ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1154 ตกหมูป่า
ต้นโอ๊กดำเป็นต้นไม้ที่ค่อนข้างน่าสนใจชนิดหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่สามารถแยกประเภทของมันได้อย่างชัดเจน บางคนเชื่อว่ามันคือพันธุ์ไม้ในตระกูลต้นบีช แต่บางคนก็เชื่อว่ามันคือต้นโอ๊กสายพันธุ์หนึ่ง
แต่สามารถแน่ใจได้ว่า โอ๊กดำไม่ใช่ต้นโอ๊กตามที่ชาวอเมริกาเรียกอย่างแน่นอน เนื่องจากที่อเมริกาต้นโอ๊กถูกกำหนดให้เป็นต้นไม้ประจำชาติในปี 2001 โดยนิสัยของพวกลุงแซมแล้ว สิ่งที่พวกเขานำมาเชื่อมโยงกับประเทศจะต้องเป็นสิ่งที่รู้จักกันโดยทั่วไป อย่างเช่นนกอินทรีหัวขาวที่เป็นนกประจำชาติ หรือดอกไม้ประจำชาติอย่างดอกกุหลาบ
โอ๊กดำเป็นต้นไม้ที่เติบโตได้ไม่สูงมาก ทางฝั่งตะวันออกของอเมริกาก็โตได้สูงถึงแค่สองสามเมตรเท่านั้น พันธุ์ไม้ชนิดนี้ที่เทือกเขาเคอร์บัลก็ยิ่งมีขนาดความสูงที่เตี้ยยิ่งกว่า แค่เกือบๆ หนึ่งเมตรครึ่ง พอลุกขึ้นยืนฉงต้าก็สูงกว่ามันแล้ว
แมกไม้ของต้นโอ๊กดำแผ่ออกอย่างเต็มกำลัง ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ใบไม้สีเขียวสดก็งอกขึ้นมาใหม่ ประดับด้วยแสงมันวาวสีเขียวเข้มดูเอิบอิ่ม เปลือกไม้เป็นสีดำ อีกทั้งยังแตกออกเป็นลวดลายที่ไม่มีรูปแบบตายตัว ดูแล้วค่อนข้างอัปลักษณ์
ตอนแรกที่ฉินสือโอวเห็นฉงต้าวนอยู่รอบๆ ต้นไม้ เขาก็นึกว่ามันอยากจะฉี่ แต่ปรากฏว่าเดินวนไปหลายรอบแล้ว แต่ฉงต้าก็ไม่ได้แยกขาแล้วฉี่ออกมา แต่กลับชูอุ้งเท้าขึ้นมาไว้บนรากของต้นไม้แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มขุดมันขึ้นมา
เมื่อเห็นแบบนี้ท่านชายฉินก็เบิกบานใจ เขากวักมือเรียกวินนี่และคนอื่นๆ ด้วยความตื่นเต้นดีใจ รอจนพวกเขาเข้ามาหาแล้ว หลังจากนั้นจึงพูดกับพวกเขาว่า “ดูสิ เดี๋ยวนี้ฉงต้าให้ความสำคัญกับความสะอาดมากๆ เลยนะ ขนาดว่าอึอยู่ในป่ายังขุดหลุมเองเลย”
วินนี่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เธอพูดกับเขาว่า “คุณเรียกพวกเราให้มาดูนี่น่ะเหรอคะ? ไม่น่าสะอิดสะเอียนหรอกเหรอ? อีกเดี๋ยวเดียวก็ต้องกินข้าวแล้วนะคะ”
ฉินสือโอวหัวเราะแหะๆ ปรากฏว่าพอฉงต้าขุดหลุมเสร็จแล้วกลับไม่ได้อึออกมา แต่ร้องคำรามเรียกพวกเขาอย่างฮึกเหิมแทน
แบบนี้ทุกๆ คนจึงเริ่มรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ดูจากท่าทางของฉงต้า นี่น่าจะแปลว่ามันทำอะไรสักอย่างได้สำเร็จ
ฉินสือโอวลองเดินเข้าไปดู หลุมดินที่ฉงต้าขุดออกมามีขนาดใหญ่พอสมควร ดินที่แข็งเพราะอากาศหนาวกับหินกรวดถูกมันสะบัดกระจายไปทั่วทุกที่ อีกทั้งท่ามกลางก้อนหินและดินสีเทาพวกนี้ ก็ยังมีกลุ่มก้อนขนาดเล็กใหญ่สีเทาดำบางส่วนอยู่ด้วย
อาร์ม็องลองมองดูเผินๆ ต่อจากนั้นเขาก็ถึงกับช็อก แล้วพูดว่า “พระเจ้า นี่มันเห็ดทรัฟเฟิลดำนี่! ที่นี่มีเห็ดทรัฟเฟิลสีดำด้วยเหรอ?”
ก้อนใหญ่มีขนาดเท่าๆ กันกับมันฝรั่ง ส่วนก้อนเล็กมีขนาดใกล้เคียงกับวอลนัท ไม่ได้มีรูปร่างลักษณะที่แน่นอนตายตัว ผิวภายนอกมีลักษณะเป็นตุ่มหูดหลายมุมที่ยืดขยายออก หลังจากผ่าออกแล้วด้านในจะมีลวดลายและรอยย่นแบบลายหินอ่อนที่รวมตัวกันอย่างแน่นหนา ถ้าไม่ใช่เห็ดทรัฟเฟิลแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ?
เมื่อฤดูหนาวของปีที่แล้ว สองผัวเมียหมาป่าขาวมักจะลงมาจากภูเขาเพื่อมาเยี่ยมลูกสาวหมาป่าขาวอยู่เป็นประจำ มีครั้งหนึ่งที่พวกมันนำลูกหมูป่าตัวเมียมาด้วยหนึ่งตัว ฉินสือโอวก็เจอเห็ดทรัฟเฟิลที่ยังไม่ถูกย่อยในกระเพาะของหมูป่าตัวนั้นอยู่หลายก้อน
เห็ดทรัฟเฟิลเป็นส่วนผสมในการทำอาหารที่ล้ำค่ามาก เบิร์ดกับแบล็คไนฟ์ตั้งใจฝึกให้ฉงต้าค้นหาเห็ดทรัฟเฟิลโดยเฉพาะ แต่ปรากฏว่าหลังจากขึ้นมาบนภูเขาหลายครั้งก็ยังหาไม่เจออยู่ดี ดังนั้นความตั้งใจพวกเขาจึงเลือนหายไป หลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก เนื่องจากเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ทรัฟเฟิลที่ไม่ถูกขุดออกมาจะเกิดการเน่าเปื่อย
ตอนนี้โดยที่ยังไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ คาดไม่ถึงว่าฉงต้าจะได้กลิ่นของทรัฟเฟิล แล้วขุดพวกมันขึ้นมา
น่าเสียดาย วันที่ขุดขึ้นมาเลยเวลาของมันมาแล้ว ด้านในของทรัฟเฟิลพวกนี้เริ่มเน่าแล้ว จนส่งกลิ่นหอมเข้มข้นของผลไม้ระคนกลิ่นเหม็นคาวออกมา เป็นกลิ่นที่แปลกประหลาดมาก ฉินสือโอวคาดว่านี่น่าจะเป็นกลิ่นประเภทที่หกที่ชาวญี่ปุ่นว่าไว้
เมื่อได้เห็นเห็ดทรัฟเฟิลที่ฉงต้าขุดออกมา วินนี่ก็แย้มรอยยิ้มด้วยจิตใจที่เบิกบาน เธอบีบคลึงแก้มอ้วนๆ ที่มีขนปุกปุยนุ่มฟูของฉงต้า พร้อมกับเอ่ยชมมันว่า “ฉงต้าเก่งมาก ฉงต้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่นา คิดไม่ถึงว่าจะช่วยคุณแม่หาอาหารได้แล้ว ดีมากๆ เลย ตอนเที่ยงแม่จะทำสลัดให้กินดีไหมคะ?”
ไม่ง่ายเลยกว่าฉงต้าจะทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ มันจึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองอย่างถึงที่สุด ราวกับแม่ไก่ที่เพิ่งจะออกไข่ได้สำเร็จก็ไม่ปาน มันส่งเสียงจากในลำคอ ร้องฮือๆ อยู่ในอ้อมอกของวินนี่ ทำเอาสัตว์ป่าและนกตัวน้อยที่อยู่ในพุ่มไม้โดยรอบพากันตกใจจนหนีกระเจิดกระเจิง
ทว่านำเห็ดทรัฟเฟิลที่เน่าแล้วไปทานไม่ได้ อาร์ม็องจึงนำพวกมันกลับไปฝังอีกครั้ง แต่ฉินสือโอวโบกมือปัด แล้วเก็บเห็ดทรัฟเฟิลพวกนี้กลับมา
อาร์ม็องพูดกับเขาเสียงเบาว่า “เพื่อน มันไม่มีประโยชน์แล้วนะ เอาไปฝังไว้ดีกว่า บางทีถ้าสปอร์ของมันโตขึ้น ปีหน้ามันอาจจะงอกออกมาอีกครั้งก็ได้”
เขานึกว่าฉินสือโอวจะคาดหวังอะไรที่มันเกินความเป็นจริง เลยอยากเอาเห็ดกลับไปลองชิมดู
วินนี่จึงช่วยอธิบายแทนสามี “ไม่ใช่ค่ะ อาร์ม็อง นี่เป็นผลสำเร็จของลูกเรา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอากลับไปด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะทำร้ายความเคารพในตัวเองของพวกเขาได้ ใช่ไหมฉงต้า?” พอพูดจบเธอก็กลับไปบีบคลึงแก้มอ้วนๆ ของฉงต้าอีกครั้ง
ฉงต้ายื่นคอออกมาข้างนอกแล้วส่งเสียงร้องครวญครางอีกสองครั้ง ไม่รู้ว่าเห็นด้วยกับที่วินนี่พูดหรือเป็นเพราะถูกวินนี่ย่ำยีจนรู้สึกไม่สบายตัวถึงได้ส่งเสียงร้องประท้วงออกมา
ความจริงแล้วสิ่งที่วินนี่พูดมาเป็นเพียงหนึ่งในจุดประสงค์ของเขาเท่านั้น เห็ดทรัฟเฟิลเน่าพวกนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว แต่พวกมันยังมีประโยชน์อย่างมหาศาล อย่างเช่น สามารถนำมาทำเป็นเหยื่อตกหมูป่าได้!
เห็ดทรัฟเฟิลที่โตเต็มที่สามารถส่งกลิ่นแปลกประหลาดชนิดหนึ่งออกมาได้ กลิ่นนี้คล้ายคลึงกับฟีโรโมนแอนโดรสโตนที่ล่อให้หมูป่าตัวเมียเกิดความใคร่ ซึ่งจะทำให้พวกมันหลงคิดว่าได้เจอกับหมูป่าตัวผู้รูปหล่อสูงใหญ่กำยำ ด้วยเหตุนี้จึงมีนายพรานที่แคว้นปีเยมอนเตของประเทศอิตาลีที่ใช้เห็ดทรัฟเฟิลในการค้นหาหมูป่าตัวเมีย
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ และเป็นช่วงเวลาที่หมูป่าตัวเมียจะแสดงอาการกำหนัดออกมามากที่สุด อีกทั้งเห็ดทรัฟเฟิลพวกนี้ก็เพิ่งจะเริ่มเน่าพอดี เหมาะที่จะใช้ล่อหมูป่าตัวเมียที่สุดแล้ว
ฉินสือโอวใช้ถุงตาข่ายมัดเห็ดทรัฟเฟิลพวกนี้เอาไว้ แล้วห้อยไว้บนคอของลูกแมวป่า จากนั้นก็ให้มันไปวนอยู่รอบๆ ส่วนลึกของป่าทึบ ส่วนพวกเขาก็จะซ่อนตัวเพื่อดักโจมตีอยู่ที่ริมป่า ให้พ่อฉินกับพี่เขยเป็นมือปืน รออีกเดี๋ยวถ้าได้เจอหมูป่าก็ไม่ต้องเกรงใจ จัดการให้ได้สักตัวก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน
ราชาเจ้าป่าซิมบ้าไม่มีความสุขเลยจริงๆ มันไม่ชอบกลิ่นแบบนี้ เมื่อเช้านี้หม่าม๊าวินนี่เพิ่งจะอาบน้ำเป่าขนให้มันจนมีขนที่นุ่มฟู ถ้ามีกลิ่นพวกนี้ติดไปด้วยจะทำอย่างไร? หลังจากนี้หู่จือเป้าจือจะมองมันอย่างไร? แล้วฉงต้ากับต้าป๋ายจะมองมันอย่างไร? ไหนจะพวกต้นไม้ใบหญ้าในฟาร์มปลาอีกล่ะ?
แต่เป็นผู้น้อยก็จำต้องยอมทำ มันยังคงเดินเข้าไปในป่าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ก้าวเท้าสั้นๆ เร็วๆ วิ่งไปทั่วป่า
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ฉินสือโอวและคนอื่นๆ รอจนเริ่มรู้สึกเบื่อแล้ว จึงพากันนั่งยองๆ อยู่บนพื้นแล้วคุยเล่นกัน ในขณะนี้เสียงร้องครวญครางด้วยความวิตกกังวลก็ดังขึ้นมาจากบริเวณที่ห่างออกไปไม่ไกล “อู้วๆ!”
ผ่านไปอีกไม่กี่สิบวินาที เสียงจ้อกแจ้กจอแจก็ดังขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีเสียงหอบหายใจ ‘ฮึดฮัดๆ’ ที่ดังขึ้นมาอีกด้วย เมื่อได้ยินเสียงนี้คณะของฉินสือโอวก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วยความเร่งรีบทันที นี่คือเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของหมูป่า
เพียงครู่เดียว เงาร่างสีเทาสว่างก็ถลันเข้ามาอย่างรีบร้อนกระสับกระส่าย ขนบนตัวกระเจิงขึ้นเป็นเส้นตรง ขนหูสีดำพลิ้วไหวไปตามลม เป็นราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่ถูกส่งออกไปล่อหมูป่าตัวเมียนั่นเอง
ณ ช่วงเวลานี้ราชาเจ้าป่าซิมบ้าเร่งฝีเท้าวิ่งสุดชีวิต ไม่ทุ่มสุดชีวิตไม่ได้ ก็ด้านหลังมีหมูป่าตัวเมียอยู่ตั้งหลายตัว พวกมันน่ากลัวมากๆ คิดแต่จะจัดการมัน มันไม่ได้อยากมีอะไรกันกับหมูป่านะ แบบนั้นปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่ว่าคนอื่นจะมองมันอย่างไรแล้ว แต่อยู่ที่ว่ามันจะเอาความกล้าจากไหนมาใช้ชีวิตอยู่ต่อไปต่างหาก!
เป็นดังที่คิดไว้ เห็ดทรัฟเฟิลเน่ามีแรงดึงดูดต่อหมูป่าตัวเมียที่รุนแรงมาก…
ด้านหลังของราชาเจ้าป่าซิมบ้าด้านหน้าสุดคือหมูป่าตัวเมียโตเต็มวัยที่มีขนาดของลำตัวกว่าสองเมตร ดวงตาโตๆ ทั้งสองข้างที่กำลังถลึงมองราวกับระฆังทองแดง ด้านในมีเส้นเลือดรวมกันอยู่อย่างแน่นหนา ฉินสือโอวลองหันไปมองก็ตกใจจนเกือบจะฉี่ราด ลูกแมวป่าลำบากมากแล้วจริงๆ
ลูกแมวป่าทั้งร้องทั้งวิ่ง อ๋าวๆๆๆ พ่อฮะ รีบยิงปืนเถอะ ถ้ายังไม่รีบยิงหมูป่าพวกนี้มันจะจัดการผมแล้ว!
พ่อฉินกับพี่เขยถูกสถานการณ์การบุกโจมตีของหมูป่าทำให้ตกใจจนนิ่งค้างไปแล้ว การรับมือกับหมูป่าที่บุกเข้ามาตรงหน้า เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญจริงๆ
หู่จือกับเป้าจือกล้าหาญมาก เดิมทีพวกมันกำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อเห็นว่าหมูป่าปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็พุ่งเข้าไปหาจากทั้งทางซ้ายและขวา ใบหูใหญ่ชี้มาทางด้านหลัง ขนบนร่างกายสะบัดกระเซิงขึ้นมา กล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง!
………………………………………………