ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1196 หู่เป้าพากันแตกตื่นไปหมดแล้ว
เทศกาลแบบนี้จะเน้นไปที่บรรยากาศ ฉินสือโอวไม่รีบร้อนที่จะแข่งขัน เขาอุ้มลูกสาวและพาสัตว์เลี้ยงพร้อมกับภรรยาไปหาพ่อแม่ และทุกคนก็เดินมาที่จัตุรัสอย่างมีความสุข
มีเด็กๆ จำนวนมาก ขายขนมขบเคี้ยว ของว่างและเครื่องดื่มมากมาย ฉินสือโอวจึงไปซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างสมูทตี้และซื้อของว่างอย่างลูกชิ้นปลาที่เป็นจุดเด่นของเซนต์จอห์น
ทางฝั่งพ่อฉินและแม่ฉินทั้งมองดูด้วยความแปลกใจทั้งกินของว่างไปด้วย และเอ่ยปากชมความมหัศจรรย์ของมันอยู่ตลอดเวลา ฉินสือโอวจึงหัวเราะและพูดว่า “เทศกาลในต่างประเทศก็น่าสนใจเหมือนกันใช่ไหมล่ะครับ?”
พ่อฉินมองไปที่เขาและพูดว่า “สนุกมันก็สนุกนะ แต่สิ่งที่สงสัยคือที่นี่มีเด็กๆ เยอะขนาดนี้ ทำไมไม่เห็นตำรวจรักษาความปลอดภัยสักคนเลย? ดูผู้ปกครองหลายๆ คนก็สบายอกสบายใจ ไม่กลัวว่าลูกจะถูกลักพาตัวไปเหรอ?”
เมื่อได้ยินพ่อพูดเช่นนั้น ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องนั้นที่เจอในตลาดเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นก็มีคนจะลักพาตัวเด็กไปเช่นกัน แต่หู่จือและเป้าจือตามกลิ่นไปจนหาเจอ
แต่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นน้อยมากในเซนต์จอห์น เขาจึงอธิบายว่า “ที่นี่มีคนลักพาตัวเด็กน้อยมากและผมก็ไม่ค่อยได้ยินว่ามีเกิดขึ้นเหตุการณ์แบบนี้บ่อยนัก ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้ตระหนักถึงการคุ้มครองเด็กในครอบครัว”
แม่ฉินรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “การรักษาความปลอดภัยของเซนต์จอห์นดีขนาดนี้เลยเหรอ?”
ฉินสือโอวจึงคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “ก็พูดไม่ได้ว่าความปลอดภัยนั้นดี เพราะทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม กฎหมายและประเพณีในแคนาดา คดีที่เกี่ยวกับเด็กเป็นคดีที่ร้ายแรงและใครก็ตามที่ถูกจับได้ว่าลักพาตัวเด็กไปจะต้องถูกตัดสินโทษอย่างหนัก”
“นอกจากนี้ ชาวต่างชาติยังให้ความสำคัญกับครอบครัวและเด็กมาก เมื่อก่อนผมเคยดูข่าว ช่วงก่อนหน้านั้นทางฝั่งเหมาเหว่ยหลง ก็คือที่แฮมิลตัน มีชาวนาพบโจรลักพาตัวเด็ก จึงติดต่อชาวนาโดยตรงและให้ฆ่าคนคนนั้น สุดท้ายดูแล้วเหมือนกฎหมายจะคุ้มครองสถานการณ์แบบนี้ได้ไม่มากนัก”
“จนในที่สุด การตรวจตราและการควบคุมของเซนต์จอห์นก็มีมากขึ้น ลองดูรอบๆ จัตุรัสนี้ มีกล้องวงจรปิดอย่างน้อยห้าสิบตัว ดังนั้นเพียงแค่พบว่ามีเด็กหายไป ก็สามารถมองหาผ่านกล้องได้ทันที ไม่ต้องรอให้ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อลงบันทึก”
พ่อฉินและแม่ฉินต่างพยักหน้าด้วยความเข้าใจทันทีและบอกว่าประเทศนี้มีความสามารถในการคุมครองเด็กๆ ดีจริงๆ นี่เป็นเรื่องจริง การคุ้มครองเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของแคนาดา คาดว่าจะเป็นประเทศแรกในโลก
ในที่สุดประมาณสิบโมง การแข่งขันคลานของเด็กทารกกำลังจะเริ่มขึ้น
การแข่งขันนี้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการมาก มีการแข่งหลายรอบ ฉินสือโอวจึงส่งเสี่ยวเถียนกวาให้วินนี่อุ้ม เพื่อที่เธอจะได้ไปลงชื่อสมัคร ส่วนตัวเองก็เดินไปดูข้างหน้าและวิเคราะห์สถานการณ์ของคู่ต่อสู้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ซึ่งจะมีทั้งหมดห้าลู่ แต่ละลู่จะมีทารกเข้าแข่งขันคลานได้สี่คน ก็คือในหนึ่งรอบจะมีเด็กทารกยี่สิบคนเข้าร่วม
ความยาวของลู่แบ่งออกเป็นสิบเมตรและยี่สิบเมตร การแข่งขันที่เริ่มขึ้นก่อนจะเป็นการแข่งขันระยะสั้น ฉินสือโอวจึงไปถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เด็กทารกที่เข้าร่วมการแข่งขันมีทั้งหมดสองร้อยห้าสิบสองคน ซึ่งทำให้ความเข้มข้นของการแข่งขันค่อนข้างสูง
ในการแข่งขันอนุญาตให้ผู้ปกครองวิ่งช่วยได้ กล่าวคือผู้ปกครองสามารถเรียกทารกให้คลานไปข้างหน้าได้หรือจะใช้อุปกรณ์ประกอบเพื่อดึงดูดให้ทารกคลานตามมาจับได้ ดังนั้นบรรดาเด็กทารก ณ ที่นี้ ที่ลงแข่งขันในรอบแรก จึงมีคนวางของเล่นไว้ข้างหน้าพวกเขาเต็มไปหมด
ฉินสือโอวจึงถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้สิ่งมีชีวิตมาวิ่งช่วย ซึ่งก็คือให้สัตว์เลี้ยงที่บ้านมาคลานเป็นเพื่อน
เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ตัดสินจึงพูดว่า “แบบนี้ก็ได้ แต่คุณต้องเซ็นข้อตกลง เมื่อสัตว์เลี้ยงทำร้ายเด็กทารก คุณต้องรับผิดชอบทั้งหมด”
ฉินสือโอวพูดซ้ำไปมาว่าไม่มีปัญหา เขาจึงไปเซ็นข้อตกลงสองส่วนนั้น จากนั้นก็พาหู่จือและเป้าจือเข้ามา
นอกจากเขาแล้ว ก็ยังมีคนอื่นๆ อีกที่เตรียมการแบบนี้ แต่สัตว์เลี้ยงที่ใช้ในการคลานเป็นเพื่อนเด็กทารกส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ขนาดเล็กอย่างสุนัขหรือแมว เช่นสุนัขพันธุ์ดัชชุน สุนัขพันธุ์คอร์กี้ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล สุนัขพันธุ์ปักกิ่งและแมวสก็อตติช โฟล์ด
หลังจากลงทะเบียนแล้ว ลำดับของการแข่งขันจะถูกจัดเรียงแบบสุ่ม ตามกฎกติกาเสี่ยวเถียนกวาจะอยู่ในรอบที่สอง เนื่องจากขนาดของสถานที่มีจำกัด จึงอนุญาตให้เฉพาะพ่อแม่และญาติของเด็กทารกเข้าร่วมมาชมอยู่ข้างหน้าได้เท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ไม่สามารถมาอยู่ข้างหน้าได้
ฉินสือโอวร้องเรียกหู่จือและเป้าจือเข้ามา พวกมันเป็นสุนัขขนาดใหญ่เพียงสองตัวเท่านั้น หลังจากวิ่งมาแล้ว จากเดิมที่เห็นสัตว์ประเภทเดียวกันหลายตัวแล้วจะมีความสุขมาก แต่เมื่อมองอย่างละเอียดแล้วพวกมันล้วนเป็นสัตว์ตัวเล็กนิดเดียว ทั้งสองตัวจึงเมินใส่ทันที จากนั้นก็ไปวิ่งเล่นกับฉินสือโอว
ซึ่งในขณะนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดาว่าอาจจะใจจดใจจ่อกับการชมการแข่งขันมากเกินไป เธอจึงไม่ได้สังเกตว่าสุนัขพุดเดิ้ลที่จูงได้หลุดจากมือไปแล้ว จากนั้นก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและโผเข้าใส่ข้างหลังหู่จือพร้อมกับใช้อุ้งเท้าเล็กๆ กอดขาของหู่จือไว้ จากนั้นมันก็เริ่มกระเด้าตูดอย่างเมามัน
วินาทีนั้น ฉินสือโอวตกใจมาก!
วินาทีนั้น หู่จือก็ตกใจเช่นกัน!
วินาทีนั้น เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์นี้ก็ต่างพากันตกใจ!
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมกัน เสี่ยวเจิ้งวัยสี่ห้าขวบก็จ้องไปที่สุนัขพุดเดิ้ลและหู่จืออย่างแปลกใจและถามอย่างไร้เดียงสาว่า “หม่ามี๊ สุนัขตัวน้อยนั้นกำลังทำอะไรอยู่? มันจะปีนขึ้นไปขี่ม้าบนตัวของสุนัขตัวใหญ่เหรอ?”
หญิงสาวรู้สึกอายมาก จึงรีบปิดตาลูกชายและพูดกับฉินสือโอวว่า “นี่คุณ ช่วยเอาพวกมันออกไปเร็วๆ เลยนะ”
หู่จือตอบสนองได้ค่อนข้างเร็วกว่าฉินสือโอว แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสุนัขคู่กรณี หลังจากตอบสนองกลับไปแล้ว ก็เตะขาหลังของมันอย่างแรงเพื่อให้สุนัขพุดเดิ้ลตัวนั้นออกไป แต่มันมองข้ามความดื้อรั้นในความต้องการผสมพันธุ์ของสุนัขพุดเดิ้ลมันเตะขาไปมา คิดไม่ถึงว่าทำอย่างไรก็สะบัดสุนัขตัวนั้นไม่ออก
เมื่อเป็นเช่นนี้ หู่จือจึงโกรธมาก จึงหันหลังกลับมากัดสุนัขตัวนั้น จนทำให้สุนัขตาบอด ตัวของหู่จือเองเป็นสุนัขตัวผู้ มันจึงไม่สามารถทำแบบนั้นได้!
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวนับถือก็คือ ไม่ว่าหู่จือจะเตะขาหรือหันหลังแล้วร้องตะโกน สุนัขพุดเดิ้ลตัวนั้นก็ไม่สนใจ มันกอดขาหลังของหู่จืออย่างสุดแรงพร้อมกับกระเด้าก้นน้อยๆ ของมันอย่าตั้งอกตั้งใจและใจจดใจจ่ออย่างกับว่ากำลังติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก
ในที่สุดเจ้าของสุนัขพุดเดิ้ลก็เห็นเหตุการณ์นี้ เธอจึงวิ่งไปอุ้มเจ้าสุนัขตัวเล็กออกมาด้วยความเขินอาย แต่สุนัขพุดเดิ้ลกลับไม่สนใจ หลังจากเปลี่ยนเป้าหมายแล้วจึงกอดแขนขาวๆ ราวกับหิมะของหญิงสาวและเริ่มกระเด้าตูดอีกครั้ง
ครั้งนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกจนปัญญามาก หรือว่ามันได้รับยากระตุ้นความต้องการทางเพศ? และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสัตว์ที่ดุร้ายเช่นนี้
ข้างหลังยิ่งดุร้ายมากกว่า ผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกจนปัญญา จึงมัดสุนัขพุดเดิ้ลไว้กับพงหญ้าข้างๆ สุนัขตัวนี้ก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย มันยังหันตัวมาขี่พุ่มดอกไม้และยังคงกระเด้าตูดต่อไม่หยุดและยังตั้งอกตั้งใจทำอีกด้วย…
หู่จือก็ดูเหมือนจะรู้สึกจนปัญญาเหมือนกัน มันจึงหดตัวด้วยความกลัวและเป้าจือก็หดตัวเช่นเดียวกัน จากนั้นพี่น้องตัวน้อยก็พึ่งพาซึ่งกันและกัน
การแข่งขันรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็วและก็ถึงรอบของเสี่ยวเถียนกวาที่จะเริ่มการแข่งขันขึ้น ฉินสือโอวจึงลากหู่จือและเป้าจือเข้ามาและให้พวกมันยืนบนลู่พร้อมกับทำท่าคลานไปข้างหน้า
บังเอิญที่ในเวลานี้ก็มีคนพาสุนัขมาวิ่งช่วยเช่นกัน และบังเอิญมันก็เป็นสุนัขพุดเดิ้ลเหมือนกันอีก หู่จือและเป้าจือจึงหันหน้าไปมองพร้อมกับวิ่งตรงไปด้วยเท้าทั้งสี่อย่างตื่นตระหนกตกใจ…
นานมาแล้วที่ฉินสือโอวไม่ได้เห็นพี่น้องทั้งสองตัวตกใจกลัวมากขนาดนี้ จะเห็นได้ว่าสุนัขพุดเดิ้ลมีผลต่อจิตใจของพวกมันเป็นอย่างมาก!
วินนี่จึงขึ้นไปปลอบเจ้าสองพี่น้อง แต่เมื่อสุนัขพุดเดิ้ลตัวนั้นยังไม่ได้แสดงอาการกำหนัดออกมา หู่จือและเป้าจือก็ได้เรียนรู้ว่ามันดูไม่อันตราย จึงวิ่งกลับมาที่ลู่ แต่สายตาก็จับจ้องไปที่สุนัขพุดเดิ้ลที่อยู่ข้างๆ เพียงแค่เห็นว่าท่าไม่ดีก็จะรีบวิ่งหนีทันที
……………………………………………………..