ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1164 กระรอกดินแสนฉลาด
เขาเห็นว่าพ่อแม่จริงจัง ฉินสือโอวจึงพับขากางเกงขึ้นด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
ตอนนั้นพ่อและแม่ส่งเขาไปเรียนมหาวิทยาลัย ก็เพราะไม่อยากเห็นเขากลับมาบ้านทำนาทำไร่ ท้ายสุดเขาไม่เพียงแต่เรียนมหาวิทยาลัยแต่ยังไปถึงต่างประเทศด้วย อีกทั้งยังมีฐานะเป็นถึงมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์แคนาดา แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังต้องมีความเกี่ยวข้องกับการทำไร่นา
วินนี่นั่งยองๆ ลงไปช่วยจัดการกับขากางเกงของฉินสือโอว แล้วพูดว่า “คุณดูสีหน้าคุณสิคะ แค่ปลูกพืชเอง ไม่ได้เหนื่อยสักหน่อย ทำไมต้องทรมานขนาดนี้? มีความสุขหน่อยสิคะ ทำให้พ่อแม่คุณดีใจสักหน่อยไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกเหรอ?”
ฉินสือโอวพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “ที่รักจ๊ะ คุณอาจจะไม่รู้ ตอนที่ปลูกพืชไม่เหนื่อยหรอก แต่งานหลังจากนี้เนี่ยหนักกว่ามาก!”
เขาไม่ใช่คนที่ทนลำบากอะไรได้มาก ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ได้มาตั้งถิ่นฐานอย่างสงบที่หลบหลีกจากความวุ่นวายที่เกาะแฟร์เวลหรอก เขาจำฝังใจมากเกี่ยวกับงานทำไร่ทำนาเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กและสมัยวัยรุ่น กำจัดวัชพืชในนาข้าวสาลี ฉีดยาฆ่าแมลงให้ข้าวโพด…
ยืนอยู่หน้าผืนนาที่ถมดินแล้ว เขายังจำได้รางๆ ถึงความน่ากลัวของการถูกครอบงำโดยงานในไร่นาเมื่อหลายปีก่อน
สิ่งที่น่ากลัวก็คือ พวกกลุ่มซีมอนสเตอร์มาช่วยงานชาวประมง ขับรถไถและเครื่องยนต์กำจัดวัชพืช เหยียบคันเร่งเต็มที่ ถมที่นาออกมาได้ผืนใหญ่มาก เดิมทีฉินสือโอวอยากปลูกแค่ 1-2 หมู่ แต่ตอนนี้พอทำออกมาปาเข้าไป 20 หมู่!
“เชี่ย ฉันสงสัยว่าทำไมพวกนายถึงถมที่ได้ที่นาผืนใหญ่ขนาดนี้?” ฉินสือโอวนายใหญ่ตะโกนด้วยความโกรธ
ซีมอนสเตอร์หัวเราะออกมา “ปลูกน้อยไปก็ไม่มีผักสำหรับพวกเราสิครับ บอส ปีที่แล้วพวกเรากินผักฟรี ปีนี้ก็กินธัญพืชฟรีเหมือนกันใช่ไหมครับ?”
ชาวประมงคนอื่นๆ ก็ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นกัน บูลมีสีหน้ายิ้มแย้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณพระเจ้า ครั้งแรกเลยที่ผมเจอเจ้าของฟาร์มปลาที่ให้ทั้งกินฟรีอยู่ฟรี บอสเป็นคนดี ผมรักบอสที่สุดเลยครับ”
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็ทำได้แค่ยิ้มตาม จริงๆ แล้วเขายิ้มอย่างมีความสุขมาก วินนี่จึงนึกว่าเขาคิดได้แล้ว แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดคือจะแบ่งงานให้พวกชาวประมงอย่างไร ส่วนสำหรับเขา? อย่าคิดแม้แต่จะให้เขาลงมือเลย!
การปลูกพืชไม่ใช่เรื่องยาก ทุกอย่างล้วนใช้เครื่องจักร ฉินสือโอวพับขากางเกงแล้วเดินไปที่นากับพ่อและแม่ เขาเก็บก้อนหิน ก้อนดินก้อนใหญ่ที่แตกละเอียดขึ้นมา ส่วนที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของเครื่องจักร ส่วนเรื่องใส่ยาฆ่าแมลงก็มีเครื่องบินช่วยพ่นได้
พ่อฉินเดินในไร่หนึ่งรอบ ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ใกล้ทะเลเกินไปหน่อย ที่นานี้ไม่ได้มีดินเยอะ มีแค่ชั้นเดียว แกลองดูลึกลงไปหน่อยก็เป็นทรายหมดแล้ว ดูท่าการเก็บเกี่ยวอาจจะไม่ค่อยดีมากนัก”
ฉินสือโอวพูดขึ้น “อย่างไรก็กินกันเอง จะกินได้มากเท่าไรกันเชียว? “
ต่อให้กินกันจำนวนมากก็ไม่กลัว เพราะมีพลังโพไซดอนอยู่ พืชผลอะไรก็ตามต่างก็มีผลผลิตที่ดีทั้งนั้น
เริ่มโปรยเมล็ดซึ่งงานนี้ไม่ต้องให้เขาลงมือเองเลย วินนี่ลากเขาไปหาครอบครัวมิแรนดา พวกเขากำลังปลูกฟักทอง
วันวิคตอเรียปีนี้ งานสำคัญของฟาร์มปลาก็คือปลูกฟักทอง
หลังจากที่ฉินสือโอวมาที่ฟาร์มปลา ก็ไม่เคยฉลองวันฮาโลวีนจริงๆ จังๆ นี่เป็นเทศกาลที่สำคัญมากเลยทีเดียว แต่เป็นเพราะสองปีก่อนคนในฟาร์มปลายังมีน้อย เขาไม่มีครอบครัว ส่วนปีที่แล้วเพราะวินนี่ตั้งท้อง เขาจึงกลัวว่าจัดกิจกรรมแล้วจะทำให้วินนี่ตกใจได้
วันฮาโลวีนที่นิวฟันด์แลนด์ต้องเล่าเรื่องผี แล้วยังต้องสร้างบรรยากาศน่าสยดสยองด้วย ซึ่งตอนนั้นวินนี่ตั้งท้องกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ ฉินสือโอวจึงไม่กล้าและไม่อยากให้วินนี่เกิดอุบัติเหตุใดๆ
ด้วยเหตุนี้ วันฮาโลวีนปีนี้ต้องฉลองให้ดีๆ หน่อย แล้วของที่เป็นสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีนก็คือฟักทอง ดังนั้นตอนนี้แต่ละบ้านแต่ละครอบครัวในเมืองต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการปลูกฟักทอง
เมล็ดฟักทองเป็นแบบสำเร็จรูป บ้านของชาวประมงทุกคนจะมีเจ้าสิ่งนี้อยู่ ที่ฉินสือโอวไม่ได้เลือกปลูกฟักทองทั่วไป แต่เป็นฟักทองขนาดใหญ่ เป็นพันธุ์ที่เติบโตได้มีขนาดใหญ่มากสมชื่อ
ฟักทองพันธุ์นี้ปลูกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายศตวรรษที่แล้ว สารอาหารอุดมสมบูรณ์ มีส่วนประกอบทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน แคโรทีน วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัสเป็นต้น ไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ค่อนข้างสูง แต่ยังมีประโยชน์ในการรักษาที่ไม่อาจมองข้ามไปอีกด้วย
แน่นอนว่าสำหรับฟาร์มปลา ราคาของมันจะอยู่ที่ขนาดใหญ่และสวยงาม หลังจากนั้นก็จะเอามาใช้ทำเป็นโคมไฟฟักทอง
การปลูกฟักทองใหญ่ไม่ได้มีความต้องการอะไรเป็นพิเศษในเรื่องดิน ไม่ว่าจะปลูกบนดินทราย ดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนก็เจริญเติบโตได้ทั้งนั้น ดินที่มีเป็นจำนวนมากในฟาร์มปลาคือดินร่วนปนทราย ซึ่งเหมาะกับการปลูกฟักทองมาก
ยังมีพื้นที่ว่างในฟาร์มปลาอีกมาก อีกอย่างถ้าจะปลูกฟักทองใหญ่ก็ต้องใช้วิธีปลูกให้มันเลื้อย
วิธีวางโครงให้เลื้อยช่วยประหยัดพื้นที่ไปได้มาก แต่ก็จะไม่ได้ลูกฟักทองที่มีขนาดยักษ์ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เถาวัลย์ขาดผึงหรือโครงไม้หักได้
ซึ่งงานแบบนี้ไม่ต้องถึงมือพวกชาวประมง ทั้งครอบครัวมาริโอ้ และมิแรนดาเคยปลูกฟักทองมาก่อน พวกเขาจึงทำเองได้ ส่วนฉินสือโอวและวินนี่ก็ไปเป็นลูกมือ เน้นการมีส่วนร่วม
การปลูกฟักทองสามารถใช้วิธีเพาะเมล็ดแล้วค่อยย้ายได้ หรือจะปลูกโดยตรงจากเมล็ดเลยก็ได้ ซึ่งก็คือการที่เอาเมล็ดไปไว้ในดินให้มันเจริญเติบโตขึ้นมาเอง เพราะตอนนี้ถ้าจะมาเพาะเมล็ดก่อนจะไม่ทันการแล้ว พวกเขาจึงเลือกวิธีปลูกเมล็ดโดยตรงเลย
จุดที่ค่อนข้างเหนื่อยของการปลูกเมล็ดโดยตรงคือ ต้องใช้แรงงานคนในการขุดหลุม ซึ่งโดยปกติจะใส่เมล็ด 2-3 เมล็ดลงในแต่ละหลุม มาริโอ้มองไปที่พวกกระรอกดินน้อยที่จ้องมองเหมือนรอตะครุบอยู่ด้านข้าง พูดด้วยความกังวลใจขึ้นมาว่า “หรือไม่ก็พวกเราใส่เมล็ดลงไปเยอะหน่อยดีไหม ไม่อย่างนั้นจะโดนพวกขโมยตัวน้อยกินหมดไป จะทำอย่างไรได้?”
เมื่อฟักทองขาดต้นกล้า ก็จะจัดการได้ยากพอควร ถึงจะเสริมต้นกล้าได้ในระยะต่อมา แต่เนื่องจากระยะเวลาการเจริญเติบโตของต้นกล้าไม่สม่ำเสมอจึงไม่เอื้อต่อการจัดการหรือปฏิบัติงาน
วินนี่พูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่ไม่ใช่ขโมยนะคะ พวกมันก็เป็นเด็กๆ ของที่ฟาร์มปลานี้เช่นกัน พวกมันไม่ขโมยของกินแน่นอน”
เธอพูดไปก็นั่งยองๆ แล้วยื่นมือออกไป พวกกระรอกดินน้อยต่างวิ่งเข้ามาหาอย่างมีความสุข เดินวนรอบเธอไปมา แลบลิ้นสีชมพูนุ่มๆ เลียไปที่หลังมือและฝ่ามือของเธอ นี่เป็นวิธีการแสดงออกความรู้สึกอย่างหนึ่งของพวกเด็กๆ ที่ฟาร์มปลานี้
มาริโอ้หัวเราะเยาะ “แต่ลูกดูสิ พวกมันนั่งจ้องมองพวกเราโปรยเมล็ดอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา ลูกต้องรู้ด้วยนะว่าเมล็ดฟักทองน่ะเป็นอาหารโปรดปรานมากที่สุดของพวกกระรอกดินเลย”
วินนี่กล่าวว่า “พวกมันรอที่จะช่วยอยู่นะ”
มาริโอ้และมิแรนดาหัวเราะขึ้นมา วินนี่ใช้พลั่วเล็กๆ ขุดหลุมขนาดประมาณกำปั้นหนึ่งลึก 5-6 เซนติเมตรบนพื้นดิน พวกกระรอกดินน้อยตั้งใจดูในขณะที่ล้อมรอบอยู่ข้างๆ พอเธอขุดหลุมได้ 10 กว่าหลุมติดต่อกัน พวกมันก็รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร
หลังจากนั้นถัดมา วินนี่กะประมาณโดยใช้พลั่วทิ้งร่องรอยของหลุมเอาไว้ เนื่องจากการปลูกแบบให้เลื้อยขึ้นมา ระยะระหว่างหลุมไม่ควรติดกันมาก เหมาะที่สุดคือประมาณ 4 เมตร วินนี่จึงขุดหลุมโดยมีระยะห่าง 8 ก้าว
ครอบครัวของกระรอกดินเริ่มทำงาน พวกมันตัวหนึ่งรับผิดชอบหลุมหนึ่ง กรงเล็บเล็กๆ ของมันขุดอย่างรวดเร็ว เพียงสิบกว่าวินาทีก็สามารถขุดหลุมได้เหมือนกับหลุมที่วินนี่สาธิตให้ดูก่อนหน้านี้ ปากหลุมยังเป็นวงกลมเรียบ ราวกับวาดเข็มทิศ
รอยยิ้มของมาริโอ้และคนอื่นๆ เกร็งแข็งขึ้นมา เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ อาร์ม็องจ้องเขม็ง ปากพึมพำว่า ‘ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย’ ‘พระเจ้า นี่มันอัศจรรย์มาก’ คำพูดพวกนี้อยู่ตลอดเวลา
หลังจากขุดต่อเนื่องไปร้อยกว่าหลุม พวกกระรอกดินจึงรู้สึกเหนื่อยและหยุดทำ หลุมแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นมาริโอ้และคนอื่นๆ ได้ขุดไปแล้ว 50 กว่าหลุม วินนี่เอาเมล็ดฟักทองที่เหลือให้พวกเจ้ากระรอกดิน มอบให้พวกมันเป็นรางวัล
พอกินเมล็ดฟักทองที่วินนี่ให้มันหมดแล้ว พวกกระรอกดินเห็นว่าไม่ต้องขุดหลุมแล้ว จึงสะบัดหางไปมา กระโดดหย็องๆ แล้วออกจากตรงนั้นไป ไม่มองเมล็ดฟักทองที่ฝังอยู่ในดินแล้วเลยด้วยซ้ำ
วินนี่ยื่นมือให้พ่อและแม่ของเธอพร้อมพูดประชดเล็กๆ ว่า “ไหนล่ะ ขโมยตัวน้อย? นี่เรียกว่าขโมยตัวน้อยเหรอ?”
มาริโอ้ฝืนยิ้ม “ไม่ใช่ พ่อผิดไปแล้ว นี่เรียกว่าอัจฉริยะตัวน้อย ลูกรัก”
……………………………………….