ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1302 ผักสวนครัวปลูกเอง
แปลงฟักทองพื้นที่ไม่ใหญ่ มีเพียงแค่หนึ่งเอเคอร์ครึ่งเท่านั้น ฉินสือโอวปลูกฟักทองก็เพื่อจะนำไปฉลองวันฮาโลวีน คนในฟาร์มปลาก็มีไม่มาก ฟักทองสิบกว่าลูกก็เพียงพอแล้ว
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ นี่ก็ไม่ใช่งานง่ายสำหรับพวกเด็กๆ เลย แปลงผักขนาดหนึ่งเอเคอร์ครึ่ง แถมวัชพืชในแปลงก็มีไม่น้อยอีก กอร์ดอนเหงื่อไหลท่วมตัวอยู่ในแปลงผัก ทำไปสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมาดู เฮ้ย ทำไมถึงทำไปได้แค่นี้เอง?
ชาร์คน้อยสะบัดจอบไปมาเพื่อพรวนดิน นีลเซ็นเดินผ่านมาเห็นท่าทีการสะบัดจอบที่รวดเร็วของเขาแล้ว ก็พูดว่า “ตั้งใจทำนะ เจ้าหนู หากใช้จอบได้ดีแล้วล่ะก็ อีกหน่อยพอขึ้นชั้นมัธยมปลายกับมหาลัยแล้ว จะต้องได้ใช้อย่างแน่นอน”
ชาร์คน้อยเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยเสียงใสซื่อว่า “ชิท ขึ้นชั้นมัธยมปลายกับมหาวิทยาลัยแล้วยังต้องพรวนดินอีกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมยอมเป็นชาวประมงดีกว่า ผมไม่อยากเป็นชาวสวนหรอก!”
นีลเซ็นหมดคำจะพูด ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ขอแค่ใช้จอบได้ดี ก็ไม่มีกำแพงไหนที่ล้มไม่ได้ นายไม่เคยได้ยินประโยคนี้เหรอ?”
ชาร์คน้อยตกใจมากกว่าเดิมแล้วพูดว่า “ชิท ขึ้นมัธยมปลายกับมหาวิทยาลัยแล้ว ยังต้องทำงานก่อสร้างด้วยเหรอ? งั้นผมก็ยังยอมเป็นชาวประมงอยู่ดี”
“นายอยู่รอเป็นสุนัขโสดไปเถอะนะ” นีลเซ็นพูดด้วยน้ำเสียงเคืองกับความไม่ได้เรื่องของเด็กคนนี้
ฟักทองเหมือนกับผักประเภทแตงอื่นๆ จำเป็นต้องพึ่งรากที่แข็งแรงมากในการดูดน้ำและสารอาหาร ไม่อย่างนั้นต่อไปหากมีลูกฟักทองออกมาแล้ว ลูกจะเติบโตได้ช้ามาก
ดังนั้น ขั้นตอนการพรวนดินของชาร์คน้อยและการใส่ปุ๋ยของพาวลิสจึงสำคัญมาก ดีที่เด็กน้อยที่แข็งแรงอย่างกับวัวสองคนนี้ทำงานได้ดี ฉินสือโอวตามดูอยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรจึงไปช่วยเชอร์ลี่ย์กับมิเชลตัดกิ่งและตอนกิ่งแทน
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องตัดแต่งและตอนกิ่งเถาวัลย์ของฟักทองแล้ว หากว่ามีใบเยอะเกินไป จะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของแตงได้ง่าย
ฉินสือโอวสอนให้ทั้งสองคนเด็ดกิ่งด้านบนสุดออก เก็บไว้แต่กิ่งด้านข้างเถาวัลย์แทน ให้พวกมันเติบโตไปตามแนวขวาง แบบนี้ต้นกล้าฟักทองหนึ่งต้นจึงจะสามารถออกลูกฟักทองได้มากขึ้น
พวกเด็กๆ ใช้เวลาทำงานกันถึงครึ่งช่วงบ่ายถึงได้ทำงานในแปลงฟักทองจนเสร็จ แต่ละคนเหงื่อไหลไคลย้อย เนื้อตัวเต็มไปด้วยใบหญ้าและดิน ดูไปแล้วเหมือนกับลิงแม็กแคก
กอร์ดอนเดินหายใจเฮือกออกมา กำลังจะอ้าปากบ่น ฉินสือโอวหยิบเงินออกมายื่นให้ ทันใดนั้น ดวงตาทั้งสองของเด็กๆ ก็เปล่งประกาย นำความลำบากที่มีในช่วงครึ่งบ่ายนี้โยนไปสู่สวรรค์ชั้นเก้าไปเลย
ต่อไปก็เหลือแค่งานรดน้ำ ฉินสือโอวขับรถรดน้ำออกมา งานนี้ง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว รถรดน้ำของฟาร์มปลาดัดแปลงมาจากปืนฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อนำมาใช้รดน้ำแปลงองุ่นที่กว้างขวางโดยเฉพาะ ขอบเขตในการรดน้ำทีหนึ่งก็ครอบคลุมได้ถึงหนึ่งเอเคอร์ครึ่งแล้ว หรือก็คือเป็นการใช้แรงจากเครื่องยนต์ทั้งหมด ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งนาทีก็สามารถรดน้ำได้ทั่วแปลงฟักทองแล้ว
ฉินสือโอวแผ่พลังโพไซดอนเข้าไปในน้ำ ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเดินเครื่อง ม่านสายน้ำก็ปรากฏไปสู่ด้านบนของแปลงฟักทอง ใช้เวลาแค่ไม่นานก็เสร็จงานตรงนี้แล้ว เป็นการแสดงศักยภาพของวิวัฒนาการในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่
จอดรถรดน้ำเสร็จ เขาก็ไปเดินดูที่แปลงผักสวนครัวข้างๆ กลางฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเก็บเกี่ยวของผักสวนครัว ถั่วแขก ถั่วฝักยาว พริก แตงกวา และมะเขือเทศ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็เก็บได้มาเป็นกองเลย
ตอนค่ำพวกชาวประมงทำงานเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็เรียกพวกเขาให้มาแบ่งผักสวนครัวไปกิน
ผักสวนครัวที่ปลูกเองของฟาร์มปลากลายเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งที่ให้กับชาวประมง ตั้งแต่สร้างโครงผักสวนครัวเสร็จแล้ว พวกชาวประมงก็ไม่ต้องไปซื้อผักกันอีกเลย พากันมากินพร้อมกับฉินสือโอวทั้งนั้น
อย่าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย การทำแบบนี้เดือนหนึ่งสามารถประหยัดเงินได้มากโขเช่นกัน ราคาของผลไม้และผักสดที่แคนาดาสูงมาก แถมยังขึ้นราคาเร็วมากอีกด้วย ตั้งแต่ฉินสือโอวมาที่เกาะแฟร์เวลจนถึงปัจจุบัน เวลาผ่านไปไม่ถึงสามปี ราคาโดยรวมของผักสดก็ขึ้นมาเกินกว่า 20% แล้ว!
จุดนี้ยังไม่เกินไป ฉินสือโอวดูข่าว บริษัทแคนาเดียน บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่นประกาศว่า จากบันทึกของสำนักงานสถิติในแคนาดา ราคาอาหารใน 6 เดือนนี้สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 3.5% ในนั้นแบ่งเป็นราคาผักสดขึ้นมา 11.5% ซึ่งสูงกว่าพวกเนื้อสัตว์ถึง 4.4%
และนี่ยังเป็นแค่สถิติในปีเดียวเท่านั้น!
อ้างอิงจากบริษัทแคนาเดียน บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น ในบรรดาผักสดราคาของขึ้นฉ่ายขึ้นสูงที่สุด เดือนมิถุนายนในปีนี้ราคาสูงขึ้นกว่าเดือนมิถุนายนของปีที่แล้วถึง 19% ราคาของผักสลัดแก้ว มะเขือเทศและถั่วแขกก็ไม่ธรรมดา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนในปีนี้ เพียงแค่เดือนเดียวก็ขึ้นมาถึง 8.5%
ผักพวกนี้ล้วนมีปลูกในฟาร์มปลาทั้งหมด พวกชาวประมงกินผักที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ แถมเพราะผักพวกนี้ถูกพลังโพไซดอนปรับปรุงใหม่ ทำให้รสชาติดีกว่า สารอาหารมากกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของอาหารด้วย
เหตุผลที่ทำให้เกิดปัญหานี้ ก็เพราะผลไม้และผักสดของแคนาดามาจากการนำเข้าถึง 80% อัตราการผลิตเองของพวกเขาแย่มาก ส่วนทางด้านเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ทางทะเล เช่นเนื้อแพะ เนื้อวัวและเนื้อหมู ในแคนาดาถือว่าผลิตได้พอกินพอใช้
ความจริงแล้วในสองปีมานี้ เนื่องจากค่าเงินแคนาดาที่ต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้สินค้าที่แคนาดานำเข้ามาขึ้นราคากันหมด ไม่ใช่แค่ผักสดและผลไม้เท่านั้น เพียงแต่ว่าผักสดและผลไม้เป็นสิ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินได้ง่ายเท่านั้น
พวกชาวประมงพากันเลือกผักกันอย่างเอะอะโวยวาย ฉินสือโอวก็พูดด้วยเสียงทอดถอนใจว่า “ชิท ได้ข่าวว่าข้างนอกราคาผักสดและผลไม้ขึ้นกันเป็นว่าเล่นเลย ตอนนี้ประชาชนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในความลำบากแร้นแค้นหรือไง?”
ชาร์คพูดด้วยเสียงโกรธเคืองว่า “นั่นน่ะสิครับ เงินแคนาดาในมือของพวกเราก็มีค่าน้อยลงเรื่อยๆ อัตราเงินเฟ้อก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ภาษีก็เก็บแพงขึ้นเรื่อยๆ ใครกันที่บอกว่าแคนาดาคือหนึ่งในห้าประเทศของโลกที่เหมาะแก่การอพยพที่สุด? ถ้าเจอจะใช้ฉมวกแทงปลาทำให้เขาดื่มด่ำกับความรู้สึกที่หนาวเย็นไปสุดขั้วหัวใจให้ดู”
พวกผู้ชายอยู่ด้วยกัน สิ่งที่ชอบทำมากที่สุดก็คือคุยโม้กัน ส่วนเรื่องคุยโม้ที่สนุกมากที่สุดก็คือเรื่องการเมืองของประเทศ เป็นเรื่องที่ดึงดูดคนได้ดีกว่าเรื่องผู้หญิง รถยนต์และการออกกำลังกายเสียอีก
ฉินสือโอวแค่เอ่ยปาก พวกชาวประมงก็พากันตื่นตัวขึ้นมาแล้ว พากันแบ่งผักกันไปพลางด่ารัฐบาลแคนาดาไปพลาง
ในเวลานี้ เรื่องดำมืดในหมู่รัฐบาลค่อยๆ เปิดฉากออกมา ทุกคนต่างก็พูดว่าพวกเขาได้รับข่าววงในมา ประมาณว่าธนาคารแคนาดาเตรียมจะพิมพ์ธนบัตรอีกหลายร้อยล้านเพื่อมารับมือกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ และแคนาดาเตรียมจะเปิดศึกที่ไหนสักที่เพื่อทำการพลิกวิกฤตทางเศรษฐกิจ ฉินสือโอวฟังไปอย่างสนุกสนาน
ไม่นาน พวกทหารทั้งหลายก็เข้าร่วมการสนทนาด้วย ดังนั้นรัฐบาลที่โดนด่าในตอนนี้นอกจากแคนาดาแล้ว แม้แต่อเมริกาเองก็โดนไปด้วย
ฉินสือโอวให้พาวลิสกับกอร์ดอนไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นห้องครัวมา ไหนๆ ก็ไหนแล้วให้ทุกคนมาดื่มเบียร์นั่งคุยกันแล้วกัน อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่มีงานอะไรต้องทำอยู่ดี
พอเบียร์ได้เข้าปากไปเล็กน้อย บรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้น คำพูดแนวๆ ‘ชิท’ ‘ฟัค’ ได้หลุดออกมาไม่ขาดสาย ทุกคนต่างพากันก่นด่าอย่างบ้าคลั่ง ข่าวลือวงในต่างๆ นานาถูกพูดออกมาไม่หยุด ฟังจนฉินสือโอวเหมือนได้เปิดโลกกว้าง
พวกแบล็คไนฟ์ถือว่าตัวเองมีเพื่อนร่วมรบหลายคนที่ทำงานในหน่วยราชการลับ ทำให้พอได้คุยโม้แล้ว ก็เบรกกันไม่อยู่เลยทีเดียว ราวกับว่าพวกเขาได้กินข้าวดื่มเหล้ากับพวกโอบามาและฮิลลารีทุกวันอย่างนั้นแหละ ไม่ว่าข่าววงในอะไรก็มีออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุด
ฉินสือโอวฟังอย่างออกรสออกชาติ ไวส์ก็สนใจมากเหมือนกัน จึงเข้ามาร่วมวงฟังพวกเขาคุยโม้ด้วย
เพราะว่าพวกชาวประมงกับพวกทหารต่างก็เป็นพวกคนเถื่อนทั้งนั้น พอได้พูดเรื่องแบบนี้แล้วทำให้มีคำหยาบผุดออกมาไม่หยุด ฉินสือโอวจึงไม่ให้ไวส์มาฟังด้วย ไวส์ไม่พอใจแล้วพูดว่า “ผมเป็นคนอเมริกัน อาจารย์ ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องวงในของประเทศพวกนี้นะ ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยจะออกไปสู่ยุทธภพได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวกลอกตา กล่าวว่า “กลับบ้านไปถามพ่อนายสิ พ่อนายรู้เรื่องวงในมากกว่าอีก ใช่แล้ว นายจะกลับบ้านเมื่อไร?”
ไวส์ยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่รู้ครับ พ่อบอกว่าถึงเวลาจะมีเครื่องบินมารับผมเอง จากนั้นก็ให้พวกเราบินไปวอชิงตันด้วยกัน รู้สึกว่าที่วอชิงตันจะมีการประชุมอะไรสักอย่าง เป็นการประชุมของประธานาธิบดีของเรากับผู้นำประเทศในทวีปยุโรป พ่อผมก็ต้องไปร่วมงานด้วย”
เขาเพิ่งพูดจบเท่านั้น พวกทหารที่เมื่อกี้กำลังคุยกันน้ำลายพุ่งอยู่ก็พากันมองหน้ากันในทันที แบล็คไนฟ์เลียนแบบการพูดของฉินสือโอวว่า “น้องชาย นายนี่วางมาดได้มีระดับจริงๆ นะ ฉันจะต้องจัดการหมุนตัวนายสามร้อยหกสิบองศาสักหน่อยแล้ว!”
……………………………………………………