินสือโอวยิ้มอย่างจืดเจื่อน เขาไม่ได้กังวลว่าเกาะน้อยจะถูกลมทะเลพัด กลัวแค่ว่าตอนกลางคืนฉงต้าจะไม่ยอมนอนดีๆ จนกดให้เกาะล่องแก่งพลิกคว่ำ!
ใช้เวลาไปกับการประกอบกระท่อม ในตอนนี้นีลเซ็นขับเรือพาแพรีสออกไปแล้ว เมื่อไม่มีเรือนกนางนวล หน้าที่ในการลากเกาะล่องแก่งจึงมอบให้เรือฮาวิซท เรือลาดตระเวนอย่างเรือแฟร์เวลมีแรงม้าที่ไม่มากพอ ใช้เรือประมงกับเรือครูซจะมีประโยชน์กว่า
พลบค่ำ พระอาทิตย์เฉียงไปทางทิศตะวันตก และเริ่มชิดเข้ากับผิวทะเล
ฉินสือโอวสตาร์ทเรือฮาวิซท ก่อนหน้านี้เรือประมงลำนี้เพิ่งจะได้รับการปรับแก้ เปลี่ยนให้เป็นเรืออวนลากจับสัตว์ทะเลหน้าดิน ต่อไปจะสามารถจับสัตว์ทะเลหน้าดินจำพวกปู กุ้งมังกรและปลาหัวเมือกได้
ขณะเดียวกันกับตอนที่อุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอนปรับแก้เรือฮาวิซท ก็ยังทำการบำรุงรักษา และทาสีตัวเรือใหม่อีกครั้งด้วย ดูแล้วเหมือนเรือลำใหม่ไม่มีผิด
ฉินสือโอวไม่ได้ออกห่างจากริมชายฝั่งไปไหนไกล ถึงยังไงในมหาสมุทรก็ดูเหมือนๆ กันหมด ใกล้หรือไกลวิวทิวทัศน์ก็ไม่ได้แตกต่างกัน เขาลากเกาะล่องแก่งให้ไกลออกมาจากท่าเรือสองกิโล หลังจากนั้นก็หาเนินดินใต้ทะเลแล้วทิ้งสมอเรือลงไป ยึดเรือกับเกาะล่องแก่งไว้กับที่
ทางฝั่งฉินสือโอวกำลังยุ่งอยู่กับการจอดเรือประมง ส่วนทางวินนี่ก็กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นให้พวกเด็กๆ หู่จือเป้าจือ ฉงต้า ต้าป๋าย ราชาเจ้าป่าซิมบ้า นั่งอยู่ข้างๆ อย่างเชื่องๆ ในปากคาบกะละมังใส่อาหารของตัวเองไว้ รอให้อาหารขึ้นโต๊ะ
แสงอาทิตย์อบอุ่นในยามเย็นส่องแสงลงมาบนเกาะพลาสติกและบนร่างกายของเหล่าสัตว์เลี้ยง ฉินสือโอววางงานในมือลงแล้วนอนลงคว่ำหน้าลงไปบนแคมเรือ มองดูวินนี่ที่กำลังยุ่งอยู่ด้วยความเคลิบเคลิ้ม เขาหวังจริงๆ ว่ากาลเวลาจะหยุดอยู่ที่ตรงนี้ให้นานอีกสักหน่อย
เสี่ยวเถียนกวาไม่ได้ออกทะเลครั้งแรก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกทะเลหลังจากที่เธอคลานเป็น ฐานล่างของเกาะล่องแก่งเป็นของจำพวกแผ่นพลาสติกกับขวดพลาสติก เพียงแต่ว่าฉินสือโอวใช้ที่เคลือบพลาสติกทาไว้ พื้นผิวด้านนอกจึงเรียบและเกลี้ยงเป็นมัน
ดังนั้นเมื่อหมอบอยู่บนเกาะพลาสติก เสี่ยวเถียนกวาจึงสามารถลุกคลานได้ง่าย เธอร้องแอ๊ๆ แล้วถลันเข้าไปหาริมขอบ
โดยปกติแล้วจะมีหลัวปอหมาป่าขาววัยกำลังโตคอยจับตาดู ขอบเขตพื้นที่ในการขยับตัวของเสี่ยวเถียนกวาถูกจำกัดไว้ที่โซฟาหรือไม่ก็เตียงเล็กๆ ตอนนี้มาอยู่บนเกาะพลาสติกไม่มีแม่นมน่ารำคาญอย่างหลัวปออยู่ด้วย เสี่ยวเถียนกวาสัมผัสได้ถึงมหาสมุทรกว้างใหญ่และท้องฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา เธอจึงตะลุยคลานไปทั่วทุกที่
วินนี่อุ้มเธอกลับมา แต่ปรากฏว่าพอไม่ได้ดู เธอก็คลานออกไปอีก
นี่ทำให้วินนี่ทรมานจนแทบแย่แล้ว จึงตะโกนออกไปหาฉินสือโอวอย่างหมดปัญญาว่า “คุณดูลูกสาวคุณไว้ให้ดีสิคะ พระเจ้า ทำไมเธอถึงได้มีพละกำลังเหลือเฟือขนาดนั้น? พอกลับไปฉันจะต้องพาเธอไปเข้าร่วมงานแข่งคลานของเด็กๆ ให้ได้เลย!”
ฉินสือโอวเรียกราชาเจ้าป่าซิมบ้ามา บอกใบ้ให้มันดูเสี่ยวเถียนกวาไว้ให้ดี
ราชาเจ้าป่าซิมบ้ามองเขาอย่างงงงวย หลังจากเข้าใจความหมายมันก็ส่ายหัวไม่หยุด เสี่ยวเถียนกวาคือปีศาจร้ายที่สิงอยู่ในร่างมนุษย์ เธอจ้องแต่จะดึงขนรอบๆ หูของมัน และสำหรับแมวป่าแล้วนั่นยังเป็นของที่สำคัญมาก ดังนั้นมันจึงไม่ยอมเดินเข้าไปติดกับเอง
ฉินสือโอวจับราชาเจ้าป่าซิมบ้าตัวอ้วนตุ๊ต๊ะขึ้นมาแล้วฟาดมือลงไปบนก้นของมันสองป้าบ ลูกแมวป่าแยกเขี้ยวยิงฟันร้องออกมาสองครั้ง แล้วตามเสี่ยวเถียนกวาไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ พอเธอจะคลานออกไปข้างนอก มันก็อ้าปากงับเอวกางเกงของหนูน้อยเอาไว้แล้วลากกลับไป
ถูกลากกลับมาสองครั้ง เสี่ยวเถียนกวาจึงเปลี่ยนความสนใจ เธอถลึงตาโตๆ จ้องมองราชาเจ้าป่าซิมบ้าด้วยความตั้งใจ ลูกแมวป่าก็หดตัวไปข้างหลังอย่างลืมตัว สัญชาตญาณของมันบอกว่าท่าจะไม่ได้แล้ว
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เสี่ยวเถียนกวาลุกขึ้นคลานอีกครั้ง และครั้งนี้ก็คือการไล่ตามลูกแมวป่า เมื่อตามทันก็กอดมันไว้ แล้วยื่นมือออกไปจับขนรอบๆ หูของมัน
ราชาเจ้าป่าซิมบ้ารีบร้องขอความช่วยเหลือจากวินนี่ เธอจึงต้องเข้ามาอุ้มเสี่ยวเถียนกวาขึ้นมา ปล่อยให้ราชาเจ้าป่าซิมบ้าหนีไป
ฉินสือโอวยิ้มกริ่มมองดูภาพเหตุการณ์นี้ เขาไปหยิบเอาเบ็ดตกปลามา เอาเบ็ดตกปลาออกไปข้างนอกเตรียมตัวจะติดตะขอ พอเห็นแบบนี้วินนี่จึงพูดด้วยความไม่พอใจว่า “ทำไมคุณถึงยังมีกะจิตกะใจจะตกปลาอยู่อีกคะ? รีบมาช่วยดูลูกสิ”
ฉินสือโอวจงใจไม่เข้าไปหา วินนี่จึงเข้ามาแย่งเหยื่อตกปลาของเขา เธอโบกมือพร้อมกับพูดอย่างอวดดีว่า “เอาสิ คุณตกปลาต่อไปสิคะ”
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา เขาพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “คุณคิดว่าพอเป็นแบบนี้ผมก็จะตกปลาไม่ได้แล้วเหรอครับ? ดูให้ดีล่ะ วันนี้สามีจะมอบบทเรียนให้คุณเอง!”
วินนี่ไม่เชื่อว่าเขาจะตกปลาขึ้นมาได้โดยที่ไม่ใช้เหยื่อตกปลา ปลาทะเลแตกต่างกับปลาในแม่น้ำ มีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวมากเกินไป ไม่มีของที่สามารถล่อลวงพวกมันให้มาติดกับได้ ไม่มีทางตกพวกมันขึ้นมาได้ง่ายๆ แน่
ฉินสือโอวลุกยืนขึ้นแล้วโบกมือขึ้นไปบนฟ้า แค่แป๊บเดียว บุชกับนิมิตส์ที่บินอยู่บนฟ้าก็บินดิ่งลงมา
นกอินทรีหัวขาวมีสายตาที่ดีมาก ขอเพียงอยู่ในวิสัยทัศน์ของมัน ฉินสือโอวจะทำท่าทางมือยังไงมันก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งนั้น
หลังจากบินดิ่งลงมา บุชไม่ได้ร่อนลงมาอยู่ข้างๆ ฉินสือโอวอย่างนิมิตส์ มันบินวนอยู่บนเกาะล่องแก่งไม่กี่รอบ ต่อจากนั้นก็กระพือปีกลอยตัวขึ้นไปในอากาศอีกครั้งทันที
วินนี่ทำหน้าตาล้อเลียนฉินสือโอว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มจากความยินดีที่เห็นเขาเดือดร้อน “ดูสิคะ ลูกของคุณทิ้งคุณไปแล้ว ที่ผ่านมาใครบอกให้คุณไม่ดูแลพวกมันให้เองดีล่ะ”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างมีเลศนัยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วนั่งสางขนให้นิมิตส์อยู่บนเกาะล่องแก่งอย่างสบายอกสบายใจ
ผ่านไปประมาณสองนาที บุชก็บินกลับมาอีกครั้งแล้ว เหมือนกับเครื่องบินทิ้งระเบิดที่บินดิ่งลงมา หลังของนกอินทรีหัวขาวบินแฉลบผ่านอาทิตย์อัสดงด้วยความเร็วสูง พลังอำนาจแบบนั้นทำให้คนต้องอุทานด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่บนร่างกายของมันถูกพรมไปด้วยแสงอาทิตย์สีแดงเพลิง บอกว่ามันเป็นวิหคเพลิงก็ไม่เกินไปนัก!
วินนี่คว้าโอกาสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปมันไว้ บุชลดความเร็วลงขณะที่กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศ เปิดกรงเล็บออกหลังจากบินลงมาถึงเหนือศีรษะของฉินสือโอว ปลาแฮร์ริ่งยาวยี่สิบเซนติเมตรกว่าๆ ก็ถูกปล่อยลงมาข้างล่าง
ฉินสือโอวหยิบปลาแฮร์ริ่งออกมาหั่นเป็นท่อน แขวนมันไว้บนตะขอแล้วโชว์ให้วินนี่ดู “ดูสิ ไม่ว่าเมื่อไรลูกก็รักผมอยู่ตลอด ผมเป็นพ่อของเขา ผมไม่ได้ดูแลก็ไม่เห็นเป็นไร”
วินนี่กอดแขนทั้งสองข้างพร้อมกับเม้มปากยิ้ม เธอพูดกับเขาว่า “พูดจริงๆ นะคะ ที่รัก บางครั้งฉันก็อยากตีคุณจริงๆ!”
…………………………………………….