ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 117 ข่าวร้ายและข่าวดี
การมาถึงของพาวลิสและเชอร์ลี่ย์ช่วยชีวิตของฉงต้าเอาไว้ ฉินสือโอวชะงักงัน รีบอธิบายเหตุการณ์ “เฮ้ เด็กๆ ฉันแค่จะ แค่จะ…”
“เรา เรา เราเข้าใจ จริงๆนะ ฉิน พวกเราเข้าใจ…” พาวลิสพูดออกมาอย่าตะกุกตะกัก “แต่ว่า แต่ว่า อ้อ พวกเรามารบกวนคุณแล้ว ฉิน ขอโทษด้วยครับ!”
เชอร์ลี่ย์มองไปที่ฉงต้าอย่างเวทนา เธอพูดเสียงเบาว่า “ฉิน อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ คุณปล่อยเจ้าหมีน้อยเถอะนะคะ ถ้ามีอะไรก็ให้มาลงที่หนู…”
พาวลิสและกอร์ดอนมองดูเชอร์ลี่ย์ด้วยใบหน้าตกตะลึง ฉินสือโอวรู้สึกว่าตนเองไม่มีหน้าจะไปพบใครที่ไหนแล้ว คราวนี้เขาจึงก้าวออกมาจากความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่เพิ่งจะได้แร่เงินหนึ่งร้อยตันได้ในที่สุด เขาวางฉงต้าลงบนเตียงแล้วพูดกับเด็กๆว่า “โอเค เด็กๆ อย่าคิดไปไกล เมื่อครู่นี้ฉันแค่ตื่นเต้นเกินไปเลยเล่นเกมกับเจ้าฉงต้าก็เท่านั้น”
“เป็นเกมที่รุนแรงมากๆเลยนะ อาฮะ?” กอร์ดอนยักคิ้วใส่ฉินสือโอว ทำท่าทางเหมือนว่าผมก็โตแล้วเหมือนกันออกมา
“อาฮะบ้านนายสิ!” ฉินสือโอวใช้กำลังที่เร็วราวกับสายฟ้าฟาดพุ่งไปดีดมะกอกเขาหนึ่งครั้ง “ฉันเพิ่งจะสารภาพรักกับพี่วินนี่ของพวกนายได้สำเร็จ เธอจะมาเป็น เอ้อ เธอจะเป็นแฟนฉันแล้ว ดังนั้นฉันก็เลยตื่นเต้นมากๆ”
พาวลิสและคนอื่นๆ จึงค่อยรู้สึกวางใจ พวกเขาเร่งรีบออกไปจากห้อง กอร์ดอนที่เป็นคนสุดท้ายก็ยังยิ้มแหย่เขาทิ้งท้าย “เล่นเกมของคุณต่อไปเถอะ ฉิน พวกเราคงไม่มารบกวนคุณอีกแล้วล่ะ”
“รีบไปนอนซะ เจ้าพวกเด็กโง่!” ฉินสือโอวก่นด่าพร้อมกับหัวเราะออกมา
เมื่อมีเรื่องเข้ามารบกวน อารมณ์ของฉินสือโอวจึงสงบลง ทันใดนั้นเขาก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ โคตรแม่เอ๊ย ก้อนแร่โลหะบนเรือลำนั้นใช่เงินแท้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นแค่การคาดคะเนของเขาเท่านั้น ขออย่าให้ต้องดีใจเก้อเลยนะ…
ฉินสือโอวให้หมึกยักษ์ตัวหนึ่งม้วนแผ่นเงินเอาไว้หนึ่งแผ่นแล้วส่งให้เจ้าปลาทูน่าครีบเหลือง จากนั้นจึงส่งมันไปที่แนวปะการังพรุ่งนี้เขาถึงจะเข้าไปตรวจสอบดู
แผ่นเหล็กขนาดเท่าสมุดโน้ตหนึ่งเล่มอันนี้ กลับมีน้ำหนักที่น่ากลัวมาก เจ้าดำใหญ่ที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าหนึ่งเมตรครึ่ง กับพลังเหนือปาฏิหาริย์แบบนั้น คิดไม่ถึงว่าแค่ว่ายไปได้พักเดียวก็เหนื่อยหมดแรงแล้ว
ฉินสือโอวเพิ่มพลังของจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปหลายครั้ง ในที่สุดก็ช่วยเจ้าดำใหญ่ให้กลับไปถึงฟาร์มปลาได้ อีกทั้งในตอนนี้เจ้าดำใหญ่เพื่อนยากก็เหนื่อยจนจะมากๆแล้วด้วย
หลังจากฟ้าสว่างแล้ว ฉินสือโอวเห็นว่าอากาศข้างนอกไม่ดี จึงไม่ได้ไปออกกำลังกายเหมือนในยามปกติ เขาไปงมแผ่นเงินขึ้นมาก่อน แล้วจึงขับรถเข้าไปที่ร้านเครื่องประดับในเมือง แต่ปรากฏว่าพวกร้านยังไม่เปิดเขาจึงทำได้แค่รอ
คืนวานนี้ฝนก็เริ่มตกลงมาอีกแล้ว อีกทั้งในครั้งนี้ยังเป็นฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก จนทำให้สภาพถนนในเมืองย่ำแย่
ระบบการระบายน้ำของเมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่ดีนัก อีกทั้งถนนหลายสายก็ยังเป็นถนนหน้าดิน เมื่อฝนตกลงมาจากสวนของพระเจ้าก็จึงกลายสภาพเป็นห้องน้ำของซาตานทันที
ปรากฏว่า ในเวลาเจ็ดโมงเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาเห็นว่าเป็นเหมาเหว่ยหลงนั่นเองที่โทรเข้ามา จึงรับโทรศัพท์แล้วถามไปว่า “ว่าไง โคโกโร่ อย่าบอกฉันนะว่าแกมาถึงโทรอนโตแล้ว”
เหมาเหว่ยหลงตอบกลับมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรงว่า “ถึงโทรอนโตแล้วกับบ้านแกน่ะสิ ฉันจะบอกข่าวร้ายแกอย่างหนึ่ง แผนการที่วางไว้ต้องเลื่อนออกไปอีกครึ่งปี แม่มเอ้ย เฮงซวย! ตอนนี้ศุลกากรกับกองตรวจคนเข้าเมืองเปลี่ยนข้อกำหนดใหม่เยอะมาก ข้าราชการถ้าจะออกนอกประเทศต้องได้รับการตรวจสอบจากรัฐบาลครึ่งปี ตอนนี้ฉันยังไปไม่ได้”
“ให้ตายเหอะ ไม่น่าใช่นะ ตอนนี้ยังมีกฎแบบนี้อยู่อีกเหรอ?” ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจ
เหมาเหว่ยหลงจึงอธิบายให้เขาฟังว่า “หลังจากที่ท่านสีจิ้นผิงขึ้นมารับตำแหน่งท่านก็ปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง พวกคนเลวมันเลยฉวยโอกาสเคลื่อนย้ายทรัพย์สินกับคนในครอบครัวไปต่างประเทศ ที่จริงข้อกำหนดนี้ก็มีไว้ใช้จัดการคนพวกนี้แหละ แต่ว่า ข้าราชการทุกคนก็ต้องเจอแบบนี้เหมือนกัน พี่ครับผมโคตรซวยเลย!”
ฉินสือโอวถามเขากลับว่า “ถ้าอย่างนั้นแกก็รีบตรวจสอบตัวเองก่อนเลยสิ ปกติแล้วรับสินบนไหม มีผลประโยชน์ลับๆกับเจ้านายผู้หญิงหรือลูกน้องผู้หญิงอะไรพวกนั้นไหม? ถ้ามีเรื่องพวกนี้ก็รีบไปสารภาพกับที่ทำงานซะ บอกไปซะว่าเรื่องราวเป็นมายังไง ฮ่าฮ่า สารภาพแล้วโทษหนักจะได้เบาลง ปฏิเสธโทษจะยิ่งหนักนะ”
“ไสตูดแกไปเลย ฉันเป็นคนแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ?” เหมาเหว่ยหลงหัวเราะแกมด่า “พี่ชายไม่กล้าพูดหรอกนะว่าตัวเองเป็นข้าราชการมือใสสะอาด แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เคยทำสิ่งที่ต้องละอายใจตัวเอง ความคิดทางการเมืองอะไรพวกนั้นของฉัน ฉันยึดมั่นจนตายนั่นล่ะ ขนาดซื้อรถก็ซื้อแค่รถยี่ห้อฉางอันคันเดียว”
เมื่อพูดถึงรถ ฉินสือโอวก็จึงเปลี่ยนท่าทีเป็นเอาจริงเอาจังขึ้นมา “รถจี๊ป แกรนด์ เชอโรคีที่ฉันส่งไปให้แกไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“แกสบายใจได้ ไม่ต้องกังวลนะ เพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันกับพวกเราช่วยตรวจสอบได้ อีกอย่างตอนนี้แกก็กลายเป็นมหาเศรษฐีแคนาดาแล้ว อาจจะวุ่นวายหน่อย แต่คงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก”
ฉินสือโอวก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ที่เพื่อนโมริโคโกโร่ของเขาคนนี้พัวพันกับข้อกำหนดนั้น ก็อาจจะเป็นเพราะปัญหาจากรถจี๊ป แกรนด์ เชอโรคีของเขานั่นเอง
ทั้งสองคนพูดคุยถึงเรื่องต่างๆอยู่หนึ่งชั่วโมง ทั้งสองคุยโวเกี่ยวกับสารพัดเรื่องราวเหนือใต้ออกตก สุดท้ายก่อนจะวางสาย เหมาเหว่ยหลงก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันเตรียมของขวัญไว้ให้แกเล็กน้อย รอก่อนแล้วกันนะ รอฉันไปถึงแล้วจะเอาความเซอร์ไพรส์ไปให้”
เมื่อวางสายแล้ว ฉินสือโอวจึงไปทานอาหารเช้า แล้วกลับไปที่ร้านเครื่องประดับที่ตอนนี้เปิดร้านแล้ว
ฉินสือโอว ไม่อ้อมค้อม เขาให้เจ้าของร้านลองตรวจสอบคุณสมบัติของแผ่นเงิน
เจ้าของร้านเครื่องประดับเป็นชายผิวขาวอายุเจ็ดสิบกว่าปี เขาสวมแว่นตากรอบกระดองเต่า ท่าทางดูดีมาก
เมื่อรับเอาแผ่นเงินนี้มา เขาก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องตรวจสอบหรอก นี่เป็นแผ่นเงินของแท้ แค่มันจมอยู่ในทะเลนานเกินไปน่ะ นี่นายงมมันขึ้นมาจากในทะเลใช่ไหม? เจอเข้ากับซากเรืออับปางใช่ไหม? งั้นนายก็โชคดีแล้ว เจ้าหนุ่ม”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฉินสือโอวก็สบายใจอย่างถึงที่สุด ชายสูงวัยท่านนี้เจรจาค้าขายเกี่ยวกับเงินและทองมาทั้งชีวิต การตรวจสอบของเขาก็คงจะน่าเชื่อถืออยู่มาก
แต่เพื่อเป็นการรับประกัน เขาจึงขอให้ชายสูงวัยใช้วิธีตรวจสอบที่น่าเชื่อถือลองตรวจสอบดู
เจ้าของร้านยิ้มออกมา เขาใช้มีดขีดลงไปบนแผ่นเงินให้เกิดร่องรอย แล้วเอาครีมก้อนหนึ่งทาลงไปเบาๆ พร้อมอธิบายว่า “นี่คือยาเงินที่ทำมาจากผงอะลูมิเนียมและปรอท ใช้สำหรับตรวจสอบเงินโดยเฉพาะ ถ้ามีสีของยาติดก็คือเงินแท้ ถ้าไม่ติดก็แปลว่าไม่ใช่”
หลังจากทายาเงินลงไปแล้ว ผ่านไปสักครู่เจ้าของร้านจึงเช็ดเอายาออก รอยบนแผ่นเงินก็มีสีของยาติดอยู่จริงๆ แต่ไม่ได้ชัดเจนเท่าไรนัก
เจ้าของร้านจึงใช้สว่านอันเล็กเจาะรูขนาดเล็กๆบนแผ่นเงิน จากนั้นจึงหยดสารละลายลงไปไม่กี่หยด แล้วพูดขึ้นว่า “นี่คือสารละลายซิลเวอร์ไนเตรท สามารถใช้ตรวจสอบระดับความบริสุทธิ์ของเงินได้”
จากนั้นจึงค่อยๆปรากฏให้เห็น บริเวณรอบๆรูเล็กที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน เจ้าของร้านพยักหน้าแล้วพูดว่า “แน่นอนแล้วว่าเป็นเงินแท้ เพียงแต่ระดับความบริสุทธิ์ก็ทั่วๆไป ฉันน่าจะเดาไม่ผิด นี่เป็นสมบัติที่อยู่ในซากเรือใช่ไหม?”
ฉินสือโอวไม่ได้ปิดบัง เขาตอบไปอย่างตรงไปตรงมาว่า “ใช่แล้ว ผมดำน้ำอยู่ที่ฟาร์มปลาของผม ปรากฏว่าเจอเข้ากับซากเรือลำหนึ่ง โชคดีมาก เลยค้นเจอของพวกนี้นิดหน่อย
“โชคดีจริงๆ เจ้าหนุ่ม ยินดีกับความร่ำรวยของนายด้วยนะ”เจ้าของร้านพูดไปยิ้มไป
สำหรับเรื่องพวกนี้แล้วเขาไม่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาด้วย เมืองที่อยู่ติดกับทะเลล้วนแต่มีทีมกู้ซากเรืออับปางทั้งนั้น แต่จะมีขุมสมบัติอยู่หรือไม่นั้นก็คงจะอยู่ที่ความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
ตามข้อกำหนดทางสังคมที่ได้กำหนดไว้ของทุกประเทศทั่วโลก ซากเรือที่งมขึ้นมาจากทะเลหลวง จะเป็นของคนที่งมขึ้นมา งมขึ้นมาจากฟาร์มปลาส่วนบุคคล ก็จะเป็นของบุคคลที่งมขึ้นมาเช่นกัน
นี่คือข้อดีของประเทศทุนนิยม สำหรับที่แคนาดาแล้วอย่าว่าแต่ค้นพบซากเรืออับปางเลย ต่อให้งมลงไปเจอเหมืองเพชรที่ใต้ทะเล ก็จะเป็นของเจ้าของฟาร์มปลาอยู่ดี
เมื่อแน่ใจในคุณสมบัติของแผ่นเงินแล้ว ฉินสือโอวจึงคิดใคร่ครวญว่าจะกู้ซากเรือลำนั้นขึ้นมาอย่างไร ที่นั่นเขาเจอหมึกยักษ์ตัวที่ใหญ่ที่สุดและส่งพลังของจิตสำนึกโพไซดอนลงไปแล้ว เท่ากับว่าได้ระบุพิกัดการสื่อสารแล้วเรียบร้อย เหลือเพียงแค่กู้ขึ้นมาก็เท่านั้น
การตรวจสอบก้อนเงินก็มีค่าใช้จ่าย ฉินสือโอวตบธนบัตรร้อยดอลลาร์ลงเบาๆ พูดอย่างใจป้ำว่า ‘ไม่ต้องทอนครับ’ แล้วจึงเดินออกมา
เมื่อออกจากประตูมาแล้ว ขณะที่เขาเพิ่งจะเริ่มติดเครื่องรถยนต์ ก็มองไปเห็นรถคัมรี่คันหนึ่งที่ขับเข้ามา เป็นรถของนายกเทศมนตรีของเมืองนี้นั่นเอง
“เฮ้ ฉิน ฉันกำลังคิดว่าจะไปหานายอยู่พอดี โชคดี ไม่คิดว่าจะได้เจอนายที่นี่ เป็นยังไงบ้าง ไปดื่มกาแฟกันหน่อยไหม?” แฮมเล็ตที่สวมเสื้อกั๊กไว้ด้านในพร้อมทั้งสวมทับด้วยเสื้อสูทด้านนอกกล่าวทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น
เมื่อมาถึงร้านสะดวกซื้อของฮิวจ์ ฉินสือโอวสั่งกาแฟมือบดมาสองแก้ว กาแฟร้อนๆ กลิ่นหอมฟุ้ง แฮมเล็ตถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “สภาพอากาศย่ำแย่แบบนี้ ได้ดื่มกาแฟร้อนๆสักหน่อยมันรู้สึกสบายจริงๆ!”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ฉินสือโอวถาม
แฮมเล็ตยิ้มตอบเขาว่า “ข่าวดี เพื่อน ตอนนี้รัฐบาลกำลังให้ความสนใจกับการแพร่ระบาดของปลาคาร์ฟเอเชีย บรรดานักการเมืองของเมืองเมเปิลลีฟตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว สัปดาห์นี้ได้มีการลงประชามติ เมื่อวานนี้เพิ่งจะมีผลออกมา ว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณหนึ่งพันแปดร้อยล้านจัดการการแพร่ระบาดของปลา!”
…………………………………………………….