ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1179 แลกเปลี่ยนแหวนหมั้น
คนที่เดินออกมาคือชายวัยกลางคนที่แข็งแรงและดูกระตือรือร้น พอเขาเห็นฉินสือโอวก็ยิ้มจนเห็นฟันขาว ตะโกนเรียก “สวัสดี ฉิน ไม่ได้เจอกันนานเลย!”
คนคนนี้มีชื่อว่า ชากูนิส เขามาพบกับฉินสือโอวได้ก็ตอนงานประชุมอเมริกันเอ็กซ์เพรส ตอนนั้นพวกเขาไปปีนเขาผจญภัยด้วยกัน ตอนที่เจ้าหนุ่มนี่ตกปลาที่แม่น้ำเมดูล่า ดันไปเจอปลากระเบนไฟฟ้าน้ำจืดขนาดยักษ์ ซึ่งก็ได้ฉินสือโอวช่วยชีวิตเขาไว้
พอกลับจากเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ฉินสือโอวก็ติดต่อเขาน้อยลง พิธีหมั้นครั้งนี้เขาก็แค่โทรไปหา เลขาของชากูนิสเป็นคนรับสาย บอกว่าเขากำลังเข้าร่วมประชุมผู้นำระดับสูงของโบอิง ตอนแรกฉินสือโอวไม่ได้คาดหวังอะไร คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมา
คนที่มาด้วยกันกับชากูนิสล้วนเป็นคนใหญ่คนโต ทั้งโมล ฟริตซ์ ผู้มีอิทธิพลในอาณาจักรทางรถไฟ อังเคร คาลันโป ซีอีโอบริษัท บุหรี่มาโบโร่ ซิต ชวาร์ซ ซีอีโอของบริษัท Onex ที่ลงทุนด้านไพรเวท อิควิตี้ คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่เพียงแค่ย่ำเท้าบนโลกเศรษฐกิจของอเมริกาก็สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้แล้ว
โดยเฉพาะอังเคร คาลันโปท่านนี้เป็นถึงนายใหญ่ของบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งจาก 500 แห่งทั่วโลก ถ้าจะบอกว่าเขามีแผนงานให้ทำทุกวันก็ไม่เกินจริงไปเลยสักนิดเดียว
แต่พวกเขาก็มาแล้ว อันดับแรกก็ต้องยกให้หน้าตาของตระกูลสเตราส์ เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทของเคอร์ อันดับที่สองก็เพราะตัวฉินสือโอวเองหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรเลย แต่เป็นเพราะพลังของคนรอบๆ ตัวฉินสือโอว ซึ่งมีแรงดึงดูดมากจริงๆ
แน่นอนว่า ภายในใจของฉินสือโอวเขาไม่ได้อะไรกับคนพวกนี้มาก สาบานด้วยหัวใจแห่งโพไซดอน คนที่เขาพูดถึงไม่ใช่อังเคร คาลันโป แต่เป็นทุกคนที่นั่งเป็นแขกอยู่เป็นขยะทั้งนั้น
อาหารกลางวันและอาหารเย็นจัดขึ้นที่โรงแรมระดับห้าดาวในเมืองเซนต์จอห์นที่มีชื่อว่า ‘คอสตัล การ์เด้น’ หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ มือถือของฉินสือโอวก็ดังขึ้นมา เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์แปลกหน้า เขารับสายด้วยความฉงน แล้วเสียงใสๆ ของสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น “สวัสดี ฉิน ยังจำฉันได้ไหม?”
พูดตามตรง ฉินสือโอวเกลียดการเล่นอะไรที่คลุมเครือแบบนี้มาก ถ้าเป็นผู้ชายถามคำถามนี้ เขาจะวางสายเลยทันที
แต่ตอนนี้เป็นผู้หญิงที่ถาม เขาจึงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว ไม่ใช่เพราะสงสารหรือว่าเป็นสุภาพบุรุษหรอกนะ แต่เพราะว่าผู้หญิงที่เขาติดต่อด้วยมีน้อยมาก และความจำเขาก็ดีมาก เพราะฉะนั้นเขาจึงสามารถแยกแยะผู้หญิงที่เขาเคยติดต่อด้วยเวลาโทรมาได้
ถ้าเป็นผู้ชายก็ยากแล้ว เพราะผู้ชายที่เขาติดต่อด้วยมีเยอะเกินไปแล้ว
“นิกิ ฮิลตัน?” ฉินสือโอวถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ติดต่อตั้งนานแล้ว ช่วงนี้ทุกอย่างราบรื่นดีใช่ไหม?”
พอผู้ชายฝ่ายตรงข้ามสามารถแยกแยะเสียงของเธอได้ว่าเป็นใครเพียงชั่วครู่ ฮิลตันน้อยก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดด้วยเสียงร่าเริงต่อทันทีว่า “ก็ดีค่ะ ราบรื่นดีอยู่ คือแบบนี้ ฉันได้ยินมาว่าคุณจะหมั้นแล้ว? โอ้ พระเจ้า จำนวนผู้ชายที่ทั้งเก่งและโสดบนโลกใบนี้ลดไปอีกหนึ่งคนแล้วเหรอเนี่ย”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วก็พูดขอบคุณในคำชมของเธอ หลังจากนั้นก็ถามเธอว่าโทรมามีอะไร เขาคิดว่าไม่น่าแค่โทรมาอวยพรเท่านั้น เพราะความสนิทของทั้งสองคนยังไม่ถึงขั้นนั้น ฮิลตันน้อยก็ไม่น่าทำอะไรไม่เหมาะสม เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ฉินสือโอวก็ไม่ได้แจ้งอะไรกับเธอ
หลังจากได้ยินคำถามของเขา ฮิลตันน้อยอยู่ดีๆ ก็อ้อนกับเขาขึ้นมา บอกว่างานเลี้ยงเรื่องแบบนี้ ทำไมไม่จัดที่โรงแรมของพวกเธอล่ะ? บอกเขาว่าตอนเย็นต้องเปลี่ยนให้ได้นะ เปลี่ยนมาเป็นที่โรงแรมฮิลตันของพวกเธอ
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกไม่เข้าใจแล้ว ตอนนี้ธุรกิจมันทำยากขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่ใช่แค่ธนาคารที่ดึงลูกค้าไปเปิดบัญชีฝากเงิน โรงแรมก็ดึงลูกค้าเหมือนกัน? ต่อให้ดึงไปที่โรงแรมฮิลตันได้ มันก็ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรกับนิกิ ฮิลตันมั้ง?
อย่าคิดว่าพวกพี่น้องสาวๆ ของฮิลตันจะโดดเด่นมีชื่อเสียงนะ เพราะจริงๆ แล้วธุรกิจของครอบครัวตระกูลฮิลตันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเธอมากนัก พวกเธอมีหุ้นแค่เล็กน้อย ดังนั้นพวกเธอถึงสร้างธุรกิจเองตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วยไม่ได้ เพราะพวกเธอไม่ได้เงินมากมายจากตระกูล จึงทำได้เพียงใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของครอบครัวมาหาเงิน
แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้คงถามเหตุผลไม่ได้ ในเมื่อฮิลตันน้อยขอร้องอย่างหนักและยังทำบัตรวีไอพีให้เขาเรียบร้อยแล้วด้วย เขาจึงทำได้เพียงตอบรับว่าจะย้ายงานเลี้ยงไปจัดที่นั่น
หลังจากที่ตอบรับคำขอร้องของฮิลตันน้อยแล้ว ฉินสือโอวนึกว่าเธอจะตรงไปตรงมาเลย แต่สรุปสุดท้ายเธอกลับอวยพรเขาอีกรอบแล้วก็วางสายไป
ซึ่งทำเอาฉินสือโอวไปไม่ถูกเลย จึงทำได้เพียงเก็บโทรศัพท์แล้วเก็บความสงสัยนี้ไว้ที่ส่วนลึกในใจ
ไฮไลต์ที่แท้จริงคือตอนเที่ยงของวันที่ 2 ตั้งแต่เช้า พวกชาวประมงและเหล่าทหารในชุดสูทเรียบตรงก็ยุ่งอยู่กับการจัดพื้นที่ฟาร์มปลา เพราะจะจัดพิธีงานหมั้นที่นี่
เดิมทีฉินสือโอวคิดที่จะเอาสมบัติของฟาร์มปลาสักสองสามชิ้นออกมา แต่ถ้าอย่างนั้นตอนที่เขาแต่งงานก็ไม่มีอะไรเด็ดๆ แล้ว เขาจึงไม่ได้เอาปลาทูน่าครีบน้ำเงินและปลาไส้ตันฟลอริดา พวกทรัพยากรในทะเลออกมา
พิธีงานหมั้นจะว่าเรียบง่ายก็ใช่ ทั้งสองจะแลกเปลี่ยนแหวนกัน พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะมอบเค้กอวยพรก้อนโตให้ หลังจากนั้นใครจะกินก็กิน จะดื่มก็ดื่ม เป็นเหมือนกับปาร์ตี้ที่ครึกครื้นหน่อยๆ
เออร์บักรับบทเป็นพิธีกร เขาเล่าเรื่องราวการเจอกัน และรักกันของฉินสือโอวและวินนี่ หลังจากนั้นก็ให้ฉินสือโอวเอาแหวนหมั้นออกมา
ลิฟเป็นคนเอาแหวนหมั้นมาให้เมื่อวานนี้ กล่องแหวนหมั้นเป็นสีฟ้า หลังจากที่ฉินสือโอวเปิดออก แหวนปะการังสีแดงเพลิงสุกสกาวราวกับคริสทัลใสสองวงก็ปรากฏขึ้น ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงส่องแสงลงมาที่กล่องเครื่องประดับ แสงแวววาวของตัวแหวนก็สาดส่องขึ้นมาราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน
“ว้าว! งามมากจริงๆ!” เหมาเหว่ยหลงลุกขึ้นมาและปรบมือให้ก่อน
ฉินสือโอวยิ้มออกมา ดึงแหวนที่เป็นของวินนี่ออกจากกล่องแล้วค่อยสวมลงไปบนนิ้วกลางของเธออย่างเบามือ
แหวนทั้งสองวงมีพื้นผิวที่เหมือนกัน แต่มีทรงการออกแบบที่ต่างกัน แหวนของวินนี่จะแคบกว่า ด้านบนแกะสลักเป็นรูปกลีบดอกกุหลาบ ส่วนแหวนของฉินสือโอวกว้างมากกว่า ด้านบนแกะสลักเป็นรูปใบมะกอก
แหวนด้านในมีชื่อของทั้งสองคนสลักไว้ เป็นความหรูที่ไม่เวอร์วังอลังการแต่แฝงไปด้วยความหมาย
วินนี่ใส่แหวนเรียบร้อย ก็หยิบแหวนอีกวงสวมให้กับฉินสือโอวที่นิ้วกลาง
วัฒนธรรมเครื่องประดับของทางตะวันตกแตกต่างจากทางตะวันออก อย่างเช่น แหวน ชาวตะวันตกจะใส่แหวนนิ้วกลางหมายถึงการหมั้น แต่สำหรับชาวตะวันออกกลับหมายถึงความรักที่ร้อนแรง เพราะเวลาชาวตะวันออกหมั้นจะไม่ต้องแลกเปลี่ยนแหวนกัน นอกจากนี้แล้ว หากชาวตะวันตกสวมแหวนไว้ที่นิ้วหัวแม่มือก็เป็นการแสดงออกที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่สำหรับชาวตะวันออกหากสวมแหวนที่นิ้วหัวแม่มือหรือสวมแหวนนิ้วโป้ง ก็จะหมายถึงอำนาจสูงสุด!
เมื่อแลกเปลี่ยนแหวนกันแล้ว จุดไฮไลต์ของพิธีงานหมั้นนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ ถัดมาก็จะเป็นการกินเค้ก
เค้กซื้อมาจากเมืองเซนต์จอห์น เค้กก้อนโตเจ็ดชั้น ทั้งพ่อฉิน แม่ฉิน มิแรนดา และมาริโอ้ช่วยกันยกขึ้นมา ฉินสือโอวขึ้นไปตัดเค้ก มาริโอ้ตบไปที่บ่าของเขาแล้วพูดด้วยความรักว่า “เฮ้! ไอ้หนุ่ม สมบัติที่ผมรักมากที่สุด ต่อจากนี้ไปก็ยกให้กับคุณแล้วนะ”
มือหนึ่งของฉินสือโอวโอบเอวบางของวินนี่ไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็กอดลูกสาวที่น่ารัก เขายิ้มแล้วพูดว่า “ผมจะดูแลปกป้องพวกเธอเป็นอย่างดีแน่นอนครับ จากนี้เป็นต้นไปพวกเธอก็จะเป็นสมบัติที่ผมรักที่สุดแล้วครับ”
เขาก็กำลังแสดงความรักต่อวินนี่ เสี่ยวเถียนกวาทางฝั่งโน้นกลับทนไม่ได้แล้ว เบิกตากว้างยื่นมือชี้ไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง อ้าปากร้องเสียงดังขึ้นมา
ส่วนโต๊ะนั้นมีชาวประมงและครอบครัวของพวกเขานั่งอยู่ด้วย คนที่เสี่ยวเถียนกวาเห็นแน่นอนว่าเป็นลูกชายแสนอ้วนของบูล
เด็กน้อยนั่นเดิมที ถือเค้กแล้วก็กินอย่างมีความสุข แต่พอเสี่ยวเถียนกวาชี้มา เขาก็ตกใจจนตัวสั่น โยนเค้กชิ้นนั้นทิ้งแล้วก็มุดหัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของแอนนา ราวกับกระรอกดินที่มุดลงไปในดิน โผล่ออกมาแต่ก้นขาวๆ ดึงไปดึงมา…
บูลจึงบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เฮ้ เจ้าตัวเล็กนี่ขี้ขลาดจริงๆ!”
…………………………………….