ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1171 ถูกรังแกแล้ว
ปะการังแดง มรกต ไพลิน เป็นต้น พวกนี้ถ้าจะเอามาทำแหวนก็เหมาะที่จะทำส่วนหัวของแหวน แต่ไม่เหมาะกับการทำเป็นก้านแหวน
หยกไม่มีความอ่อนตัว เนื้อแข็งและเปราะ หากเอามาทำเป็นก้านแหวน พอนิ้วเจ้าของเปลี่ยนไปมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงในภายหลังก็สวมไม่ได้แล้ว เพราะว่าเนื้อแข็งและเปราะ ทำให้แตกหักได้ง่ายหากไม่ได้รับการดูแลรักษาให้ดี
ไม่ว่าจะประเทศไหน พวกสิ่งของอย่างแหวนมักจะมีความเชื่อว่าเมื่อติดตัวใช้ไปนานๆ แล้วหากไม่ระวังทำแตก ก็มักจะให้ความรู้สึกถึงลางไม่ดี
แต่ถ้าเอามาทำเป็นส่วนหัวของแหวน ปัญหานี้จะหมดไป เพราะส่วนหัวของแหวนมักจะมีทองหรือทองคำขาวมาห่อหุ้มไว้ แล้วยังมีความยืดหยุ่นดีมาก ขอเพียงแค่ไม่ได้ตั้งใจทำให้แตก การกระแทกเบาๆ จะไม่สามารถทำให้ส่วนหัวของแหวนแตกได้
นอกจากนี้ อีกสาเหตุที่หยกไม่เหมาะกับการทำก้านแหวนแต่เหมาะกับทำส่วนหัวของแหวน เพราะทำก้านแหวนจะต้องใช้วัสดุสิ้นเปลืองมาก ต้องขัดกลึงเอาวัสดุออกไปในปริมาณเยอะ แต่ถ้าเป็นส่วนหัวของแหวนจะทำแค่ตัดแบ่ง แทบจะไม่สิ้นเปลืองวัสดุเลย
ลิฟอธิบายให้ฉินสือโอวฟังแล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะทำเป็นก้านแหวน อีกทั้งบอกความต้องการบางอย่างให้กับลิฟฟัง อยากให้ลิฟทำตามความต้องการของเขา
พอฟังคำพูดของเขาแล้ว ลิฟตกตะลึง “ถ้าแบบนี้ แหวนอาจจะเสียหายในช่วงขั้นตอนการแกะสลักได้นะคะ”
ฉินสือโอวโบกมือ “ไม่เป็นไร ผมจะเก็บปะการังแดงชิ้นนี้เอาไว้ ถ้าเสียหายอันหนึ่งก็ทำขึ้นมาใหม่อีก คุณสบายใจได้”
ลิฟจ้องตรงไปที่เขา ส่ายศีรษะแล้วพึมพำว่า “ฉันไม่เข้าใจโลกของคนรวยจริงๆ”
ครั้งนี้ที่ฉินสือโอวมานิวยอร์กเหตุผลหลักก็มาเพื่อการนี้ แต่ในเมื่อมาแล้วก็จะส่งการ์ดเชิญไปให้กับคนที่อาศัยอยู่ที่นิวยอร์กด้วยเลย อย่างเช่นพ่อลูกตระกูลสเตราส์ โมล ฟริตซ์ เจ้าของบริษัทเรลโรด เป็นต้น แล้วยังมีบัตเลอร์อีก พร้อมทั้งไปตรวจดูร้านอาหารทะเลต้าฉินร้านใหม่ที่นิวยอร์กนี้สักหน่อย
ไม่ได้อยู่นาน ฉินสือโอวส่งการ์ดเชิญให้ พูดคุยสั้นๆ แล้วก็กลับไปที่เมืองเซนต์จอห์นในวันเดียวกันเลย
ไม่กี่วันถัดมาก็ยุ่งเรื่องงานหมั้นตลอด จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรต้องยุ่งมากมาย เพราะเป็นงานหมั้นไม่ใช่งานแต่งงาน ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรในพิธีมากนัก พอถึงตอนนั้นก็แค่จัดงานเลี้ยง ฉินสือโอวแลกแหวนกับวินนี่ กินเค้ก ประกาศวันแต่งงาน เพียงเท่านี้ก็สิ้นสุดแล้ว
อย่างไรก็ตามด้วยความที่มีแขกผู้มีเกียรติมาในงานมากมายขนาดนี้ ฉินสือโอวจึงหวังว่าจะรักษาภาพพจน์ของฟาร์มปลาให้ดูดีไว้ เพราะเขาก็โม้ให้องค์หญิงน้อยซาลามาห์ฟังไปว่าทะเลของเขานั้นดีเลิศกว่าทะเลที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟเสียอีก เพราะฉะนั้นก็ต้องทำตามที่พูดไว้ให้ได้
ช่วงนี้เขาพาพวกชาวประมงไปเก็บกวาดฟาร์มปลา คนในเมืองพอรู้ว่าเขาจะหมั้น ต่างก็อาสามาช่วยกันทำความสะอาดเองไม่น้อย ตัดเล็มหญ้าในฟาร์มปลา ประดับสถานที่เลี้ยงสัตว์ จัดฟาร์มองุ่นให้เรียงรายเป็นระเบียบ ทำให้ภาพของฟาร์มปลาเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด
หู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอ เจ้าพวกนี้ต่างก็รู้ว่าฟาร์มปลากำลังจะมีงานใหญ่เกิดขึ้น ช่วงหลายวันมานี้พวกมันจึงเชื่องเป็นพิเศษ หู่จือกับเป้าจือไม่ไปแม้กระทั่งวิ่งเล่นกลิ้งในสนามหญ้า ทั้งๆ ที่แลบราดอร์เป็นพันธุ์ที่ซนมากที่สุดแล้ว
แต่ก็มีที่หลุดอยู่เหมือนกัน อย่างเช่นบุชกับนิมิตส์
โลกของนกอินทรีก็คือท้องฟ้า ดังนั้นตั้งแต่บุชบินได้ นอกจากตอนเย็นที่บินกลับมานอนแล้ว เวลากลางวันมันจะบินวนไปมาอยู่บนท้องฟ้าที่ฟาร์มปลา หรือไม่ก็ไปต่อสู้ที่เทือกเขาเคอร์บัล
อากาศจะหนาวเหน็บในช่วงฤดูหนาวทำให้อาหารมีน้อย คาดว่าอินทรีทองและเหยี่ยวหางแดงพวกมันคงขาดอาหาร จึงซ่อนตัวเพื่อประหยัดพลังงาน แล้วปล่อยให้เจ้าสองตัวครอบครองท้องฟ้าของเกาะแฟร์เวลได้สำเร็จ
ตอนนี้เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ อินทรีทองและเหยี่ยวหางแดงปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าบุชกับนิมิตส์ถูกซุ่มโจมตีหรือเกิดอะไรขึ้น พวกมันบินกลับมาในตอนเที่ยงวันหนึ่งในปลายเดือนพฤษภาคม ขนของมันยุ่งเหยิง ผิวเท้าของนิมิตส์ถลอก ดูลักษณะแล้วน่าอนาถมาก
เมื่อถูกรังแกมาจากข้างนอกแล้ว บุชจึงบินกลับมาหาฉินสือโอวพ่อของมันให้ช่วยปลอบใจ แต่ฉินสือโอวนายใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดฟาร์มปลาอยู่ จะมีเวลาที่ไหนไปสนใจมัน?
ทันใดนั้นใจบางๆ ที่เหมือนแก้วของบุชก็แตกเป็นเสี่ยงๆ มันรู้สึกว่ามันโดนทำร้าย จึงสะบัดตูดส่ายหางเข้าไปสร้างความวุ่นวายให้กับฉินสือโอว
ฉินสือโอวที่เพิ่งเล็มหญ้าเสร็จ พอเขาหันศีรษะกลับไป บุชก็กระโจนเข้าพุ่มดอกไม้กระพือปีกไปมา ใช้กลอุบายวิธีต่างๆ ทำให้พุ่มดอกไม้สวยงามดูยุ่งเหยิง กระจัดกระจายขึ้นมาทันที
ฉินสือโอวนายใหญ่โกรธมาก เขาคว้าบุชเอาไว้ แต่มันก็ชูคอตั้งตรงมองไปที่เขา กะพริบตาใส่ปริบๆ ลักษณะเหมือนโดนรังแกมา
แต่น่าเสียดายที่อินทรีหัวขาวไม่สามารถแสดงออกทางอารมณ์ได้หลากหลายเหมือนแลบราดอร์ พวกมันก็เหมือนกับนกอินทรีทอง เกิดมาก็มีเพียงสีหน้าเย็นชา ไม่ว่าจะมองสีหน้าเวลาไหน ก็จะเห็นเพียงแค่ความสง่าผ่าเผย
ดังนั้นฉินสือโอวจึงตีไปที่ก้นของมัน ตะคอกใส่ว่า “แกจ้องอะไรฮะ? สีหน้าแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? แกจะอวดดีต่อหน้าฉันเหรอ? โอ๊ยแม่ง บอกว่าแกเป็นแบบนี้ แกก็จะทำตัวแบบนี้ใช่ไหม หน้าตาแบบนี้คืออะไร?”
บุชโดนตีจนวิ่งวุ่นไปหมด โอ้อวดอะไร มันแสดงสีหน้าได้อารมณ์เดียว โอเคไหม?
พอเห็นว่าขอความช่วยเหลือจากฉินสือโอวนายใหญ่ไม่ได้ บุชจึงทำได้เพียงวิ่งไปหาวินนี่แทน วินนี่อย่างไรก็อ่อนโยนและรักพวกมันเสมอ เธอช่วยหวีขนของบุชและนิมิตส์ให้เรียบอย่างใจเย็น แล้วก็ช่วยล้างแผลที่พวกมันโดนกัดจนถลอก แล้วปล่อยให้พวกมันไปเล่นกันเอง
บุชกะพริบตาปริบๆ กางปีกรั้งวินนี่ไว้ ไม่ใช่แบบนี้สิ หม่าม๊าต้องช่วยออกหน้าแทนพวกเราพี่น้องสิ ออกหน้าแทนสิ! พวกเราถูกพวกนกรังแก ดูสิโดนรังแกจนสภาพเป็นนกอะไรก็ไม่รู้แล้ว?!
ซึ่งจุดนี้วินนี่ช่วยอะไรไม่ได้ บุชกับนิมิตส์พอเห็นว่าไร้ประโยชน์ จึงได้แต่ทำคอตกเดินจากไป
เดินไปจนถึงสนามหญ้าหน้าวิลล่า ไก่ตัวผู้อวบอ้วนตัวหนึ่งก็ร้องเสียงดังแล้วบินขึ้นมา กระรอกดินน้อยสองตัววิ่งหนีอยู่ด้านหน้า ส่วนมันก็วิ่งไล่อยู่ด้านหลัง กรงเล็บทั้งสองของมันแข็งแรง ปีกที่ใหญ่ของมันออกแรงกระพืออยู่ตลอด ดูท่าทางแล้วเก่งกาจมาก
ใช่แล้ว ไก่ตัวผู้อวบอ้วนตัวนี้ก็คือแคลร์ อินทรีทองน้อย
อินทรีสีทองเป็นนกล่าเหยื่อขนาดใหญ่ ตัวสูงใหญ่ได้ถึง 1 เมตร สามารถล่าหมาป่าสีเทาในอเมริกาเหนือได้ สามารถครอบครองท้องฟ้าได้ เหมือนกับคำพูดที่ว่า นกอินทรีตัวเดียวทำลายเสือสามตัวได้ นกอินทรีสองตัวจมเรือบรรทุกได้ นกอินทรีห้าตัวจัดการพระเจ้าได้ นกอินทรีแปดตัวครองโลก…
สรุปแล้วก็คือ แววตาบุชเปล่งประกาย คิดถึงจุดประสงค์ตอนนั้นที่ขโมยไข่นกอินทรีทอง แคลร์น่าจะเป็นทหารรับจ้างที่บุชและนิมิตส์หามาถึงจะถูกสิ
บุชและนิมิตส์ขวางทางแคลร์ไว้ มันกำลังไล่กระรอกดินน้อยอย่างมีความสุข มันทำหน้าไม่พอใจจ้องไปที่พวกบุชกับนิมิตส์ หลังจากนั้นก็หันกลับไปวิ่งไล่ต่อ
ปรากฏว่าบุชและนิมิตส์กางปีกกว้างแล้ววิ่งตาม แม่งเอ๊ย วิ่งสู้อินทรีทองไม่ได้ มันวิ่งวนแล้วก็เผ่นหนีไปแล้ว!
พลังเท้าของอินทรีหัวขาวแข็งแกร่งกว่าอินทรีทอง ซึ่งในแง่นี้ตระกูลของบุชได้รับการจัดอันดับว่าเป็นที่หนึ่ง แต่พอหลังจากที่มันบินได้ มันก็ไม่ค่อยได้ใช้อุ้งเท้าของมันในการวิ่ง แต่แคลร์ฝึกวิ่งอย่างดุเดือดอยู่ทุกวัน ดังนั้นพอผ่านไปสักพัก บุชจึงวิ่งตามแคลร์ไม่ทัน
แล้วนิมิตส์ล่ะ? อุ้งเท้าของนกฟรีเกตเป็นเหมือนกับของประดับ บางครั้งถ้ามันบินลงอย่างรวดเร็วก็อาจจะทำให้เท้ามันหักได้…
แคลร์กระพือปีกอย่างมีความสุข บุชวิ่งไล่ไปสักพักก็ไล่ไม่ทันแล้ว บุชโกรธมากขึ้นมาทันที แอบบ่นแล้วก็กางปีกสยายโบยบินไปบนท้องฟ้า บินวนรอบท้องฟ้าไปหนึ่งรอบ แล้วก็ดิ่งพุ่งลงมาราวกับเครื่องบินทิ้งระเบิด อุ้งเท้าทั้งสองของมันจับแคลร์ได้อย่างแม่นยำ!
……………………………………….