ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1232 แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าสุดยอด
ชาร์คพูดถูก ฉินสือโอวไม่ได้มีหน้าที่ดูแลการหาเสียง แต่เป็นเออร์บักต่างหาก
พอตกเย็นเออร์บักก็กลับมายังฟาร์มปลา เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว แต่เขายังพาหญิงชราคนหนึ่งกับสุนัขพันธุ์สก็อตติช คอลลี่อีกหนึ่งตัวมาด้วย
ครั้งนี้หู่จือและเป้าจือไม่ได้เห่าออกมา พวกมันพากันจ้องมองไปยังสุนัขพันธุ์สก็อตติช คอลลี่ตัวนั้น มันอ้าปากลิ้นห้อยมองตาแป๋ว ท่านชายฉินรู้สึกว่าเจ้าสองตัวนี้เกิดอาการโลภขึ้นมา
ฉินสือโอวดึงแขนวินนี่ออกมา แล้วพูดเสียงเบาว่า “หู่จือกับเป้าจือโตแล้วล่ะ”
วินนี่ยิ้มพลางโบกมือไปทางเออร์บักเพื่อทักทายพวกเขาทั้งสองคน พลางพูดขึ้นเร็วๆ ว่า “ที่รักคะ คุณหญิงแมคคาลลียนมาด้วยค่ะ คุณอย่าพึ่งไปสนใจเด็กพวกนั้นเลย ไปทักทายคุณหญิงก่อนดีกว่าค่ะ”
ใช่แล้ว เธอเดินมากับเออร์บัก เธอเป็นสาวแกร่งทางการเมืองของแคนาดาที่เมื่อปีที่แล้วเคยมาที่ฟาร์มปลา เฮเซล แมคคาลลียน!
เมื่อเทียบกับเออร์บัก การกระทำทุกอย่างของฉินสือโอวดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย ดูสิว่าพวกเขาทำอะไรกัน การจ่ายเงินไม่ใช่ความสามารถ การเชิญแมคคาลลียนมาต่างหากที่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ มีคนแบบนี้มาช่วยหาเสียง แบบนี้ก็เหมือนการจับผู้สมัครเลือกตั้งคนอื่นมาแขวนคอเพื่อให้พวกเขาทำการยอมแพ้ชัดๆ
แม้ว่าชื่อเสียงของแมคคาลลียนที่สะสมมานานสามสิบหกปีจะอยู่ในฐานะของนายกเทศมนตรี แต่เธอไม่เพียงแต่จะเคยเป็นนายกเทศมนตรี แต่ยังเคยเป็นนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ปัจจุบันมิซซิซเซาเกาเป็นรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับที่หกของแคนาดา แต่ว่าสี่สิบปีก่อนหน้านี้เมืองมิซซิซเซาเกาเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เท่านั้น หรือพูดได้ว่าเธอมีประสบการณ์ในการจัดการเมืองเล็กๆ มาก่อน
ฉินสือโอวพาวินนี่เข้าไปทักทายเธอ วินนี่เข้าไปสวมกอดแมคคาลลียนพลางพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า “ยินดีต้อนรับค่ะ คุณหญิงแมคคาลลียน ดีใจจริงๆ ที่พวกเราได้เจอกันอีกครั้ง”
เมื่อคนเราแก่ลง การเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวสังเกตเห็นเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว อารมณ์และท่าทางของแมคคาลลียนนั้นต่างจากปีที่แล้วอยู่นิดหน่อย ยิ่งอายุมากก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น ตอนนี้เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะเห็นเธอผู้เป็นนายกเทศมนตรีของรัฐออนแทรีโอและเป็นสภาเมืองผู้ต่อสู้อย่างกล้าหาญเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน
ดูเหมือนว่าในขณะที่กำลังสังเกตความต่างที่เปลี่ยนไปนั้น ต้าป๋ายก็เดินสะบัดขนออกมาจากบ้าน มันมองไปยังสุนัขสก๊อตติซ คอลลี่อย่างแปลกใจ หลังจากนั้นมันก็กระโดดขึ้นหลังฉงต้าไปอย่างมีความสุข พร้อมที่จะไปเล่นกับหู่จือและเป้าจือ
ฉงต้าและต้าป๋ายกำลังเดินชมพระอาทิตย์ตกดินอยู่ เงาของพวกมันทั้งสองตัวทอดยาวไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเงาของทั้งสองตัวก็มาบรรจบกัน
แมคคาลลียนและฉินสือโอวจับมือกัน แมคคาลลียนหันไปมองบอลลูนขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือเมือง แล้วพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า “เออร์บักบอกว่า นี่เป็นเรื่องที่คุณทำ ใช่ไหม? อ้อ พระเจ้า ฮ่าๆ ฉันคิดว่าฉันอยู่ในดิกซ์วิลล์ นอทซ์เสียอีก บรรยากาศการหาเสียงแบบนี้ช่างสุดยอดไปเลย”
เมืองดิกซ์วิลล์ นอทซ์เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของรัฐนิวแฮมป์เชียร์ที่อยู่ใกล้กับชายแดนสหรัฐและแคนาดา ที่นั่นล้อมรอบไปด้วยภูเขา วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีผู้อยู่อาศัยในเมืองจำนวนไม่มาก มีประชากรทั้งหมดเพียงเจ็ดสิบกว่าคนเท่านั้น และประชาชนที่ลงทะเบียนแล้วมีเพียงยี่สิบเอ็ดคนเท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาที่ห่างไกล แต่จำนวนผู้เลือกตั้งก็สามารถส่งผลใหญ่ได้ หลังจากปี 1960 เป็นต้นมา ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งที่ผ่านมา เมืองเล็กๆ แห่งนี้กลับมีชื่อเสียงเป็น ‘อันดับหนึ่งของประเทศ’ นั่นก็เพราะว่าการเลือกตั้งจัดขึ้นที่นี่เป็นที่แรก และผลการเลือกตั้งก็ออกมาเร็วที่สุดด้วย ดังนั้นก่อนที่ชาวอเมริกันภูมิภาคอื่นจะทำการลงคะแนนเสียง พวกเขาต่างก็ให้ความสนใจต่อเมืองนี้เป็นอย่างมาก
เพราะเหตุนี้ นี่คือพื้นที่ในการโฆษณาที่ดีที่สุด ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี บรรยากาศการหาเสียงที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะครึกครื้นเป็นพิเศษ ทั้งสองฝ่ายต่างมองว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้เป็นสมรภูมิในการใช้ยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ การต่อสู้ที่ดุเดือดมักจะเริ่มขึ้นที่นี่
วินนี่ยังคงอิงแอบอยู่ข้างฉินสือโอวยิ้มหวานออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นสิ่งที่คู่หมั้นของฉันทำเพื่อฉันค่ะ เขาหวังว่าจะสามารถเติมเต็มความต้องการในการเป็นนายกรัฐมนตรีของฉันได้ ทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยฉันค่ะ”
ท่านชายฉินรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อันที่จริงแล้ววินนี่นั้นคอยช่วยเขามาตลอดต่างหาก
แมคคาลลียนมองไปยังฉินสือโอวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม พลางพูดขึ้นว่า “นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ สี่สิบปีก่อน สามีของฉันก็ช่วยฉันแบบนี้เหมือนกัน”
ในขณะที่พูด อารมณ์ของเธอก็ดูนิ่งสงบลงเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองบอลลูนอีกครั้ง แล้วพูดออกมาอย่างอาวรณ์ว่า “เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ สี่สิบปีแล้ว ไม่นานก็ผ่านมาขนาดนี้แล้ว”
เห็นได้ชัดว่า แมคคาลียนกำลังคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา การพูดขึ้นมาแบบนี้ค่อนข้างเห็นได้อย่างชัดเจน ฉินสือโอวรีบเชิญเธอเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว เชอร์ลี่ย์และพาวลิสที่กลับมาจากโรงเรียนกำลังดื่มน้ำผลไม้อยู่ด้วยท่าทีเรียบร้อย ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการหั่นผลไม้ ส่วนแมคคาลลียนก็เดินไปรอบๆ ทั่วทั้งบริเวณบ้าน
หู่จือกับเป้าจือก็กำลังเดินรอบบ้านอยู่เช่นกัน แน่นอนว่าสายตาของพวกมันไม่ได้จับจ้องไปที่แมคคาลลียน แต่เป็นสุนัขพันธุ์สก็อตติชที่อยู่ข้างๆ แมคคาลลียนต่างหาก
วินนี่สังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้าแลบราดอร์สองตัว เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ฉินสือโอวจะถามอะไรตัวเองสักอย่าง จึงได้พูดขึ้นว่า “ที่รักคะ เมื่อกี้คุณถามอะไรฉันนะคะ? เกี่ยวกับหู่จือเป้าจือนะคะ”
ท่านชายฉินกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วตอบกลับว่า “ผมบอกกับคุณว่า ดูเหมือนว่าหู่จือกับเป้าจือจะโตเต็มวัยแล้ว”
“โตแล้วก็ดีสิคะ พวกเด็กๆ ก็โตขึ้นตลอดอยู่แล้ว” วินนี่มองเขาด้วยสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่ามีอะไรให้น่ารู้สึกดีขนาดนั้นกันแน่ “คุณจะบอกว่าเวลาผ่านไปไวอย่างนั้นเหรอคะ?”
ฉินสือโอวพูดออกมาว่า “ไม่ใช่ ความหมายของผมคือ พวกมันสองตัวถึงช่วงผสมพันธุ์แล้ว! พวกเราไม่สามารถหยุดธรรมชาติของพวกมันได้ คุณดูสิตอนนี้พวกมันมีปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึก เจ้าสก็อตติชตัวนี้เป็นหมาแก่นะ!”
วินนี่เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองไปยังสุนัขพันธุ์สก็อตติชที่นอนขี้เกียจอยู่ข้างๆ แมคคาลลียน เธอรู้สึกว่าสุนัขเพศเมียตัวนี้มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูด จึงพูดออกมาอย่างคาดเดาว่า “ไม่แน่ว่า พวกมันอาจจะชอบสาวแก่ก็เป็นได้นะคะ?”
ฉินสือโอวมองไปยังวินนี่ด้วยสีหน้าตกใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่หรอกมั้ง? หู่จือกับเป้าจือไม่ได้ขาดความรักจากพ่อแม่ ทำไมพวกมันต้องมีใจให้กับอะไรแบบนี้ด้วยล่ะ?”
แมคคาลลียนเห็นคนทั้งสองกำลังซุบซิบกันอยู่ เธอจึงยิ้มกว้างออกมาแล้วถามว่า “พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากใช่ไหม?”
ฉินสือโอวและวินนี่หันมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสพร้อมกัน “พวกเรากำลังปรึกษากันว่าเย็นนี้จะทานอะไรกันดีนะคะ”
หลังจากที่พูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันแล้ว ทั้งสองคนก็มองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็หัวเราะออกมา ช่างรู้ใจกันเสียจริง
หู่จือและเป้าจือเบ้ปากมองไปยังคนทั้งสอง แม่เอ๊ย นี่เป็นการทรมานสุนัขโสดชัดๆ!
อาหารเย็นก็ยังคงเน้นอาหารมังสวิรัติเป็นหลัก ที่ฟาร์มปลามีผักสด ช่วงฤดูหนาวฉินสือโอวปลูกถั่วลิสงและข้าวโพดไว้ในเรือนกระจก ด้วยการบำรุงจากพลังโพไซดอน พืชผลเหล่านี้จึงสามารถอยู่รอดได้จนถึงช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาล และพวกมันก็โตมาเป็นอย่างดี
ฉินสือโอวทำอาหารทะเลคั่วธัญพืช อันดับแรกหั่นปูและล็อบสเตอร์ที่นึ่งแล้วนำไปผัดรวมกัน หลังจากที่ใส่ลงไปในกระทะแล้ว เขาก็ใส่ถั่วลิสงและข้าวโพดที่ล้างสะอาดแล้วลงไปผัดด้วยกัน ด้วยวิธีนี้จะทำให้กลิ่นของอาหารทะเลและธัญพืชที่ออกมานั้นแตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นรสชาติใหม่ขึ้น
แมคคาลลียนและวินนี่กำลังพูดคุยกันอยู่ วินนี่ปรึกษาเธอเกี่ยวกับข้อควรระวังและเทคนิคในการจัดปราศรัยในช่วงระหว่างที่หาเสียง
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง แมคคาลลียนก็ตบมือของวินนี่เบาๆ แล้วพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มดีใจว่า “เด็กน้อย คุณมีแฟนที่ดีอยู่ด้วย ดูจากที่พวกเธออยู่ด้วยกันแล้ว ฉันรับรู้ได้ถึงความสุขจริงๆ จากที่ฉันได้มองดูพวกคุณ ฉันได้เห็นถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เสียไปในอดีตมากมาย”
วินนี่พูดขอบคุณพลางยิ้มออกมา เมื่อเธอหันไปมอง เธอก็เห็นฉินสือโอวกำลังวุ่นวายอยู่ในห้องครัว โดยที่มีเสี่ยวเถียนกวากำลังปีนป่ายไปมาอยู่ข้างๆ เขาตั้งค่าเตาอยู่สักพักจากนั้นก็ก้มตัวลงไปเพื่อแกล้งลูกสาวตัวน้อย ท่าทางดูยุ่งวุ่นวายมาก
เมื่อเดินเข้ามาในห้องครัว วินนี่ก็เข้ามาสวมกอดฉินสือโอวและจูบเขาอย่างลึกซึ้ง ท่านชายฉินรู้สึกงุนงงขึ้นมา แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามหาเหตุผล แต่เป็นเวลาสนุกกับการแลกเปลี่ยนความรู้สึกระหว่างสามีภรรยามากกว่า
หู่จือและเป้าจือนอนมองพวกเขาทั้งสองคนที่หน้าประตูอย่างไม่พอใจ ทำร้ายสุนัขโสดอีกแล้ว!
……………………………………………………..