ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1168 ปะการังแดง
ฉินสือโอวเคยเห็นรูปเรือลำนั้น เป็นเรือลำเก่าลำหนึ่ง เก่าจนเป็นเรือบรรทุกสินค้าคุณปู่ฮาวิซทได้
ตอนนั้นฉินสือโอวตกใจมาก บิลลี่มันแม่งก็เป็นคนเก่ง ทำไมถึงไปเจอเรือแบบนี้ได้? บรรยายภาพสักหน่อยละกัน เรือลำนั้นคือเรือฮาวิซทที่สภาพเป็นแบบผ่านการไฟไหม้มาสิบครั้ง เปลี่ยนมือมาแปดครั้ง ชนหินมาห้าครั้ง และโดนโจรปล้นมานับครั้งไม่ถ้วนแบบนั้นเลย
มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือยังอยู่ห่างจากมหาสมุทรอินเดียที่เป็นที่ตั้งของน่านน้ำโซมาเลีย และยังมีระยะทางที่ไกลพอสมควร เขาเกรงว่าเรือลำนี้แล่นไปยังไม่ถึงครึ่งทางก็อาจจะจมลงซะก่อน…
บิลลี่พูดอย่างเขินอายว่า “ฉันจ้างใครไม่ได้เลยตอนที่จะนำเรือนี้ออกจากท่า ไม่มีใครกล้านั่งเรือลำนี้ออกทะเล ช่วยไม่ได้ ฉันเลยต้องจ้างเรือลำเล็กอีกลำวิ่งแล่นคู่ไป พวกกะลาสีเรือถึงยอมขึ้นเรือไป”
ฉินสือโอวพูด “ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน ฉันก็ไม่กล้านั่งเรือแบบนั้นออกไปไกล ถ้าไปเจอคลื่นลมคงไม่ได้กลับมาแน่ ไม่รู้เลยว่าตอนนั้นนายไปซื้อเรืออย่างนี้มาได้อย่างไร”
บิลลี่พูดอย่างเจ็บปวดว่า “ฉันก็ไม่ได้ช่วยพวกเราประหยัดเงินหรอกเหรอ? อีกอย่างจะแสดงก็ต้องแสดงให้สุด เรือแบบนี้แล่นไปครึ่งทางแล้วจมก็ยังสมเหตุสมผล แต่ถ้าหากเป็นเรือปริ้นเซสเมล่อนของนายวิ่งออกไปแล้วอยู่ดีๆ ก็จม นายจะอธิบายได้เหรอ?”
ฉินสือโอวคิดๆ ดูแล้วก็จริง แล้วจึงตบไปที่บ่าของเขา “ลำบากนายแล้ว เพื่อน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
พอได้ยินคำพูดนี้ บิลลี่เกือบน้ำตาไหล “ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องยาก ฉิน นายไม่รู้หรอกว่าฉันทรมานขนาดไหน สรรหาลูกเรือว่ายากแล้ว แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือได้ใบอนุญาตขนส่ง!”
“กรมศุลกากรนั่น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ยอมให้เรือฉันออกทะเล บอกว่าผ่านไปไม่กี่วันก็รายงานเป็นเรือขยะแล้ว ฉันจะรายงานคนอย่างมันน่ะสิว่าเป็นขยะ นายไม่รู้หรอกว่าฉันต้องพยายามขนาดไหน ถึงจะพาเรือลำนี้ออกทะเลได้”
ฉินสือโอวนึกย้อนไปถึงภาพเรือพังๆ ลำนั้น แล้วรู้สึกว่ากรมศุลกากรของอเมริกามีความรับผิดชอบดีมาก เพราะการปล่อยเรือสภาพนั้นออกทะเล ก็เหมือนกับทำร้ายชีวิตคนเพื่อผลประโยชน์
หลังจากนั้น บิลลี่ยังแนะนำให้เขาฟังต่ออีกว่าตอนนี้เรือผุพังลำนั่นเพิ่งเข้าสู่น่านน้ำมหาสมุทรอินเดีย ช่วยไม่ได้ที่เรือวิ่งได้ช้า เพราะพวกลูกเรือก็ไม่กล้าให้วิ่งเร็วกว่านี้ คาดว่าจะถึงน่านน้ำโซมาเลียได้ต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือน
ถึงตอนนั้นพิธีงานหมั้นของฉินสือโอวและวินนี่ก็เสร็จสิ้นพอดี เขาก็จะได้มีเวลาไปเป็นคนนำทำเรื่องขุดเหมืองทองคำ
ทั้งสองคนมาที่เกาะแฟร์เวลบ่อยๆ พักที่พักอาศัยอย่างง่ายๆ คนหนึ่งก็พักอยู่ที่ฟาร์มปลา ส่วนอีกคนก็พักที่โรงแรมในเมืองแค่นี้ก็ได้แล้ว
ตอนเย็นทำการต้อนรับทั้งสองคน ฉินสือโอวตั้งใจทำเมนูอาหารหลายอย่างจากปลาไข่โดยเฉพาะ เหมาเหว่ยหลงฉีกยิ้ม “ช่างมันดีกว่า ตอนนี้ที่ตลาดอาหารทะเลที่แฮมิลตันก็มีปลาชนิดนี้เต็มไปหมด ฉันกินจนจะอ้วกแล้ว”
ฉินสือโอวยิ้ม “นี่เอามาเทียบกับของฟาร์มปลาของฉันได้เหรอ? ปลาไข่ต้องกินสดๆ เท่านั้น แกลองชิมปลาที่ฉันทอดดู รับรองว่ารสชาติไม่เหมือนกันแน่นอน”
เหมาเหว่ยหลงคีบปลาไข่ที่ทอดกรอบจนเป็นสีเหลืองทองด้วยความลังเล แล้วก็จุ่มในเครื่องปรุงรส พอเคี้ยวอยู่ในปากก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “อืม แกพูดถูก ปลานี้สดมาก ต่างกันจริงๆ !”
ถ้าปลาไข่ถ้าไม่สด มันจะค่อนข้างคาว ตอนที่ทอดไปกินไปนั้นกลิ่นคาวนี้จะชัดเจนมากเป็นพิเศษ
ฉินสือโอวมีประสบการณ์แล้วหลังจากที่ทำอาหารด้วยปลาไข่หลายครั้ง ตอนที่จัดการกับปลาตัวเล็กก่อนอื่นต้องใช้เหล้าขาวและน้ำส้มสายชูเข้มๆ เพื่อจะทำให้กลิ่นคาวที่มีอยู่อ่อนลงไป แล้วใช้เหล้าขาวปรุงลงไปอีกนิด รสชาติก็จะยิ่งอร่อย
เนื้อปลาไข่นุ่มมาก ปลาตัวเล็กขนาดเท่านิ้วมือ จะมีเนื้อปลาที่แข็งกระด้างได้อย่างไร? ถ้าทอดกิน ไข่ปลาจะอร่อยมาก ทอดจนหอม แล้วอย่าดูถูกว่าเป็นปลาตัวเล็กแบบนี้ แต่ไข่ปลากลับใหญ่พอดีๆ ความรู้สึกที่เคี้ยวไข่ปลากรุบๆ ลงไปมันวิเศษมาก
กินข้าวเย็นไป ดื่มเบียร์ไป แต่สีหน้าของฉินสือโอวกลับยังมีความกังวลฉายให้เห็นอยู่ บิลลี่กับเหมาเหว่ยหลงมองออก จึงถามเขาว่าเป็นอะไร ฉินสือโอวถอนใจแล้วพูดขึ้น “เรื่องแหวนน่ะ ตอนนี้ฉันก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะใช้วัสดุอะไรมาทำแหวนหมั้น”
เหมาเหว่ยหลงตอบแบบไม่คิดอะไรมาก “แหวนเพชรเม็ดโตไง นายให้แหวนเพชร 50 กะรัตกับวินนี่ รับรองว่าเธอจะต้องมีความสุขแน่ๆ”
ฉินสือโอวยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “ฉันจะให้เมียฉัน ไม่ใช่เมียน้อย สิ่งที่ฉันอยากได้คือมันต้องมีความหมาย ไม่ใช่แบบธรรมดาทั่วไป แหวนเพชรธรรมดามากไป แน่ล่ะ ถ้าจะเอาแค่มีราคา มันก็ง่ายมาก ฉันจะมานั่งยุ่งยากใจแบบนี้ทำไม?”
เหมาเหว่ยหลงถูกเขาว่าจนกะพริบตาปริบๆ ตลอด “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าให้เมียน้อยสักหน่อย ให้แหวนเพชรเมียไม่ได้เหรอ?”
แน่นอนว่าได้ ถ้าไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ ฉินสือโอวก็จะให้แหวนเพชร จริงๆ แล้วในใจเขามีอยู่ความคิดหนึ่ง แต่เวลากระชั้นชิดไปเขาทำไม่ทัน อีกอย่างถ้าให้อันนี้เป็นแหวนหมั้น แหวนแต่งงานก็คงไม่ต้องให้อะไรแล้ว
บิลลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจว่า “มีแค่ไม่กี่แบบที่ให้ได้ แหวนเพชรถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้ ถ้าตอนนั้นสร้อยลูกปัดปะการังแดงของนายไม่ได้ประมูลขายออกไป จริงๆ จะใช้อันนั้นก็ได้”
ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย “นี่มันเกี่ยวอะไรกับสร้อยลูกปัดปะการังแดงด้วย?”
บิลลี่ตอบว่า “เอาลูกปัดมาขัดสักหน่อย เปลี่ยนให้กลายเป็นแหวน ถ้าเทียบแล้วก็มีความหมายมากกว่าเพชรใช่ไหมล่ะ?”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่น “ลูกปัดเล็กขนาดนั้น จะไปขัดอย่างไรให้ใส่ลงไปได้? วินนี่จะใส่นิ้วกลางนะไม่ใช่นิ้วก้อย”
บิลลี่ตอบ “แน่นอน ฉันรู้ว่าเธอใส่นิ้วไหน ลูกปัดอันแรกที่อยู่ตรงกลางสร้อยลูกปัดมีขนาดที่ใหญ่พออยู่ ขัดเกลาสักหน่อย…”
คำพูดก่อนหน้านั้น ฉินสือโอวก็พูดไปตามจิตใต้สำนึก จนถึงตอนนี้ที่บิลลี่พูดเขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมา จึงพูดแทรกประโยคที่เขากำลังพูด “มูลค่าปะการังแดงมีค่าพอไหม?”
บิลลี่พยักหน้า “แน่นอน ถ้าเป็นปะการังแดง AKA หนึ่งกรัมมีมูลค่าถึง 5000 ดอลลาร์แคนาดาหรือมากกว่านั้น! ถึงแม้ว่าจะเทียบกับเพชรไม่ได้ แต่นายต้องรู้ว่า แหวนเพชรใช้เพชรตรงส่วนจี้เท่านั้น แต่ตรงก้านแหวนเป็นทองคำขาว แต่ถ้าเป็นแหวนปะการังแดงล่ะ? ต้องใช้ปะการังแดงในทุกส่วน!”
ในบริเวณน้ำลึกที่ฟาร์มปลาของฉินสือโอวมีปะการังแดงอยู่ เขาพยายามดูแลแนวปะการังนั้นมาตลอด ไม่เพียงแต่ให้เหล่าทหารงูเหลือมทะเลไปปกป้องบริเวณนั้นทั้งหมด แต่ยังคอยส่งพลังโพไซดอนให้พวกมันอยู่ตลอดเวลาด้วย เขาไม่รู้ว่าปะการังพวกนั้นเป็นแบบชนิดไหน แต่ดูแล้วมีสีแดงสด สวยมากๆ
พอจิตสำนึกแห่งโพไซดอนถูกปล่อยออกไป ก็สามารถหาแนวปะการังแดงได้อย่างง่ายดาย ฉินสือโอวยกหินขึ้นแล้วเลือกปะการังแดงที่มีสีสวยสดที่สุดในพุ่มปะการัง ข้างบนมีงูตัวหนึ่งรออยู่ มันทุบหินก้อนนั้นให้แตก เขาควบคุมงูเหลือมทะเลตัวหนึ่งให้คาบไว้ในปากแล้วว่ายขึ้นฝั่งไป
ด้านหนึ่งทำการขนส่ง อีกด้านหนึ่งก็ถามขึ้นว่า “ปะการังแดงมีกี่ชนิด? นายช่วยอธิบายให้ฟังหน่อย เพื่อนฉันคนหนึ่งมีปะการังแดงอยู่หนึ่งชิ้น พรุ่งนี้ฉันไปเอาจากเขามา แล้วนายช่วยดูให้หน่อยโอเคไหม?”
บิลลี่ดื่มเบียร์ไปแล้วก็ตกปากรับคำ “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพื่อน ฉันจะอธิบายความรู้เบื้องต้นให้ฟังก่อน ปะการังแดงมีหลายชนิด ที่พบบ่อยสุดแล้วก็มีมูลค่ามากสุดก็คือปะการัง AKA ปะการัง MOMO และปะการังซาร์ดีนซึ่งหนึ่งในสามนี้ปะการัง AKA มีมูลค่าสูงสุด และปะการังซาร์ดีนมีราคาต่ำสุด และความแตกต่างของราคาต่อกรัมคือสองสามเท่า! ดังนั้นถ้าจะให้ดีสุด นายถามเพื่อนก่อนว่าเป็นปะการังแบบไหน จริงๆ แล้วมีแค่ AKA ที่เหมาะกับทำเครื่องประดับระดับสูง”
จุดนี้ฉินสือโอวไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าปะการังพวกนั้นเป็นแบบไหน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแนวทางในการถาม “ถ้าเป็นปะการังแดงธรรมดา แต่ว่ามีขนาดใหญ่พอ จะคุ้มไหม?”
“ใหญ่แค่ไหน?” บิลลี่ถามขึ้น
“อืม รวมๆ กันแล้ว น่าจะมีสัก 1 ตันได้”
……………………………………….