ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1131 ทุกคนต่างก็เป็นข่งหรง[1]
เมื่อคำพูดของคุณหมอสิ้นสุดลง สีหน้าของฉินสือโอวก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูแล้ว ส่วนวินนี่ก็เผลอกอดต้าป๋ายแน่นขึ้น ต้าป๋ายเงยหน้ามองเธอ แล้วแลบลิ้นนุ่มนิ่มออกไปเลียหลังมือของวินนี่เบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลมเธอเหมือนเดิม
แต่พอเป็นแบบนี้ วินนี่ก็ยิ่งเป็นทุกข์มากกว่าเดิม
คุณหมอวัยกลางคนจึงพูดปลอบพวกเขาทั้งสองคนว่า “เกิดแก่เจ็บตาย เป็นกฎของธรรมชาติ ในเมื่อพวกคุณตัดสินใจเลี้ยงโอพอสซัมเวอร์จิเนียตั้งแต่แรก พวกคุณก็คงจะคิดไว้แล้วว่ามันอาจจะมีวันนั้น ใช่ไหมล่ะครับ?”
ฉินสือโอวฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ใครจะรู้ล่ะครับว่าวันนั้นมันจะมาถึงเร็วขนาดนี้?”
คุณหมอจึงพูดกับเขาว่า “พระเจ้าได้แสดงความเมตตาของท่านอย่างมากแล้ว เพื่อนจากผลการตรวจอายุฟัน ลูกๆ ของพวกคุณก็มีอายุถึงสี่ปีครึ่งแล้ว ถ้าอยู่ในโอกาสอื่น อาจจะสามารถขอจดบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ไว้เลยก็ได้ ถ้าผมจำไม่ผิด ขีดจำกัดอายุของโอพอสซัมเวอร์จิเนียในตอนนี้น่าจะยังไม่ถึงสี่ปีนะ”
วินนี่ยังมีความหวัง เธอกอดต้าป๋ายเอาไว้แล้วถามคุณหมอด้วยความคาดหวังว่า “จะเป็นไปได้ไหมคะว่าการตรวจอาจจะมีปัญหา? พวกเราเลี้ยงดูเด็กน้อยตัวนี้ได้ไม่ถึงสองปี แล้วเขาจะมีอายุถึงสี่ปีกว่าได้อย่างไรกันคะ?”
คุณหมอก็ถามพวกเขาด้วยความประหลาดใจว่า “ตอนที่พวกคุณรับเลี้ยงมัน พวกคุณมั่นใจใช่ไหมครับว่ามันยังเป็นแค่ลูกพอสซัมอยู่? ถ้าเป็นอย่างนั้น งั้นผมแนะนำว่าให้พวกคุณลองไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่นด้วยดีกว่านะครับ”
ฉินสือโอวฝืนยิ้มพร้อมกับส่ายหัว จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไรกัน ตอนที่ฉงต้าได้พบกับต้าป๋าย ตอนนั้นมันก็เป็นตัวพอสซัมที่โตเต็มวัยแล้ว หลังจากนั้นก็ถูกฉงต้าจับแล้วพามาที่ฟาร์มปลา
ตอนนี้เมื่อลองมาคิดๆ ดูแล้ว ก็พบว่ามีเค้าลางที่ทำนายเรื่องวันนี้ได้หลายอย่าง อย่างเช่น ในตอนนั้นฉงต้ายังโง่ๆ เซ่อๆ อยู่เลย แต่มันกลับสามารถจับต้าป๋ายไว้ได้ คาดว่าในตอนนั้นสมรรถนะทางกายภาพของต้าป๋ายคงลดลงอย่างรุนแรงแล้วเช่น วิ่งได้ช้า ปฏิกิริยาโต้ตอบช้าอะไรทำนองนั้น และหลังจากนั้นเป็นเพราะฉินสือโอวใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจึงทำให้มันกลับมามีพละกำลังและความกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
หรือหากยกตัวอย่างอีกอย่างหนึ่ง นับตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่ฟาร์มปลา ต้าป๋ายก็เป็นสัตว์ที่นิ่งและสุขุมมาก มันไม่เคยเล่นกันกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ จนสร้างวุ่นวายเลย ในตอนนั้นฉินสือโอวเดาว่ามันอาจจะมีนิสัยเก็บตัวหรือไม่ก็เงียบขรึมเย็นชา แต่ที่จริงเป็นเพราะมันโตแล้วต่างหาก
นึกไปถึงเมื่อสองวันก่อนตอนที่อยู่บนทะเล อยู่ๆ ต้าป๋ายก็เข้ามาใกล้ชิดเขากับวินนี่ด้วยตัวเอง อาจจะเป็นเพราะมันรู้สึกได้ว่าตัวเองคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว จึงตั้งใจที่จะสัมผัสกับเจ้าของที่เป็นคนเลี้ยงมันมาเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หัวใจของฉินสือโอวก็เหมือนกับถูกมีดกรีด
คุณหมอวัยกลางคนจึงพูดขึ้นอีกว่า “อายุขัยของสัตว์จำพวกที่มีกระเป๋าหน้าท้องค่อนข้างสั้น จิงโจ้แดงที่มีอายุยืนที่สุด ก็มีชีวิตอยู่ได้แค่ประมาณยี่สิบปี อีกทั้งอายุขัยของโอพอสซัมเวอร์จิเนีย ยิ่งเป็นหนึ่งในสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องที่มีอายุขัยสั้นที่สุด ดังนั้นพวกเราเลยไม่เคยแนะนำให้ลูกค้าเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้เป็นเพื่อนคู่ชีวิต”
วินนี่ใช้น้ำเสียงที่แทบจะเป็นการขอร้องวิงวอนถามคุณหมอว่า “ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอคะ?”
คุณหมอจึงตอบกับเธออย่างไร้ซึ่งหนทางว่า “จะมีทางไหนได้อีกเหรอครับ มาดาม? อายุของพอสซัมตัวนี้ ถ้าเทียบกับคนก็อาจจะมีอายุมากถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปี หรืออาจจะมากกว่านั้น! คุณจะหวังให้โรงพยาบาลทำให้คนที่มีอายุมากขนาดนั้นมีอายุยืนยิ่งกว่าเดิมได้ไหมล่ะครับ?”
ฉินสือโอวรู้ว่าคุยกับหมอต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขากอดวินนี่กับต้าป๋ายเอาไว้ แล้วถามคุณหมอเป็นครั้งสุดท้ายว่า “แต่สุขภาพและสภาพร่างกายของต้าป๋ายของพวกเรายังดีอยู่ใช่ไหมครับ?”
คุณหมอบอกกับเขาว่า “มีปัญหาเรื่องโรคกระเพาะนิดหน่อยครับ แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรับการรักษา ผมคิดว่า ที่มันอ้วกออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ เป็นเพราะสมรรถนะร่างกายของมันเสื่อมถอยลงส่งผลให้การความสามารถในการทำงานของอวัยวะภายในลดต่ำลงจนกลายเป็นแบบนี้ หลังจากนี้พวกคุณต้องใส่ใจมันให้มากๆ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะ…”
พอพูดถึงตรงนี้ คุณหมอก็ปิดปากเงียบพร้อมกับไหวไหล่ ถ้าพูดต่อจะยิ่งทำให้พวกเขาเสียใจยิ่งกว่าเดิม
ฉินสือโอวกำลังจะกลับแล้ว สัตวแพทย์ท่านนั้นก็อ่านผลตรวจอีกครั้ง แล้วพูดด้วยความลังเลใจว่า “เฮ้ ทั้งสองคนช่วยรอก่อนสักครู่หนึ่งนะครับ”
เขาไล่อ่านผลแล็บพวกนี้อย่างละเอียด เผยสีหน้าของความไม่แน่ใจออกมาบนใบหน้า “จากผลตรวจ พอสซัมตัวนี้มีอายุมากแล้วจริงๆ แต่ถ้าวิเคราะห์จากประสิทธิภาพของกิจกรรมทางชีวภาพแล้ว กิจกรรมทางชีวภาพของมันก็ถือว่าค่อนข้างดี ผมไม่รู้ว่าเกิดปัญหาจากตรงไหน ถ้าคุณคิดว่ามีความจำเป็น ถ้าอย่างนั้นผมขอแนะนำให้พวกคุณลองไปที่โทรอนโตดูดีกว่านะครับ”
เปลวไฟแห่งความหวังในดวงตาของวินนี่ลุกโชนขึ้น ส่วนฉินสือโอวก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที ถึงอย่างไรพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ได้ผล!
ไม่ต้องสงสัยเลย ต้าป๋ายอายุมากแล้วจริงๆ คาดว่าตอนที่มันอ้วกออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ เป็นเพราะกิจกรรมทางชีวภาพของสมรรถนะทางร่างกายของมันลดลงอย่างรุนแรง ทำให้อ่อนแรงจนย่อยอาหารไม่ได้ แต่พอฉินสือโอวเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้มัน พลังชีวิตของมันจึงถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อคิดได้อย่างแน่ชัด ฉินสือโอวก็ไม่ค่อยกังวลแล้ว อย่างมากก็แค่ต้องเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้แก่ต้าป๋ายอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วันต่อจากนี้ แบบนั้นมันจะต้องสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างยาวนานอีกช่วงหนึ่งแน่ๆ!
เมื่อกลับมาถึงที่รถ ในชั่วพริบตาเดียวฉงต้าก็โผเข้ามา อุ้มต้าป๋ายแล้ววางไว้ที่ไหล่ของตัวเอง พอหามุมได้แล้วก็นอนหมอบลงไป หลังจากนั้นก็ส่งเสียง ‘ครอกๆ ครอกๆ’ ออกมาจากในลำคอ ราวกับว่ามันกำลังคุยกับต้าป๋ายอยู่
เรคพูดด้วยใบหน้าอย่างคนไม่มีความสุขว่า “ในที่สุดพวกนายก็กลับมาเสียที”
ฉินสือโอวจึงถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เรคชี้ไปที่กองถุงพลาสติกที่อยู่ข้างๆ ตัว แล้วบอกว่า “หมีของพวกนายตัวนี้กินเก่งเกินไปแล้ว แถมมันยังเลือกกินมากๆ อีกต่างหาก เห็นไหมว่าฉันซื้อของมาเยอะแค่ไหน ของทั้งหมดก็เพื่อปลอบมันทั้งนั้น พอไม่มีอะไรให้กิน มันก็จะร้องฮือๆ ออกมา เป็นปีศาจน้อยที่น่ารำคาญจริงๆ”
ฉินสือโอวจึงปลอบเขาว่า “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเห็นว่ามันไม่ได้กินขนมเยอะเท่าไรเลยไม่ใช่เหรอ? ยังเหลืออยู่ตั้งเยอะ”
เรคเปิดถุงพลาสติกออกแล้วเอาให้เขาดู “ไม่ มันไม่ได้อยู่ที่ว่ามันกินไม่เยอะ แต่เป็นเพราะมันเลือกกิน! นายดูถุงพวกนี้สิ ทุกๆ ถุงถูกเปิดหมดแล้วใช่ไหมล่ะ? เพราะอะไร? เพราะมันอยากจะลองชิมทีละอัน ถ้าไม่ถูกปาก แม้แต่นิดเดียวมันก็ไม่กิน!”
วินนี่จึงพูดกับเขาบ้างว่า “คุณต้องเข้าใจเขาด้วยสิคะ เด็กน้อยตัวนี้ไม่ได้เลือกกิน แต่กำลังระบายความเครียดอยู่ต่างหาก”
เรคหันไปมองฉงต้า ฉงต้าก็เงยหน้าแล้วอ้าปากโชว์เขี้ยวแหลมคมใส่เขา พร้อมกับทำท่าทางคุกคาม เขาจึงรีบพยักหน้า พูดว่า “ฉันเชื่อแล้วล่ะ”
หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลา ต้าป๋ายก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงสำคัญที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
วินนี่ทำรังเล็กๆ ในห้องนอนไว้ให้มัน ตั้งไว้ที่ข้างๆ เตียงนอน ทว่าต้าป๋ายเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์มาก พอถึงเวลานอนมันก็ไปหาฉงต้า แล้วนอนหมอบอยู่ข้างๆ กัน
ในเวลาอาหารมื้อค่ำ ฉงต้าขยับกะละมังอาหารของตัวไปไว้ตรงด้านหน้าต้าป๋าย เพื่อให้ต้าป๋ายกินก่อน ต้าป๋ายยื่นหัวมามองดู หลังจากนั้นก็ดันกลับไปให้ฉงต้าอย่างไม่ลังเล อาหารของฉงต้าเลี่ยนเกินไปจริงๆ โอพอสซัมเวอร์จิเนียย่อยอาหารที่มีไขมันไม่ได้
หู่จือกับเป้าจือมองดูกะละมังอาหารของตัวเอง สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ พวกมันก็ดันกะละมังอาหารไปไว้ข้างๆ ต้าป๋ายด้วยเช่นกัน
ต้าป๋ายดันกลับมาด้วยท่าทีที่แน่วแน่ยิ่งกว่า ให้ตายสิ กะละมังอาหารของแลบราดอร์มีแต่อาหารหมากับเนื้อสเต๊ก แกจะให้ฉันกินอาหารหมาหรือเนื้อสเต๊กมันๆ กันล่ะ?
ลูกแมวป่ากับหลัวปอก็ดันกะละมังอาหารของตัวเองเข้าไปให้ต้าป๋ายเหมือนกัน นี่ทำให้ต้าป๋ายหดหู่สุดๆ ไอ้เวรพวกนี้ ทำไมมีแต่สัตว์กินเนื้อกันล่ะเนี่ย?!
บุชกับนิมิตส์ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เห็นทุกๆ ตัวพากันดันกะละมังอาหารไปทางนั้น พวกมันเลยดันของตัวเองเข้าไปด้วย
ต้าป๋ายตะลึงตาค้างไปแล้ว ในกะละมังมีปลาคาพีลินอยู่สองสามตัว ยังเป็นๆ อยู่ด้วย! จะเอาเข้าปากอย่างไร?
ลูกนกอินทรีทองแคลร์อยากเข้ามาเล่นด้วย แต่มันยังเด็กเกินไป กระทั่งกะละมังอาหารก็ไม่มีเหมือนตัวอื่นๆ…
ปอหลัวที่กำลังกินอาหารอย่างตะกละตะกลามมองเห็นเหตุการณ์นี้ มันก็ดันกะละมังอาหารของตัวเองไปให้ต้าป๋ายอย่างสบายๆ แล้วบอกกับมันอย่างเท่ๆ ว่า กินสิ อยากกินอะไรก็กินได้เลยนะ หลังจากนั้น มันก็มองดูต้าป๋ายตาปริบๆ รอให้ต้าป๋ายดันกะละมังของตัวเองกลับคืนมา
ต้าป๋ายก้มหน้ามองกะละมังอาหาร ในกะละมังของกวางอูฐขนสีทองเป็นอาหารจำพวกเบอร์รีกับผักสดทั้งหมด อีกทั้งผักที่เจ้านี่กินก็อ่อนนุ่มยิ่งกว่า และสวนผักก็เป็นอาณาเขตของมัน ผักที่ไม่นุ่มมันไม่กินหรอก
เมื่อเป็นเช่นนี้ต้าป๋ายจึงก้มลงไปใกล้กะละมังเพื่อกินอาหาร ปอหลัวตะลึงตาค้างทันที หลังจากนั้นก็รีบเข้าไปแย่งกะละมังอาหารของตัวเองคืน
อุ้งเท้าหมีขนาดมหึมาข้างหนึ่งฟาดเข้าที่หน้าของมัน พอปอหลัวเงยหน้าขึ้น ก็พบใบหน้าที่แสดงท่าทางดุร้ายกับเขี้ยวแหลมคมของกับฉงต้า หลังจากนั้นมันเลยยอมถอยกลับไปอย่างเงียบๆ…
………………………………………………
[1] ข่งหรง ตัวละครจากนิทานเรื่องข่งหรงสละลูกแพร์
Comments for chapter "บทที่ 1131 ทุกคนต่างก็เป็นข่งหรง[1]"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
วิทย์
ชอบตอนนี้มากๆๆครับ ขอบคุณครับ