ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 122 ปัญหาเล็กน้อย
ฉินสือโอวถามพวกเขาว่าวันนี้เรียนอะไรมาบ้าง เด็กประถมในแคนาดาช่างสว่างสดใสจริงๆ ชั้นปีที่สี่ก็ยังสบายๆอยู่ เชอร์ลี่ย์และพาวลิสเรียนรู้ธรรมชาติ จึงทำให้ได้ทำความรู้จักกับแอฟริกา
ส่วนชั้นปีที่สองน่ะเหรอ? มิเชลล์บอกว่าพวกเธอเรียนคณิตศาสตร์มา ฉินสือโอวเลยถามว่าเป็นคณิตศาสตร์แบบไหน แต่สรุปแล้วก็เป็นเพียงแค่การทำความรู้จักกับตัวเลขก็เท่านั้นเอง…
ฉินสือโอวหัวเราะจนแทบจะน้ำตาเล็ด แค่รู้จักตัวเลขก็เรียกว่าคณิตศาสตร์แล้วเหรอ? แถมยังเป็นของเด็กชั้นปีที่สองด้วย? เขาจำได้ว่าตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นปีที่สองเขาก็ท่องแม่สูตรคูณจนจำได้ขึ้นใจแล้ว
ต่อจากนั้นเชอร์ลี่ย์ก็บอกกับเขาว่า เมื่อพวกเขาขึ้นชั้นปีที่สี่ถึงจะได้ท่องแม่สูตรคูณ……
ในตอนกลางวันชาร์คและซีมอนสเตอร์เข้าไปในเมืองเพื่อซื้อไม้กระดานและพวกเครื่องมือ ในตอนเย็นพวกเขาช่วยกันลงมือ ทำเตียงไม้ขนาดยาวสามเมตรและกว้างสองเมตรหนึ่งหลัง
แน่นอนว่าเป็นเตียงที่ทำไว้ให้อีวิลสันนอน คืนวานนี้เจ้าหมอนี่ต้องปูที่นอนนอนบนพื้น เนื่องจากหาซื้อเตียงใหญ่ๆที่เหมาะสำหรับเขาจากในเมืองไม่ได้
อีวิลสันแค่ไอคิวต่ำ แต่เขาไม่ได้โง่ แล้วก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนด้วย ค่อยๆคุยเรื่องต่างๆกับเขา เขาก็สามารถเข้าใจได้
หลังจากที่รู้ว่าเตียงหลังนี้ทำไว้เพื่อเขา เขาก็ดีใจมาก ในมือของเขากำค้อนเอาไว้หนึ่งอัน พอชาร์คเอาตะปูขึ้นมาวางไว้เขาก็ตอกมันลงไป เหมือนกับเกมทุบตัวตุ่น เมื่อทุบค้อนลงไป ตะปูเหล็กความยาวขนาดเท่านิ้วกลางก็จมลงไปทันที!
ไม้กระดานที่นำมาใช้ทำเตียงหลังนี้คือไม้เมเปิลหนาสิบสองเซนติเมตร ขาเตียงทั้งสี่ด้านสูงข้างละหนึ่งเมตร ใช้ท่อนไม้มาค้ำยันเอาไว้ ถึงแม้จะไม่ได้สวยงาม แต่แข็งแรงทนทาน อีกทั้งข้อนี้ยังสำคัญสำหรับอีวิลสันด้วย
นอกจากนี้ซีมอนสเตอร์ก็ได้ทำตู้ข้างหัวเตียงให้อีวิลสันด้วย ขนาดประมาณหนึ่งจุดห้าเมตร ฉินสือโอวก็เอาโคมไฟตั้งโต๊ะมาวางไว้หนึ่งอัน แถมยังถ่ายรูปให้อีวิลสันแล้วล้างรูปมาวางไว้ข้างๆกันกับโคมไฟด้วย
อีวิลสันยิงฟันยิ้มแหะๆไม่หยุด ยังไม่ทันได้ปูเครื่องนอน เขาก็ขึ้นขึ้นลงลงไปลองนอนบนใหม่เตียงอยู่อย่างนั้น เมื่อขึ้นไปบนเตียงแล้วก็ม้วนตัวไปมาไม่หยุด ปากก็พูดพึมพำไปเรื่อยๆ “ดีจัง! นี่คือเตียง! เตียงของอีวิลสัน! แถมยังมีโคมไฟด้วย ตอนกลางคืนก็จะสว่างมากๆ! รูปของอีวิลสัน แค่ลืมตาก็มองเห็นอีวิลสันได้แล้ว! ของบอส ล่ะ? ต้องมีของ บอส ด้วย!”
ฉินสือโอวยิ้มถ่ายรูปข้างๆกับอีวิลสัน รอยยิ้มเฉื่อยๆของอีวิลสันดูซื่อๆ ไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยม ส่วนฉินสือโอวก็ฉีกยิ้มสว่างจ้าราวกับแสงอาทิตย์ ดูเข้ากันมาก
เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จ อีวิลสันก็รีบกลับห้องไปนอน เขาไม่ได้ง่วง เพียงแต่อยากเอนตัวลงบนเตียงก็เท่านั้น ฉินสือโอวปูเครื่องนอนให้เขาแล้ว ไม่มีเบาะนอนขนาดที่เหมาะกับเขา เขาจึงทำได้เพียงนอนบนไม้กระดานแข็งๆ
แปดนาฬิกาของเช้าวันต่อมา รถโรงเรียนก็ค่อยๆขับมาถึงฟาร์มปลา คนขับรถบีบแตรรถเรียก เมื่อทานข้าวอิ่มแล้วพาวลิสและเด็กๆที่เหลือก็เดินออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์
“ต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมชั้นดีๆนะ แล้วก็แบ่งอาหารกลางวันให้พวกเขาด้วยโอเคไหม?”ฉินสือโอวกอดเด็กๆทีละคน
กอร์ดอนทำหน้ามุ่ยถามเขาว่า “ฉิน ผมไม่ไปเรียนได้ไหม? ผมชอบฟาร์มปลาผมช่วยคุณจับปลาได้นะ”
ฉินสือโอวทำหน้าขรึมแล้วพูดกับเขาว่า “นายคิดว่าตอนนี้การจับปลาไม่จำเป็นต้องมีการศึกษากับความรู้เหรอ? รู้ไหมว่าฉันเรียนอะไรมา? ฉันจบปริญญาตรีหลักสูตรเต็มเวลาจากมหาลัยเฉพาะทางเลยนะ! นายสอบเข้ามหาลัยให้ได้ก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องการจับปลา”
กอร์ดอนทำหน้าตาสิ้นหวัง หมดกัน เขาคิดว่า ชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่มีทางที่จะได้จับปลาแล้วล่ะ
ในที่สุดฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวันก็หยุดลง สภาพอากาศยังคงอึมครึม แต่สามารถออกทะเลได้แล้ว ทีมก่อสร้างของวิลก็กลับมายังฟาร์มปลาแล้วเช่นกันพวกเขาเริ่มสร้างท่าเรือทั้งสองอย่างเต็มกำลัง
ฉินสือโอวพาชาร์ค ซีมอนสเตอร์ และอีวิลสันออกทะเลไปลาดตระเวนด้วยกันพวกเขาขับเรือหัวกว้างสองลำ บนเรือมีอวนจับปลาขนาดเล็กอยู่หนึ่งอัน พวกเขาจับปลาที่อยู่บริเวณชั้นบนของน้ำทะเล เพื่อดูว่ามีปลาที่ป่วยหรือมีปัญหาอะไรไหม
ไม่พบปัญหาเรื่องปลาป่วย แต่ตลอดทาง ฉินสือโอวพบว่าที่เขตทะเลของฟาร์มปลามีแมงกะพรุนอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่เป็นแมงกะพรุนห้าเหลี่ยมและแมงกะพรุนพระจันทร์.
เรือลาดตระเวนทั้งสองลำกระจายกำลังออกไปสองเส้นทาง ตอนสุดท้ายจึงกลับมารวมกัน ชาร์คที่อยู่บนเรืออีกลำก็พบปัญหาเดียวกัน เขาพูดขึ้นว่า “บอส แมงกะพรุนในฟาร์มปลา ค่อนข้างเยอะเลยล่ะ”
ซีมอนสเตอร์ก็พูดขึ้นว่า “น่าจะถูกกระแสน้ำอุ่นพัดมา ฉันเห็นว่ามีแมงกะพรุนพระจันทร์ด้วย ที่แถบทวีปอเมริกานี้ มีแค่ที่อ่าวเม็กซิโกเท่านั้นถึงจะมีสิ่งมีชีวิตในเขตร้อนพวกนี้”
แมงกะพรุนพระจันทร์เป็นแมงกะพรุนชนิดหนึ่งที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ด้วยความที่พวกมันสวยมาก พวกมันจึงเป็นเหมือนซูเปอร์สตาร์ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
แมงกะพรุนชนิดนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่สิบถึงสามสิบเซนติเมตร มีสีใสปนชมพูโปร่งแสงตลอดทั้งตัว หากมีแสงที่เหมาะสม เวลาที่พวกมันผุดขึ้นจากน้ำ จะเหมือนกับพระจันทร์หนึ่งดวงที่ค่อยๆลอยขึ้นมาจากน้ำทะเลลึก ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าแมงกะพรุนพระจันทร์
แต่สำหรับฟาร์มปลาแล้ว หากมีแมงกะพรุนพวกนี้เยอะก็จะกลายเป็นภัยพิบัติ อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นแมงกะพรุนแบบไหน หากมีมากเกินไป ก็จะทำให้ฟาร์มปลาเกิดความเสียหาย
ก็เหมือนกับการที่งูทะเลทั้งหมดล้วนแต่มีพิษ แมงกะพรุนทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นสัตว์ที่กินสัตว์ด้วยกันเป็นอาหาร พวกมันกินแพลงก์ตอน สัตว์น้ำมีเปลือกตัวเล็กๆ โพลีคีตา และปลาชนิดต่างๆเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมันยังชอบกินไข่ของปลาด้วย และนี่คือการสร้างความลำบากอย่างมาก
นอกจากนี้ แม้ว่าแมงกะพรุนจะดูสวยงามและอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วดุร้ายมาก พวกมันไม่มีอวัยวะในการหายใจทั้งยังไม่มีระบบหมุนเวียนโลหิต มีเพียง ระบบการย่อยอาหารเท่านั้น เมื่อกินเหยื่อแล้วก็จะย่อยและดูดซึมทางลำไส้ทันที
พวกมันไม่มีจิตสำนึก ไม่มีการครุ่นคิด แมงกะพรุนเป็นเพียงผู้บริโภคที่เรียบง่ายเท่านั้น หากพวกมันเจอเหยื่อ ก็จะไม่ยอมปล่อยให้รอดไปง่ายๆ
พวกมันยังมีอีกหนึ่งอย่างคล้ายกันกับงูทะเล นั่นก็คือส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่เป็นสัตว์มีพิษ รวมถึงแมงกะพรุนพระจันทร์ที่สวยงามไม่มีใครเทียบพวกนี้ด้วย
ฉินสือโอวดูข่าวในตอนเช้า เขาเห็นข่าวหนึ่งรายงานว่ามีผู้หญิงชาวอิตาลีคนหนึ่งไปพักผ่อนที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ร่างกายกลับได้รับพิษจากการถูกแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกสพัน
ขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษากันว่าจะกำจัดแมงกะพรุนพวกนี้อย่างไร เต่าตัวใหญ่หลายตัวก็ว่ายน้ำข้ามมาอย่างเอื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เต่าพวกนี้ก็ทำแค่อ้าปากงับ
เหมือนกับการที่เรียกว่าเอาน้ำเกลือต้มเต้าหู้ ของอย่างหนึ่งสามารถพิชิตของอีกอย่างหนึ่งได้ เต่าที่แสนเชื่องช้าไม่ได้ประหวั่นพรั่นพรึงกับสัตว์มีพิษร้ายแรงพวกนี้เลยแม้แต่น้อย เมื่อมันกัดแมงกะพรุนได้แล้วก็จึงดูดกลืนเข้าไปทันที เหมือนกับกำลังกินวุ้น พวกมันดูดเข้าปากเข้าไปทั้งอย่างนั้น
“ลืมไปเลยว่าที่นี่ยังมีเต่ามะเฟืองอยู่ ที่แท้เต่าพวกนี้ยังไม่ได้จากที่นี่ไป!” ชาร์คพูดขึ้นมาด้วยความฮึกเหิม
เต่ามะเฟืองชอบกินแมงกะพรุนมาก อีกทั้งการเคลื่อนไหวของพวกมันก็แข็งแกร่งมาก อย่ามองแค่ว่าพวกมันว่ายน้ำได้ช้า แท้จริงแล้วพวกมันมีความอดทนสูงมาก แถมยังชอบเดินทางไปทั่วโลก ครั้งก่อนชาร์คใช้เหาฉลามจับเต่ามะเฟืองมาได้ แต่ต่อมาก็ปล่อยมันไป เขาคิดว่าเจ้าพวกนี้จะว่ายหนีไปแล้วเสียอีก
ฉินสือโอวรู้ว่า เนื่องจากตอนนี้ที่ฟาร์มปลามีการจัดการด้านอนามัยที่ดี เต่ามะเฟืองฝูงนี้ก็เลยยังอยู่ที่นี่ แต่จำนวนเต่ามะเฟืองที่มากที่สุดก็แค่ยี่สิบตัว ส่วนฟาร์มปลาของเขามีแมงกะพรุนอยู่ตั้งกี่ตัวกัน? หนึ่งหมื่นตัว? สองหมื่นตัว? หนึ่งแสนตัว? ล้วนแต่เป็นไปได้ทั้งนั้น!
วัฏจักรชีวิตของแมงกะพรุนค่อนข้างสั้น โดยเฉพาะแมงกะพรุนน้ำตื้น ส่วนใหญ่แค่ไม่กี่สัปดาห์หรือมากสุดไม่กี่เดือนก็ตายแล้ว
ทว่า แมงกะพรุนสามารถสืบพันธุ์ได้ด้วยการแบ่งเซลล์ ฉินสือโอวกลัวว่าพวกมันจะแบ่งเซลล์ออกลูกออกหลานต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
เรื่องนี้ไม่มีวิธีแก้ไขที่ดีนัก ทำได้เพียงพักไว้ก่อนชั่วคราวเท่านั้น วันรุ่งขึ้นก็มีเรือประมงลำหนึ่งขับเข้ามา นี่ก็เพื่อมาส่งปูเสฉวนบก
เหมือนกับที่ชื่อของมันได้บอกไว้ ปูเสฉวนบกคือปูเสฉวนที่ใช้เวลาดำรงชีวิตอยู่บนบกเป็นส่วนใหญ่ หลังจากผ่านขั้นตอนการวิวัฒนาการที่แสนยาวนาน จากปูเสฉวนที่แต่เดิมมีชีวิตอยู่ในทะเล ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับพื้นดินและน้ำจืดและเริ่มรับสารอาหารจากพืชและผลไม้เพื่อดำรงชีวิต จนในที่สุดก็เปลี่ยนมาพึ่งพาอาศัยสภาพแวดล้อมบนบก ระบบการหายใจของปูเสฉวนก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถอยู่ในน้ำได้นาน
ทว่า พวกมันก็แยกจากน้ำไม่ได้ จึงทำให้สามารถอยู่ในน้ำได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เรือประมงไม่สามารถขึ้นมาเทียบฝั่งได้ เมื่อมาถึงริมฝั่งจึงเริ่มทำการหว่านพันธุ์ปูเสฉวนบก เลียบไปตามเส้นฝั่งทะเล เรือประมงค่อยๆเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ปูเสฉวนจำนวนมากก็ถูกปล่อยลงสู่ผืนน้ำ
เมื่อเทียบปูเสฉวนบกกับญาติปูเสฉวนของมันที่เกิดในทะเล ความสามารถในการปีนของพวกมันมีสูงมาก เมื่อลงไปในน้ำแล้ว พวกมันจะยกกระดองขึ้นทันที จากนั้นพวกมันก็จะก้าวเท้าเล็กๆเพื่อว่ายน้ำไปสู่ชายหาดอย่างเต็มกำลัง
เพียงครู่เดียว บนชายหาดก็ปรากฏให้เห็นรอยเท้าของสัตว์ตัวเล็กๆพวกนี้
ปูเสฉวนที่ฉินสือโอวสั่งซื้อมาในครั้งนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปูเสฉวนบกสีส้มแดง ปูเสฉวนบกสีม่วงเข้ม และปูเสฉวนบกสีขาวเทา ปูเสฉวนบกสามชนิดนี้ชอบที่จะพักพิงอยู่ในบริเวณริมฝั่งทะเล ระดับของการพึ่งพาน้ำทะเลค่อนข้างสูง
ส่วนปูเสฉวนบกชนิดอื่น เช่น ปูเสฉวนบก C.cavipes ปูเสฉวนบกตากลม ปูเสฉวนบกแคริบเบียนและปูเสฉวนบกชนิดอื่นๆ ก็ตัดขาดจากมหาสมุทรแล้ว พวกมันชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำจืดมากกว่า
เมื่อเป็นเช่นนี้กระดองสีส้มแดง สีม่วง และสีขาวเทาของปูเสฉวนบกจึงกระจายไปทั่วทั้งชายหาด หลังจากที่ปูเสฉวนบกพวกนี้ขึ้นฝั่งมาพวกมันก็หยุดวิ่งพล่าน แล้วก็พากันกำหนดอาณาบริเวณของใครของมันจากนั้นจึงมุดลงไปในชายหาด
ผ่านไปไม่นาน บนชายหาดก็แทบจะไม่เหลือร่องรอยของปูเสฉวนบกแล้ว แต่พวกมันก็สามารถทำภารกิจของตัวเองได้อย่างดี ถ้าหากมีสาหร่ายทะเล ซากปลาหรือซากกุ้งที่ตายแล้วถูกพัดเข้ามาบนชายหาดหรือบริเวณใต้น้ำของแถบชายฝั่งทะเล ปูเสฉวนบกพวกนี้ก็จะรับหน้าที่จัดการกับพวกมัน
ปูเสฉวนบกไม่น่ารับประทาน แต่พวกมันสามารถช่วยฟาร์มปลาได้อย่างมาก พวกมันคือพนักงานเก็บขยะของมหาสมุทร
เมื่อไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ฉินสือโอวจึงกลับไปวางแผนจัดสรรเงินแปดสิบล้านให้กับบ่อเพาะเลี้ยงปูเสฉวนบก เรื่องนี้ถึงถูกพักไว้ที่ตรงนี้
เมื่อเป็นเช่นนั้นฉินสือโอวจึงเตรียมตัวเพื่อเริ่มทำอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการนำเอาแผ่นเงินในเรือยอชต์ทรอลเลอร์ไปทิ้งไว้ที่เขตแนวปะการัง
เขาใช้ข้ออ้างว่าจะไปตรวจดูปูเสฉวนบก ฉินสือโอวจึงขับเรือออกทะเลไปด้วยตัวเอง คนที่เขาพามาด้วยมีแค่อีวิลสันเท่านั้น
ตั้งแต่ซื้อเรือมาเขาก็เรียนขับเรือกับชาร์ค ซีมอนสเตอร์ และนีลเซ็นมาโดยตลอด ตอนนี้ก็พยายามขับเรือออกทะเลได้บ้างแล้ว ขอเพียงแค่บนผิวทะเลไม่มีคลื่นลมลูกใหญ่ก็พอ
เมื่อมาถึงผิวน้ำด้านบนของแนวเขตปะการัง ฉินสือโอวก็พาอีวิลสันไปที่ห้องเก็บของบนเรือ แล้วสั่งให้เขานำแผ่นเงินทิ้งลงไปในน้ำ
สิ่งที่เขาคิดไว้นั้นถูกต้องแล้ว อีวิลสันเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งได้ดียิ่งกว่านีลเซ็นเสียอีก เขาไม่เพียงแต่ไร้ซึ่งข้อสงสัย แต่เขาถึงขั้นไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ พอฉินสือโอวออกคำสั่ง เขาก็ลงมือทำทันที ไม่มีข้อสงสัย ไม่ซักถาม ไม่มีความอยากรู้อยากเห็นเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้เจ้าหมอนี่ยังถึกทนแข็งแรง เมื่อลงมือทำงานก็ทุ่มเทสุดความสามารถ ฉินสือโอวอยากจะขนย้ายแผ่นเงินด้วยกัน แต่เขาก็รีบเข้ามาห้ามไว้ทันที “ผมทำเอง บอส คุณเป็นบอส งานของอีวิลสัน อีวิลสันต้องทำให้เสร็จ!”
ไม่มีการหยุดพัก อีวิลสันปีนขึ้นปีนลง แค่อึดใจเดียวก็นำเอาแผ่นเงินทิ้งลงไปในน้ำได้ทั้งหมด ในที่สุดร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อทั่วทั้งตัวก็หยุดนิ่งลง ตลอดการทำงานเขาเพิ่งจะพูดประโยคแรกออกมา “บอส ผมหิวมากเลย!”
“เข้าไปหาอะไรกินในเมืองกันเถอะ!”ฉินสือโอวตอบกลับไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ น้องชายคนนี้ คุ้มค่ากับที่เขาเลี้ยงดูจริงๆ!
เมื่อกลับไปถึงฟาร์มปลาทั้งคู่ก็พากันขับรถเข้าไปในเมืองทันที อีวิลสันถูกปล่อยให้กินอย่างบ้าคลั่งที่ร้านพิซซ่า ส่วนตัวเขาเองก็แยกไปเดินตลาด
เมื่อมาถึงตลาด เขาพบว่าที่นี่กลับมีหอยโข่งขาย อีกทั้งแต่ละอันก็ไม่ใช่อันเล็กๆ ส่วนใหญ่มีขนาดเท่ากับท้องนิ้วโป้ง เขาจึงรู้สึกมีความสุขขึ้นมา
เมื่อก่อนตอนที่ยังอยู่เกาะไหเต่า เขาก็ชอบทานหอยโข่งเผ็ด อาหารจานนี้ใช้ พริก ผัดกับน้ำมันถั่ว รสชาติยอดเยี่ยมสุดๆ เป็นกับแกล้มคู่กันกับเหล้าที่ดีที่สุด
บนเกาะแฟร์เวลที่สามารถพบหอยสังข์ได้ทุกที่ หอยโข่งจึงไม่รับการต้อนรับอย่างเห็นได้ชัด หอยโข่งหนึ่งปอนด์มีราคาแค่หนึ่งจุดสี่ดอลลาร์เท่านั้น นับว่าเป็นอาหารที่มีราคาต่ำอย่างหนึ่ง
น่าเสียดาย ตอนที่ฉินสือโอวกำลังตัดสินใจจะซื้อ เขาก็พบว่าหอยโข่งพวกนี้เริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันคงไม่ได้อยู่ที่นี่แค่วันสองวันแน่ๆ
นี่ทำให้เขารู้สึกหดหู่ เขาถามพนักงานที่คอยแนะนำการซื้อว่ามีหอยโข่งสดๆไหม พนักงานยักไหล่แล้วตอบเขาว่า “ไม่มี ของพวกนี้ไม่มีใครกิน ต่อไปนี้พวกเราคงไม่นำเขามาขายอีกแล้ว”
คนแคนาดาทานหอยโข่ง เพราะได้รับอิทธิพลมาจากอเมริกา สำหรับประเพณีของชาวอเมริกา คาเวียร์ เห็ดทรัฟเฟิล และหอยโข่ง นับว่าเป็นอาหารสามอย่างที่พวกเขาขาดไม่ได้ในชีวิต ในทุกๆปีไม่รู้ว่ามีกี่คนที่กินหอยโข่งจนเป็นพยาธิใบไม้ในตับ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหยุดบริโภคของสิ่งนี้
ทว่ามันเห็นได้ชัดว่า ของสิ่งนี้ไม่เป็นที่นิยมสำหรับชาวแคนาดา อย่างน้อยๆก็ที่เมืองแฟร์เวลที่มีคนทานน้อยมาก
หลังจากที่ฉินสือโอวกลับมาถึงแล้วก็ได้นำเอาเรื่องราวความน่าเสียดายพวกนี้ไปเล่าให้ชาร์คฟัง ชาร์คจึงแจ้งข่าวคราวที่ไม่สมกับเป็นเกาะแฟร์เวลให้ฟัง เขายิ้มแล้วตอบฉินสือโอวว่า “ถ้าหากคุณอยากกิน มันก็ไม่ได้ยากไม่ใช่เหรอ? ตอนบ่ายตอนบ่ายพวกเราไปงมหากัน ที่ริมทะเลสาบเฉินเป่าก็มี”
“ของแบบนั้น ผมไม่ค่อยชอบ” นีลเซ็นแสดงความคิดเห็นที่นานๆทีถึงจะมีของเขา อีกทั้งความคิดเห็นของเขาก็เป็นตัวแทนความคิดเห็นของชาวแคนาดาจำนวนมาก
ฉินสือโอวประสบความสำเร็จในการทำปลาคาร์ฟเอเชียมาก่อน เขาจึงพูดเสียงดังอย่างอวดดีว่า “นั่นก็เพราะว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำยังไงล่ะ ถ้าหากเป็นอาหารที่ฉันทำ พวกนายต้องชอบแน่ๆ”
เดิมทีฉินสือโอววางแผนไว้ว่าทานข้าวเสร็จแล้วจะไปงมหอย แต่กลับกลายเป็นว่าพอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เขากางร่มกันแดดออก พร้อมทั้งกางเก้าอี้ออกจากนั้นก็นอนหลับไป
ในชีวิตของฉงต้ามีงานอดิเรกอยู่สองอย่าง ก็คือกินกับนอน มองเห็นเจ้านายนอนหลับ ตัวมันเองก็ย่องเท้าเบาๆไปหาที่เย็นๆแล้วล้มตัวลงนอน
แต่ปรากฏว่า พอฉงต้าเริ่มฟุบลง เพียงครู่เดียวก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นมา มันลืมตาดูด้วยความรำคาญ จากนั้นมันจึงมองเห็นใบหน้าใหญ่อันโหดเหี้ยมราวกับปีศาจของอีวิลสัน!
………………………………………………….