ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1180 ลูกศิษย์ทรงพลัง
บนชายหาดที่ฟาร์มปลาทุกคนกำลังร่วมกันทานอาหารและเค้กกลางแจ้งในตอนกลางวันอยู่นั้น ในตอนเย็นฉินสือโอวก็จะทำการจัดงานเลี้ยงภายในด้วย สภาพแวดล้อมอันเงียบสงบทุกคนต่างพากันกิน ดื่มและพูดคุยกัน
ผู้เข้าร่วมจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกประกอบไปด้วยคนธรรมดาทั่วไปจากเกาะแฟร์เวลและเซนต์จอห์น ซึ่งนำโดยชาวประมงและพวกทหาร พวกเขาดื่มเบียร์และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือแวดวงของคนรวยมหาเศรษฐี แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแต่นักธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมีนักการเมืองอย่างแฮมเล็ตและเอี๋ยนตงเหล่ยด้วย แฮมเล็ตชอบสังคมประเภทนี้มากเป็นพิเศษ เพราะในอนาคตถ้ามีการลงแข่งขันเลือกตั้งอีกก็สามารถดึงดูดผู้สนับสนุนเขาในครั้งต่อๆ ไปจากที่นี่ได้
มือซ้ายของฉินสือโอวและมือขวาของวินนี่จับกันไว้แน่นตลอดเวลา ทำให้แหวนรูปทรงปะการังสีแดงก็เปล่งแสงแพรวพราวเสริมกันและกัน นอกจากนี้ยังเปล่งแสงสีแดงอ่อนๆ ภายใต้แสงไฟในยามค่ำคืน
บิลลี่ เบลคและคนอื่นๆ ด่าฉินสือโอวว่านี่เป็นการอวดความรัก อวดภรรยาและทำร้ายคนโสดมาก ลิฟยิ้มพร้อมกับลากวินนี่ออกไป โดยบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอและต้องการขอให้วินนี่เป็นนางแบบให้พวกเขา ซึ่งเป็นแบบครั้งนี้จะใช้แค่มือเพื่อโชว์เครื่องประดับกำไรข้อมือเท่านั้น
เมื่อฉินสือโอวที่กำลังว่างๆ อยู่คนเดียว อาฟิฟจึงโบกมือให้เขาและเดินเข้าไปคุยกัน
บังเอิญที่ฉินสือโอวมีเรื่องที่จะถามเขาพอดี หลังจากคุยเรื่องของสะสมกับอาฟิฟได้สองสามคำถามแล้ว เขาจึงเข้าประเด็นและถามว่า “พี่อาฟิฟ คุณรู้ใช่ไหมว่าเจ้าชายฮามานแดนมีอะไรบางอย่างผิดปกติ?”
เห็นได้ชัดว่าอาฟิฟเข้าใจสิ่งที่ฉินสือโอวต้องการจะสื่อ แต่เขาจำเป็นต้องแกล้งโง่และถามด้วยท่าทางที่ไม่เข้าใจ “ผิดปกติตรงไหน? เขาไม่ใช่คนดีหรอกเหรอ?”
ฉินสือโอวจ้องไปที่อาฟิฟ อาฟิฟจึงเงียบอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็สารภาพออกมาว่า “ไม่ต้องกังวล น้องฉินสือโอว ฮามานแดนไม่ทำเรื่องอะไรที่ออกนอกกรอบอย่างแน่นอน เขาเป็นนักการเมืองที่เป็นผู้ใหญ่มาก ฉันคิดว่าน่าจะเป็นวินนี่ที่โดดเด่นเกินไป จึงทำให้ดึงดูดพี่ชายของฉันไปบ้างเล็กน้อย”
เอาล่ะ ทันทีที่ฉินสือโอวได้ยินก็ไม่พอใจ เพราะเขาเห็นว่าฮามานแดนมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับวินนี่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอผู้ชายคนนี้ก็แกล้งทำเป็นสนใจบุชที่อยู่ในอ้อมแขนของวินนี่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจวินนี่ไม่ใช่เหรอ
แต่เขาก็ไม่เชื่อคำพูดของอาฟิฟ จริงๆ แล้ววินนี่โดดเด่นมาก แต่คงไม่ถึงกับว่าเจ้าชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตะวันออกกลางจะหลงเสน่ห์ได้ ถึงแม้ว่าความมั่งคั่ง สถานะและรูปลักษณ์ของเจ้าชายน้อยจะคู่ควรกับผู้หญิงที่โดดเด่นและดีเลิศที่สุดในโลกก็ตาม!
วินนี่ยอดเยี่ยมมาก ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก แม้ว่าในสายตาของคนอื่นอาจจะไม่ใช่แบบนั้น แต่เธอก็อาจจะยังไม่ดีพอที่จะทำให้เจ้าชายน้อยหลงใหลกับสถานภาพก็ได้?
ฉินสือโอวพูดปัญหาออกไป จากนั้นก็มองไปที่อาฟิฟด้วยสายตาสงสัย
อาฟิฟตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ และกระซิบข้างๆ หูฉินสือโอวเบาๆ ว่า “ฉันจะบอกความลับนาย พี่ชายของฉันชอบผู้หญิงสวยที่มีความเป็นผู้ใหญ่และมีสัญชาตญาณความเป็นแม่สูง อย่าไปพูดที่ไหนเชียวล่ะ”
ฉินสือโอวแอบด่าในใจ ถ้ารู้เร็วกว่านี้เขาและวินนี่คงจะหมั้นกันให้เร็วขึ้นแล้ว หมั้นกันก่อนคลอดจะดีแค่ไหน!
เจ้าชายน้อยดูเหมือนจะไม่เลิกคิดกับวินนี่เลยแม้แต่น้อย ฉินสือโอวจ้องมองเขาไม่ละสายตาและพบว่าผู้ชายคนนี้มักจะเหลือบมองไปที่วินนี่หลายต่อหลายครั้ง
คาดว่าเจ้าชายน้อยคงเคยได้รับการฝึกอบรม การสืบสวนและการต่อต้านการลาดตระเวนมาอย่างมืออาชีพ เขายังคงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับเหล่ามหาเศรษฐีที่อยู่รอบๆ ตัวไม่หยุด ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหางตาของเขากำลังเหลือบมองอะไร ซึ่งนั่นทำให้ฉินสือโอวรู้สึกได้ไว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมีอันตราย
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเตรียมพร้อมเพื่อไม่ให้ฮามานแดนมีโอกาสเข้าถึงวินนี่ เขาจึงยืนขวางวินนี่ตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้เมื่อเจ้าชายน้อยเหลือบมองก็จะเห็นเขา เหลือบมองได้ไม่กี่ครั้งก็เดาว่าเขาคงรู้สึกขยะแขยงและเขาคงจะไม่มองมาทางฉินสือโอวอีก
ตั้งแต่วันที่สามเป็นต้นไป เหล่ามหาเศรษฐีจึงเริ่มพากันกลับ
การแลกเปลี่ยนสื่อสารในช่วงกลางวันและงานเลี้ยงในช่วงเย็นวันที่สองเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาทุกคนได้รับบางสิ่งบางอย่าง พ่อลูกตระกูลสเตราส์จึงเดินทางกลับในเช้าวันที่สาม สุดท้ายเหลือเพียงแค่บิลลี่ กลุ่มคนงานของเหมาเหว่ยหลง ผู้กำกับที่ต้องการพานิมิตส์ไปและเหล่าเจ้าชายน้อยแห่งตะวันออกกลาง
เดาว่าเหล่าเจ้าชายน้อยและเจ้าหญิงแห่งตะวันออกกลางคงไม่สามารถเดินทางก่อนเวลาได้ ส่วนอาฟิฟก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าหญิงโลลิต้าจะออกมาวิ่งเล่นและอยากสนุกอยู่ข้างนอก โดยเฉพาะบรรยากาศในฟาร์มปลาที่มีความสวยงามพร้อมกับมีหู่เป้าฉงหลัว บอลหิมะและไอซ์สเกตอยู่เป็นเพื่อน ส่วนเจ้าชายฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาชอบพอภรรยาของเขามาโดยตลอด
แต่ระยะห่างระหว่างฮามานแดนกับวินนี่มีมากมาย เช่นผู้กำกับคาเมรอน เขาติดตามวินนี่ทุกวันเพื่อเรียนรู้วิธีที่จะเข้ากับนิมิตส์ให้ได้และจะพามันไปถ่ายภาพยนตร์ในไม่ช้า
นิมิตส์ไม่ได้มีความตื่นตัวในการเป็นดาราภาพยนตร์เลย มันคอยระแวดระวังผู้กำกับตลอด ฉินสือโอวรู้สึกว่าทุกครั้งที่ผู้กำกับมอง สายตาของมันมักจะมีอะไรผิดปกติ การรับรู้ของนกโจรสลัดใหญ่มีความเฉลียวฉลาดมาก มันมักรู้สึกได้ว่ามีคนเกเรต้องการทำร้ายพวกมัน!
จอร์จและภรรยาก็อยู่เช่นกัน พวกเขาจะอยู่ที่ฟาร์มปลาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลักๆ คืออยู่เป็นเพื่อนไวส์ และในขณะเดียวกันก็เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากฉินสือโอว
การแกล้งไวส์เป็นเรื่องง่ายๆ เพราะเขาเชื่อในวัฒนธรรมศิลปะการต่อสู้ แต่การแกล้งจอร์จและภรรยานั้นยากกว่ามาก อย่างน้อยก็ไม่สามารถสอนไวส์ให้เชื่อมต่อท่าพื้นฐานของยิมนาสติกแปดท่าเหมือนสอนพวกเขาได้ ซึ่งต่อมานี่จึงเรียกว่าการออกกำลังกายเปลี่ยนเส้นเอ็น…
ฉินสือโอวต้องการจะแกล้งพวกเขา ในตอนเช้าจอร์จและภรรยาจะตื่นขึ้นมาเพื่อออกกำลังกายกับเขาพร้อมฝึกศิลปะการต่อสู้เป็นเพื่อนไวส์
เมื่อเห็นสายตาอันซื่อสัตย์และจริงใจของสามีภรรยาราชาแห่งเหล็กกล้าแล้ว ฉินสือโอวจึงซ่อนจิตสำนึกบาปบุญคุณโทษไว้และเริ่มสรรหาคำพูดดีๆ เพื่อพูดหลอกให้ตายใจ “วัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน จะเน้นความเป็นจิตนิยม ต้องเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงผ่านศิลปะการต่อสู้ นอกจากการออกกำลังกายให้มากขึ้นแล้ว ยังต้องมีศรัทธาด้วย”
“ไม่มีปัญหา พวกเราศรัทธาในพระเยซูเจ้าอยู่แล้วและไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายได้!” จอร์จพูดอย่างหนักแน่น
ฉินสือโอวแตะจมูกไปมาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “พวกคุณคงสงสัยมาตลอดว่าทำไมไวส์ถึงอยู่ที่นี่แล้วมีร่างกายแข็งแรงได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ นอกจากเหตุผลในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลคือที่นี่ไม่มีใครมองเขาเป็นผู้ป่วยเลย เมื่อเวลาผ่านไป ตัวเขาเองก็เชื่อว่าตัวเองมีสุขภาพดี ในอเมริกาผมคิดว่าใครต่อใครต่างปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นคนป่วยใช่ไหม?”
วิเวียนพยักหน้าพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างและพูดว่า “นี่คือพลังแห่งจิตวิญญาณเหรอคะ?”
ฉินสือโอวปรบมือ “ใช่ ไวส์รู้สึกว่าตัวเองมีสุขภาพดี ดังนั้นสภาพจิตใจของเขาจึงสดใสแข็งแรง ทำให้ประสานเข้ากับการออกกำลังกายด้วยศิลปะการต่อสู้ได้ จากนั้นจึงทำให้สุขภาพร่างกายของเขาดีขึ้น ดังนั้นพวกคุณควรจะต้องการสื่อสารกับตัวตนภายในของตัวเองให้ชำนาญและใช้พลังทางจิตวิญญาณเพื่อปรับสภาพของตัวเองให้ดีขึ้น”
จอร์จเป็นคนฉลาด แม้ว่าเขาอยากจะเรียนศิลปะการต่อสู้ แต่เขาก็ไม่เชื่องมงายในเรื่องศิลปะการต่อสู้ พอฉินสือโอวพูดแบบนี้แล้วเขาจึงเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย นี่มันคือการแกล้งต่างหาก! เหล่านักจิตวิทยาล้วนหลอกลวงคนแบบนี้ทั้งนั้น และปกติเขามักจะหลอกลูกน้องของเขาแบบนี้!
ฉินสือโอวรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในความคิดของจอร์จ จึงรีบตัดบทและเปลี่ยนเรื่องทันที “แต่ท้ายที่สุดแล้วศิลปะการต่อสู้ล้วนเป็นของจริง มันไม่ใช่การเลี้ยงข้าว ไม่ใช่การเขียนบทความ ไม่ใช่การวาดภาพหรือเย็บปักถักร้อย ไม่ใช่สิ่งที่ว่างเปล่า จะอาศัยแค่ความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณเท่านั้นมันไม่เพียงพอ มันยังต้องอาศัยการเคลื่อนไหวแบบศิลปะการต่อสู้เพื่อประสานกันด้วย”
เขาพูดไปพร้อมทั้งรู้ตัวว่าตัวเองโกหกต่อไม่ได้แล้ว จึงรีบส่งหัวหน้าลูกศิษย์ออกมา “ไวส์ นายอธิบายให้พ่อและแม่ฟังสักหน่อยสิ”
ไวส์ที่กำลังนั่งยองๆ ท่าม้าจึงยืนขึ้นแล้วพูดว่า “มันง่ายมาก สิ่งที่อาจารย์ผมหมายถึงก็คือ ศิลปะการต่อสู้เป็นการผสมผสานระหว่างกำลังภายในและการเคลื่อนไหวภายนอก พลังแห่งจิตวิญญาณคือกำลังภายใน สิ่งที่ผมมักจะฝึกฝนก็คือการเคลื่อนไหวแบบภายนอก ทั้งสองฝ่ายจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ผมพูดถูกไหมครับอาจารย์?”
………………………………………