ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1217 สงครามในสวน
เมื่อมองจากเรดาร์ของเครื่องตรวจหาปลา เรือขโมยปลาสองลำกำลังเร่งเครื่องเพื่อที่จะหนีทันที เมื่อดูทิศทางการเดินเรือ พวกเขาต้องการที่จะออกไปจากบริเวณของฟาร์มปลา
“แม่ง มาขโมยแล้วคิดหนีงั้นเหรอ? แม่งเอ๊ย!” บีบีซวงโพล่งขึ้นมา “ฉันจะขับเครื่องบินไปดู มีใครอยากไปด้วยบ้าง?”
ฉินสือโอวห้ามเขาไว้ก่อน พลางพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าบ้า จะออกไปขับเครื่องบินทั้งที่อากาศแบบนี้เนี่ยนะ นายรนหาที่ตายหรืออย่างไร? ไปดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะอะไรเรือพวกนั้นถึงได้หนีไป?”
แบล็คไนฟ์หันกลับมามอง แล้วพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “พวกเราทุกคนอยู่ที่นี่ คนที่สามารถขับเรือดำน้ำได้อย่างบีบีซวงกับออสเปรก็อยู่ที่นี่ นั่นหมายความว่าเรือผีไม่มีการเคลื่อนไหว แล้วแบบนั้นพวกเขาจะหนีไปทำไมนะ?”
“หรือว่าเกิดรู้สึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมา?” บูลถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ
“ไอ้โง่ ไป ฉันไม่อยากคุยกับคนโง่!”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา พลางพูดว่า “ไม่ว่าจะเพราะอะไร แต่เรือขโมยปลานั่นก็หนีไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เอาล่ะ พวกเราไม่ต้องสนใจแล้วว่าจะทำอย่างไรกันดี ตอนนี้อย่างไรเสียทุกคนก็ไม่สามารถออกทะเลเพราะหมอกหนานี่ งั้นก็พักผ่อนกันสักหน่อยเถอะ”
เขาเดินออกจากห้องเรดาร์ไปแล้วขับรถเอทีวีกลับไปบ้าน ตอนนั้นหู่จือและเป้าจือที่นอนอยู่ข้างๆ รถก็เงยหน้าขึ้นมามองไปยังที่ไกลๆ ด้วยสายตาระแวดระวัง แต่เพราะว่าหมอกลงค่อนข้างหนา พวกมันทั้งสองจึงต้องใช้จมูกในการดมกลิ่นด้วย ในที่สุดพวกมันก็ไม่เห็นอะไร จึงทำได้เพียงลงจากรถไปด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวถามออกมาว่า “มีคนมาเหรอ?”
เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งหู่จือกับเป้าจือก็ยังคงไม่มีท่าทีอะไร แบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าที่ฟาร์มปลาไม่ได้มีคนแปลกหน้าเข้ามา ดังนั้นเขาจึงยักไหล่แล้วเดินออกไป
หลังจากที่เขาแยกตัวออกมาจากหู่จือและเป้าจือ ใต้ต้นเมเปิลขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป ร่างเล็กขนสีเทาทองทั้งสองร่างก็ค่อยๆ โผล่หัวออกมาด้วยท่าทีฉลาด พวกมันค่อยๆ มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็สะบัดหางแล้ววิ่งหนีไป
เพราะว่าหมอกลงหนา ครอบครัวกระรอกดินครอบครัวหนึ่งกำลังนอนอยู่บนสนามหญ้าพลางสะบัดร่างกายไปมา ด้วยเหตุนี้ทำให้หมอกที่ตกลงมาโดนขนของมันอย่างต่อเนื่องกลายเป็นหยดน้ำ และน้ำพวกนั้นก็โดนสะบัดออกตลอดเวลาทำให้ดูเหมือนกำลังอาบน้ำ เพื่อเอาฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อยู่บนขนออก
พวกมันสะบัดตัวไปมาอย่างสบายใจ เพลิดเพลินไปกับการอาบน้ำหมอก จนลืมวันเวลาไปหมด ทำให้พวกมันถูกนักล่าตัวเล็กทั้งสองจับตามองอยู่
นักล่าตัวเล็กทั้งสองตัวนั้น เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฟอเรทแบลคฟุตที่หนีออกมาจากเรือบรรทุกสินค้าเมื่อสองวันก่อน
เฟอเรทเป็นสัตว์มีประสาทสัมผัสไว หลังจากที่พวกมันถูกคลื่นซัดเข้ามาที่ชายหาดวันนั้น มันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นฉี่และอุจจาระของเหล่ากระรอกดินที่หลงเหลืออยู่ได้ทันที
กลิ่นพวกนี้ทำให้พวกลูกๆ ของพวกมันกลัว สำหรับพวกมันแล้ว กลิ่นพวกนี้แรงเกินไป โดยที่ไม่ต้องบอกพวกมันเลย พื้นที่นี้เป็นที่ของเหล่าเทพยอดนักล่า สำหรับสัตว์ที่อ่อนแอปวกเปียกอย่างพวกมันแล้ว รออยู่เฉยๆ ให้อาหารมาเสิร์ฟถึงที่จะดีกว่า
เพราะเหตุนี้ หลังจากที่เฟอเรทแบลคฟุตขึ้นฝั่งมันก็หาพุ่มหญ้าเพื่อที่จะซ่อนตัวทันที พวกมันซ่อนตัวอยู่ในนั้นสองวัน จนวันนี้ที่หิวจนทนไม่ไหว บวกกับสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหมอกซึ่งเหมาะแก่การซ่อนตัวแล้ว พวกมันจึงออกมาหาอาหาร
เฟอเรทแบลคฟุตเป็นสัตว์กินเนื้อ บรรพบุรุษดั้งเดิมของพวกมันกินเนื้อสัตว์สดๆ เป็นอาหาร พวกมันมักจะกินสัตว์เข้าไปทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ อวัยวะภายใน กระดูก ผิวหนัง รวมถึงขนด้วย
อันที่จริงแล้วพวกมันเป็นสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืน ตอนกลางวันพวกมันจะชอบนอนหลับอยู่ในรัง พอตกกลางคืนก็ตื่นขึ้นมาหาอาหาร
แต่ว่าพวกมันคงจะหิวจริงๆ เดิมทีเฟอเรทเป็นสัตว์ที่มีระบบย่อยอาหารสั้น ร่างกายของมันเผาผลาญได้อย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นที่จะต้องทานอาหารเสริมตลอดเวลา แต่ตั้งแต่พวกมันมาเหยียบที่เกาะนี้ พวกมันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่นิดเดียว!
ถ้าหากไม่เป็นเพราะฉินสือโอวใช้พลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนปรับสภาพร่างกายให้พวกมัน เจ้าเฟอเรทผู้น่าสงสารทั้งสองตัวนี้คงจะหิวจนเป็นลมไปแล้ว
เหยื่อชนิดแรกของเฟอเรทคือหนูชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพอสซัม แพรรี่ด๊อก กระรอกดิน มันก็สามารถกินได้หมด ดังนั้นมันจึงใช้จมูกดมกลิ่น ไม่นานพวกมันทั้งสองตัวก็เจอเข้ากับกลิ่นของครอบครัวกระรอกตัวน้อยอย่างรวดเร็ว เมื่อตามกลิ่นไปก็เจอเข้ากับพวกมัน
ในขณะที่พวกมันเตรียมพร้อมจะโจมตี จู่ๆ ก็พบว่าครอบครัวนี้มีสมาชิกที่มีขนาดตัวที่ใหญ่มาก
สองพี่น้องมองหน้ากัน นายมองมาที่ฉัน ฉันมองไปที่นาย ตัวน้องถามตัวพี่อย่างนุ่มนวลว่า ‘ดูเหมือนว่าพวกเราจะตัวเล็กไปเลย นอกจากนี้ยังมีเจ้าตัวใหญ่กว่าครึ่งหนึ่งอยู่อีก จะจัดการอย่างไร?’
คนเป็นพี่พยายามให้กำลังใจอย่างหนัก มันปลอบน้องสาวว่า ‘กลัวเหรอ? นักรบที่อ่อนแอ ยังไงก็ยังคือนักรบ ไม่ว่าแมลงวันจะอ่อนแอแค่ไหน แต่มันก็ยังบินได้ กระรอกดินน้อยเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของพวกเราตามธรรมชาติอยู่แล้ว พวกเราเกิดมาเพื่อเป็นนักล่า ไม่ต้องพูดมาก แค่คำเดียว จัดการซะ!’
ถ้าหากว่าเลือกได้ พวกมันก็คงไม่ทำ แต่พวกมันหิวจะตายอยู่แล้ว อาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าเหยื่อจะมีขนาดเท่าไหร่ แต่การที่มันตัวโตก็ดี เพราะว่าจะได้กินได้อีกหลายมื้อ!
ด้วยทัศนคติการมองโลกในแง่ดี เฟอเรทแบลคฟุตสองตัวก็เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้า พวกมันไม่ต้องการครูสอนแต่พวกมันเรียนรู้ทักษะการต่อสู้มาจากบรรพบุรุษของตัวเอง พวกมันเคลื่อนตัวไปยังที่ที่เหล่ากระรอกดินซ่อนตัวอยู่อย่างระมัดระวัง
หลังจากเข้าใกล้แล้ว เฟอเรทแบลคฟุตก็กระโดดออกมาทันที ดวงตาของพวกมันจ้องมองไปยังกระรอกดิน พร้อมแยกเขี้ยวยิงฟันหมายจะกัดกระรอกดิน
ครอบครัวกระรอกดินที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำหมอก จู่ๆ ก็ถูกอะไรบางอย่างสองตัวกระโจนเข้ามาใส่ตัวเอง หากบอกว่าไม่กลัวก็คงจะเป็นการโกหก
อีกอย่าง คางคกที่กระโดดใส่เท้าของคน แม้ว่ามันจะไม่กัดแต่มันก็น่ารังเกียจอยู่ดี!
เฟอเรทแบลคฟุตเป็นนักล่าระดับปรมาจารย์ พวกมันเคลื่อนไหวรวดเร็ว อุ้งมือหนัก ท่าทางว่องไว ทักษะในการต่อสู้ยอดเยี่ยม หนูธรรมดาจึงตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน และทุกครั้งที่พวกมันล่าเหยื่อ พวกมันยังสามารถจับเหยื่อได้มากถึงเก้าในสิบ
แต่ว่าครอบครัวกระรอกดินเป็นข้อยกเว้น ปกติพวกมันจะทานผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยพลังจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอน เพราะแบบนั้นร่างกายจึงแข็งแรง แต่กระรอกบินไม่ใช่สัตว์ที่ไม่เก่งกาจ พวกมันสามารถเจาะต้นไม้ ขุดหลุม ขึ้นเขาและว่ายน้ำได้หมดทุกอย่าง ปฏิกิริยาตอบสนองก็เร็ว เมื่อเงาดำโผล่เข้ามา พวกมันก็รีบหนีทันที
เป็นอย่างที่ว่ากันว่ากระต่ายเจ้าเล่ห์จะมีสามรัง กระรอกดินเจ้าเล่ห์พวกนี้ก็มีโพรงถึงสามสิบกว่าโพรงต่อหนึ่งตัว
เจ้าพวกนี้เป็นสัตว์ที่ไม่ระมัดระวังตัวอย่างมาก เช่นว่าพวกมันกำลังอาบน้ำหมอกอยู่ ก็ดันอาบน้ำอยู่หน้าโพรงของตัวเอง เมื่อหมุนตัวก็สามารถเข้าโพรงไปได้เลย แต่ว่ายังมีตัวที่ค่อนข้างอ้วนอยู่ตัวหนึ่ง การตอบสนองของมันช้าไปเล็กน้อย จึงถูกเฟอเรทแบลคฟุตกัดเข้าที่ขาอันอวบอิ่มของมัน
ฟันของเฟอเรทคมมาก กัดทีหนึ่งก็มีเลือดออกแล้ว กระรอกดินเจ็บจนร้องครวญครางออกมา มันสะบัดขาอันใหญ่และทรงพลังอย่างแรง ราวกับกระต่ายที่เตะนกอินทรีที่บินมาหาพวกมัน มันเตะเฟอเรทแบลคฟุตเข้าไปเต็มๆ จนมันกระเด็นลอยออกไป
กระรอกดินอีกสี่ตัวที่อยู่ในโพรงรีบวิ่งออกมาเมื่อได้ยินเสียงร้องของคนในครอบครัว หลังจากนั้นสถานการณ์ที่เหลือก็คือ เฟอเรทแบลคฟุตผู้นุ่มนวลที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ก็ถูกกระรอกดินที่ตัวใหญ่กว่าห้าตัวล้อมพวกมันเอาไว้
เฟอเรทแบลคฟุตตัวน้องผู้อ่อนแอมองไปยังเหยื่ออันน่ากลัวทั้งห้าตัว มันคิดอยากจะถามอะไรบางอย่าง ถ้าหากบอกว่าทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด พวกเขาจะเชื่อไหมนะ?
กระรอกดินไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่ว่าพวกมันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เพราะว่าพวกมันเป็นสัตว์กินพืช เป็นสัตว์ที่ไม่มีนิสัยชอบต่อสู้ ดังนั้นฉินสือโอวจึงวางใจที่จะให้พวกมันอยู่ที่นี่
เฟอเรทแบลคฟุตตัวพี่ที่ถูกเตะจนตัวลอยลุกขึ้นมาอีกครั้ง ลูกเตะของกระรอกดินตัวนั้นปลดล็อกพลังระดับเลเวลหนึ่งของมัน รวมถึงระเบิดพลังของมันอีกด้วย มันวิ่งกลับมาด้วยท่าทางโหดเหี้ยม ตาเบิกโพลงพร้อมปากที่แยกเขี้ยวออกมา มันร้องคำรามออกมาราวกับสัตว์ป่า เสียงดัง “ฮึ่ม ฮึ่ม!”
ถ้าหากว่าพวกมันต้องการจะต่อสู้จริงๆ พวกมันทั้งห้าที่มีร่างกายกำยำสามารถฆ่าเฟอเรททั้งสองตัวได้อย่างสบายๆ แต่พวกมันไม่มีพลังที่จะโจมตี เมื่อถูกเฟอเรทขู่คำราม พวกมันก็วิ่งหนีหางจุกตูดไปทันที
เจ้าขาใหญ่ที่โดนกัดขาก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ มันวิ่งไปกระโดดไปราวกับเป็นจิงโจ้
เฟอเรทผู้พี่กับผู้น้องที่ตกอยู่ในอาการตกใจนั้น จู่ๆ ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาเต็มเปี่ยม ที่แท้พวกเราก็เก่งกาจมากเลย! ดูหนูตัวใหญ่ทั้งห้าตัวพวกนั้นสิ ตัวใหญ่แล้วมีประโยชน์อะไร?
………………………………………………