ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 130 ตลาดนัดจำลอง
แล้วก็เป็นไปตามที่คิดไว้ ช่วงบ่าย ฉินสือโอวได้รับสายโทรศัพท์หนึ่งสาย ดิค คอฟแมน ครูที่ปรึกษาของมิเชลล์และกอร์ดอนเป็นคนโทรเข้ามา
ระบบการศึกษาของแคนาดาแตกต่างกับของจีน ชั้นเรียนประถมของที่นี่มีจำนวนเด็กอยู่น้อยมาก อย่างชั้นเรียนประถมที่แกรนท์ ชั้นปีที่สองมีเด็กอยู่ไม่เกินสิบสี่คนเท่านั้น
ดังนั้น ในชั้นเรียนประถมพวกเขาจะไม่ได้แบ่งครูให้สอนตามแต่ละวิชา ชั้นเรียนหนึ่งจะมีครูแค่คนเดียว ที่ดูแลจัดการทุกอย่าง วิชาต่างๆก็ล้วนแต่เป็นครูคนเดียวกันที่รับผิดชอบ
เอาอย่างนี้ละกัน คุณครูแบบนี้กับคุณครูประจำชั้นก็เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว คุณครูแบบนี้จะรับหน้าที่ให้ความรู้แก่นักเรียน ทำหน้าที่ดูแลและโน้มนำนักเรียน คือหน้าที่ของครูที่ปรึกษา
โรงเรียนในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะโรงเรียนมัธยม ทุกชั้นเรียนจะมี “คุณครูที่ปรึกษา” ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “counselor” หรือ “advisor” คำว่า ‘อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา’ ของมหาวิทยาลัย ก็แปลมาจากคำนี้
การศึกษาในระดับชั้นประถมและมัธยมของจีนไม่มีหน้าที่นี้ ไม่สามารถเทียบกันกับอาจารย์ประจำชั้นได้ เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาจะไม่ได้สอนวิชาเรียน งานที่สำคัญที่สุดคือการชี้แนะ ให้ความช่วยเหลือและโน้มนำนักเรียน หรือก็คือคุณครูที่ให้คำปรึกษาทางด้านจิตใจ
นอกจากนี้ คุณครูที่ปรึกษายังรับหน้าที่ช่วยให้นักเรียนเลือกวิชาเรียนและกำหนดทิศทางในการเลื่อนชั้นเรียนของนักเรียนด้วย ทว่างานของคุณครูที่ปรึกษาคือการชี้แนะนำพาเป็นหลัก แต่จะไม่บังคับให้นักเรียนรับเอาทัศนคติและความคิดเห็นของตนเอง
อย่างเช่น หากมีนักเรียนที่คะแนนไม่ดีแต่อยากสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง คุณครูที่ปรึกษาจะไม่บอกว่า “เธอทำไม่ได้หรอก” และยิ่งไม่สามารถโน้มนำนักเรียนให้สมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ไม่เหมาะกับคณะวิชาของนักเรียนโดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าศึกษาต่อของนักเรียนในโรงเรียน หากแต่มีหน้าที่ต้องบอกกับนักเรียนว่า เงื่อนไขการรับเข้าศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังมีอะไรบ้าง คะแนนของนักเรียนตอนนี้เป็นอย่างไร ให้นักเรียนเป็นคนเปรียบเทียบและเห็นส่วนที่ยังขาดอยู่ด้วยตนเอง
แน่นอนว่า คุณครูที่ปรึกษาของโรงเรียนที่แคนาดาก็ไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องความรักของนักเรียนได้ แม้กระทั่งการสอนนักเรียนที่สูบบุหรี่และดื่มเหล้า ก็ทำได้เพียงบอกนักเรียนเท่านั้น ว่าสูบบุหรี่อยู่ภายในบริเวณรอบๆโรงเรียนกี่ฟุตถึงจะผิดกฎ เด็กที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบเอ็ดปีที่ดื่มเหล้าก็ผิดกฎเช่นกัน รวมทั้งบอกถึงผลของการกระทำผิดในเรื่องต่างๆว่ามีอะไรบ้าง
เมื่อนักเรียนทำผิดระเบียบ ทำผิดกฎ หรือทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง คุณครูที่ปรึกษาจะส่งเรื่องให้กับคุณครูหัวหน้าที่ปรึกษา อีกคนที่มีหน้าที่ดูแลโดยเฉพาะ
คุณครูที่ปรึกษามีหน้าที่นำนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรม คอฟแมนโทรมาหาเขา ก็เพื่อเชิญฉินสือโอวทำหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้ปกครองให้เด็กทั้งสองคนมาร่วมงานการจำลองในวันจันทร์หน้า
ในสายโทรศัพท์ฉินสือโอวสอบถามถึงสถานการณ์ของมิเชลล์และกอร์ดอนในโรงเรียน แต่ปรากฏว่าคอฟแมนกลับพูดกับเขาด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า ‘ไม่ค่อยดีเท่าไร!”
“พวกเขาเป็นเด็กดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่ว่านิสัยของพวกเขาทั้งสองคนนั้นค่อนข้างที่จะโลกส่วนตัวสูง มิเชลล์ปฏิเสธที่จะคบเพื่อน ส่วนกอร์ดอนถึงจะยอมเล่นกับเพื่อนคนอื่น แต่ก็เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำมากกว่า นอกจากนี้สิ่งที่ผมค่อนข้างกลัวก็คือ ปฏิกิริยาของพวกเด็กๆคนอื่นที่มีต่อเขาสองคนค่อนข้างรุนแรง!”
ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาปฏิบัติหน้าที่ผู้ปกครองได้บกพร่องแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่ถามเด็กๆ ถึงสถานการณ์ที่โรงเรียน แต่ลืมที่จะไปสอบถามกับคุณครูที่โรงเรียน
ทว่าคอฟแมนก็จัดการเรื่องเด็กๆทั้งสองคนได้อย่างคนมองโลกในแง่ดี เขาบอกกับฉินสือโอวว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเขาแค่มีอาการเครียดหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงมา ตอนนี้อายุยังน้อยอยู่ ความเป็นไปได้ที่จะได้รับการแก้ไขมีสูงมาก ขอแค่ให้พวกเขาคบเพื่อนเยอะๆ ต่อไปก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาไม่ได้ติดต่อฉินสือโอวเรื่องนี้
วันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งสองวัน ฉินสือโอวกับเด็กๆก็ช่วยกันนวดแผ่นแป้งจากนั้นก็ห่อเกี๊ยว เกี๊ยวทั้งสี่แบบห่อไว้ทั้งหมดหนึ่งร้อยชิ้น
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฉินสือโอวที่รีดแผ่นแป้ง ส่วนเด็กๆทั้งสี่คนรับหน้าที่ห่อเกี๊ยว หลังจากที่พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะการจับจีบแผ่นแป้งแล้ว กระทั่งเชอร์ลี่ย์ก็ยังสามารถห่อเกี๊ยวรูปหยวนเป่าได้เหมือนกันกับของฉินสือโอว
บ่ายวันอาทิตย์ ในที่สุดเออร์บักที่ไม่ได้เจอหน้ามานานก็มาถึงฟาร์มปลาแล้ว
เออร์บักขับรถบีเอ็มดับเบิลยูเข้ามาที่ฟาร์มปลา เด็กๆทั้งสี่คนที่มีแป้งติดเต็มมือก็ตื่นเต้นดีใจ แล้ววิ่งออกไปต้อนรับเขา
“คุณปู่เออร์ คุณปู่เออร์ พวกเราได้เรียนทำเกี๊ยวน้ำด้วย รอสักครู่เดี๋ยวเราจะต้มแล้วเอามาให้ลองชิม”
“ต้องกินอันที่ผมทำ อันที่ผมทำถึงจะดีที่สุด ฉินก็ยังชมผมเลย”
“คนที่ห่อได้ดีที่สุดคือเชอร์ลี่ย์ต่างหาก กอร์ดอน นายกล้าพูดจังเลยนะ ตอนนั้นฉินเห็นว่านายกำลังจะร้องไห้เลยต้องปลอบใจนาย แบบนั้นไม่เรียกว่าชม โอเคไหม?”
“เฮ้ มิเชลล์ เธออยากโดนตีหรือไง?”
“นายพูดอย่างกับว่านายจะตีฉันได้อย่างนั้นแหละ จะลองสักตั้งไหมล่ะ? ฉันใช้แค่ปืนก็พอ ส่วนนายจะใช้อะไรก็ได้”
เออร์บักได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอึ้งไป เขาถามเด็กๆว่า “พวกเธอจะทำอะไรนะ? ทำไมถึงต้องใช้ปืน?”
ฉินสือโอวหัวเราะตอบ “พวกเขาพูดถึงเกม CSOL กันอยู่ครับ”
เออร์บักส่ายหัวใส่เขา แล้วพูดขึ้นว่า “พวกเขายังเด็กเกินไป อย่าเล่นเกมที่รุนแรงแบบนี้เลย
ฉินสือโอวอธิบายว่า “เป็นแค่เกมคอมพิวเตอร์น่ะครับ ระดับความสมจริงต่ำมาก นานๆเล่นทีไม่น่าจะเป็นอะไร ผมคงไม่ปล่อยให้พวกเขาเล่นเกมที่มีความสมจริงสูงแบบ X-BOX หรอกครับ”
เมื่อเป็นเช่นนี้เออร์บักจึงพยักหน้าตอบ เด็กๆทั้งสี่คนก็เดินตามกันลงมาถึงในห้อง
ตั้งแต่ที่เออร์บักมาถึงฉินสือโอวก็สังเกตเขาอยู่ตลอด เขาพบว่าจิตใจของชายสูงวัยยังคงดีอยู่ จึงวางใจได้ ช่วงระยะเวลาสั้นๆก่อนหน้านี้ เออร์บักออกจากเกาะแฟร์เวลไปติดๆกันหลายครั้ง จนทำให้เขารู้สึกกังวล
ก่อนจะทานอาหารค่ำ อีวิลสันก็กลับมาถึงบ้านพัก เมื่อเออร์บักมองเห็นเงาขนาดมหึมาของเขา ก็ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ เขาตบลงบนตัวฉินสือโอวเบาๆแล้วพูดว่า “ฉิน ฉันมองไม่ผิดเลย นายเป็นคนดีคนหนึ่ง ดีมากๆ ฉันสบายใจแล้ว”
ฉินสือโอวก็ฝืนยิ้มออกมา เขารู้สึกว่าคำพูดนี้ของเออร์บักมีอะไรแปลกๆ
อาหารหลักของมื้อค่ำคือเกี๊ยว นอกจากนี้ฉินสือโอวยังทำปลาซาบะผัดซอสซาวครีม ซุปถั่วเผ็ดเม็กซิโก เนื้อปลาทอด สเต๊กปลาทอดต่างๆ หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็ยังมีของหวานอย่าง พัฟครีมและพายบลูเบอร์รีที่เตรียมไว้อีกด้วย
เออร์บักชิมเกี๊ยวทุกแบบแล้ว เขาเอ่ยชมฝีมือของเด็กๆทั้งสี่คนอย่างไม่หยุดปาก จนพวกเขายิ้มออกมาด้วยความเบิกบานใจ
นี่ทำให้ฉินสือโอวค่อนข้างกลุ้มใจ ดูเหมือนว่าเด็กๆทั้งสี่คนจะผ่อนคลายกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเออร์บัก
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วฉินสือโอวก็ยกเอาพัฟครีมและพายบลูเบอร์รีออกมา เชอร์ลี่ย์ตักออกมาให้เออร์บักก่อนหนึ่งชิ้น เขาก็ยิ้มให้อย่างใจดี เมื่อทานไปได้หนึ่งคำ เขาก็หันไปข้างหลัง แล้วจึงอ้าปากอ้วกออกมา
“คุณเป็นอะไรไหม?”ฉินสือโอวรีบเข้าไปถาม
เออร์บักส่ายหัว แล้วตอบกับเขาว่า “ไม่เป็นไร ฉิน ช่วงนี้ฉันท้องไส้ไม่ค่อยจะดีน่ะ คลื่นไส้อาเจียนตลอดเลย”เขาเข้าไปใกล้ฉินสือโอวกว่าเดิม พูดเสียงเบาว่า “คิดว่าเกี๊ยวน้ำที่กินเข้าไปยังต้มได้ไม่สุก ไม่ต้องพูดนะ เดี๋ยวเด็กๆจะเสียใจ”
กอร์ดอนและมิเชลล์เป็นคนต้มเกี๊ยว พรุ่งนี้พวกเขาทั้งสองคนก็รับหน้าที่ต้มเกี๊ยวเช่นกัน
ฉินสือโอวเห็นว่าเออร์บักไม่ได้ไม่สบายจริงๆ จึงวางใจได้ โชคดีที่ไม่ได้อ้วกออกมาเป็นเลือด ไม่อย่างนั้นคงจะวุ่นวายกว่านี้แน่
เออร์บักเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของเด็กๆทั้งสี่คน ดังนั้นวันต่อมา พวกเขาทั้งสองคนจึงตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมการจำลองของโรงเรียนประถมแกรนท์
ฉินสือโอวไปตั้งแต่เช้า เขาตื่นมาตอนหกโมงเช้าโดยที่ไม่ได้ไปออกกำลังกาย แล้วจึงขับรถไปที่โรงเรียนเพื่อจองที่ก่อน นอกจากนี้เขายังต้องจัดการหน้าร้านอีกด้วย
เขาเพิ่งจะซื้อเต็นท์สไตล์มองโกเลียมาหนึ่งหลัง เมื่อกางออกมาแล้ว ก็แขวนพวงพริกแห้งและพวกกระเทียมลูกใหญ่ไว้ข้างบน ที่ข้างประตูทางเข้าติดกลอนคู่ที่เพิ่งจะทำไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา แบบนี้ทำให้ดูประหลาดนิดหน่อย แต่คนแคนาดาที่ไม่ค่อยคุ้นชิน ก็คงจะคิดว่านี่คือสไตล์จีนๆนั่นเอง
นอกจากนี้ ฉินสือโอวยังเตรียมเพลงภาษาจีนไว้ในโทรศัพท์อย่างเช่นเพลงไคเหมินต้าจี๋ หรือเพลงกงสี่ฟาไฉ เพื่อเตรียมไว้เปิดผ่านตู้ลำโพง
กิจกรรมในครั้งนี้สำคัญกับหลายครอบครัวในเมืองนี้มาก ตั้งแต่เช้าก็จะมีคนหลายคนที่มาช่วยลูกจัดการหน้าร้าน แล้วก็ยังมีคนที่มาจองที่ พร้อมกันกับลูก หนึ่งในนั้นก็มีฮิวจ์อยู่ด้วย
…………………………………………………………….