ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1308 อาหารกลางวันบนเมฆขาว
แก๊สบนเตาเป็นการดึงท่ออันหนึ่งจากท่อแก๊สของบอลลูนมาใช้ เพราะว่าบนท้องฟ้าลมแรง ดังนั้นจึงทำการใช้เตาแก๊สในโหมดกันลม หลังจากไฟติดแล้วก็จะเหมือนกับไฟแช็กกันลมที่มีไฟลุกโชนพุ่งออกมา
ฉินสือโอวต้องเตรียมการอะไรหลายอย่าง วินนี่จะเข้ามาช่วย เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ๆ ที่รัก งานวันนี้ทั้งหมดให้ผมจัดการเอง ผมรับผิดชอบเรื่องงาน คุณรับผิดชอบเรื่องความสุข”
ฉินสือโอวถูมือไปมา แล้วมองไปที่วัตถุดิบตรงหน้าที่มีมากมายหลายประเภท มีมะเขือเทศ หัวหอม ชิ้นปลาค็อด และเนื้อจำพวกเบคอนกับแฮม
วัตถุดิบพวกนี้ส่วนมากจะเป็นกึ่งสำเร็จรูป อย่างเช่น สเต๊กเนื้อวัวที่ย่างสุกประมาณสี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เนื้อปลาค็อดและเบคอนก็ทอดเสร็จไว้แล้ว หัวหอมหั่นแว่นไว้ มันฝรั่งก็นึ่งแล้ว เขาใช้แผ่นฟอยล์ห่อวัตถุดิบพวกนี้ไว้ ถือว่าเก็บรักษาได้ไม่เลวเลย
วันนี้เขาวางแผนจะทำอาหารตะวันตก ปกติตอนอยู่บ้าน วินนี่จะเป็นคนทำอาหารตะวันตก เขาทำอาหารจีน วันนี้มาเปลี่ยนรสชาติกันบ้าง
อันแรกเริ่มจากการย่างกระดูกวัว อาหารจานนี้ค่อนข้างง่าย กระดูกวัวย่างเสร็จแล้ว ตอนนี้ที่ต้องทำก็คือซอส หลังจากราดซอสไว้ด้านบน อาหารจานนี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
กระดูกวัวสามารถย่างล่วงหน้าได้ แต่ซอสไม่สามารถทำไว้ก่อนได้ ฉินสือโอวเตรียมแผ่นหัวหอม แครอทหั่นเต๋า แผ่นมันฝรั่ง และขึ้นฉ่ายมาใส่รวมกัน จากนั้นก็เทน้ำมันลงในกระทะ หลังจากน้ำมันเดือดได้ที่แล้ว ก็ใส่ผักลงไปผัด
พอผัดจนสุกแล้ว ก็นำกระดูกวัวที่ย่างเสร็จแล้วใส่ลงไปในกระทะ อุ่นอาหารโดยใช้ไฟต่ำ เทไวน์แดงลงไป ต้มต่ออีกไม่กี่นาที รอให้ซอสข้น เติมน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ใส่ผักเพิ่มรสชาติจำพวกใบเบย์ลงไป แล้วก็อบอีกสักพักก็เป็นอันเสร็จ
อาหารจานนี้ทำง่ายมาก แต่การทำอาหารบนบอลลูนก็ต้องเน้นการทำง่ายไว้ก่อน การมาที่นี่ก็เพื่อความโรแมนติก ไม่ได้มาเพราะอยากจะกินข้าวหรอก
อาหารจานที่สองคือสเต๊กเนื้อแพะทอดธรรมดา ตอนอยู่บนพื้นดินเขาได้เตรียมทอดสเต๊กเนื้อแพะจนสุกแล้ว ที่ต้องทำตอนนี้ก็คือซอสอีกเหมือนเดิม การทำซอสเป็นเรื่องที่ยุ่งยากในการทำอาหารตะวันออกหลายเมนู เพราะต้องพึ่งซอสมาเพิ่มรสชาติ
วิธีการทำซอสในครั้งนี้คล้ายกับการทำซอสของกระดูกวัวย่าง จุดที่ไม่เหมือนกันก็คือฉินสือโอวใช้กระเทียมสับ ออริกาโนผง โรสแมรีผงและเกล็ดขนมปังในการเพิ่มรสชาติ หลังจากทำเสร็จแล้วก็นำไปเก็บไว้ในกล่องเก็บอุณหภูมิกับกระดูกวัวย่าง แล้วเริ่มทำจานต่อไป
วินนี่ดูฉินสือโอวยุ่งนู่นยุ่งนี่อยู่ข้างๆ บนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
พี่น้องเฟอเรทพอได้กลิ่นหอมแล้วก็รุดไปอยู่ตรงหน้าฉินสือโอว กระโดดขึ้นไปบนเตาอาหารเพื่อจะขโมยกินอาหาร
ฉินสือโอวเห็นพวกมันกระโดดขึ้นมาก็ตกใจไปครู่หนึ่ง ข้างนอกคือกลางอากาศนะ หากว่าเจ้าตัวเล็กสองตัวนี้ไม่ระวังแล้วตกลงไป ถึงแม้พวกมันจะมีหางสิบอันก็ไม่เพียงพอกับการลดแรงกระแทกหรอก
เขานำพี่น้องเฟอเรทใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อผ้า เจ้าตัวเล็กสองตัวยังอยากจะปีนออกไปข้างนอก พร้อมกับทำท่าไม่ยอมจำนน ดวงตาน้อยๆ จ้องไปที่เกล็ดขนมปังและแผ่นเนื้อย่างแล้วก็น้ำลายไหลออกมา
ฉินสือโอวกำลังยุ่งอยู่ พอพี่น้องเฟอเรทมาวุ่นวายแบบนี้ ทำให้เขาหมดความอดทนขึ้นมา เขาจับเจ้าสองตัวนี้ส่ายไปมานอกตะกร้า ทันใดนั้นพี่น้องเฟอเรทก็ตกใจจนฉี่ราด
หลังจากเอากลับเข้ามาแล้ว พี่น้องเฟอเรทพอถึงพื้นปุ๊บ ก็รีบวิ่งหัวซุกหัวซุนเข้าไปในอ้อมกอดของวินนี่ แม้แต่ก้นก็ไม่กล้าโผล่ออกมาอีกเลย
เมื่อเป็นแบบนี้ก็ถือว่าฉินสือโอวว่างแล้ว จึงเริ่มทำงานต่อไป
เขานำแผ่นแตงกวา แผ่นมะเขือเทศ หัวหอมหั่นแว่น มันฝรั่งแท่ง มะกอกดำ ผักสลัด กระชายดำ และแผ่นพริกหยวกมาใส่รวมกัน ฉินสือโอวผ่าแบ่งไข่ต้มใส่ลงไป จากนั้นก็ใส่ชิ้นเนื้อกระป๋องลงไป สุดท้ายเทน้ำสลัดน้ำใส เกลือและผงพริกไทยดำลงไป แล้วก็ใช้ซอสสลัดมาคลุกเคล้าให้เข้ากันก็ถือว่าเป็นอันเสร็จ
ทำอาหารรวดเดียวไปเจ็ดแปดอย่าง ฉินสือโอวยังทำซุปทะเลข้นอีกหนึ่งหม้อ แค่นี้อาหารจานหลักก็เสร็จสิ้นแล้ว
นีลเซ็นถอดเสื้อกันลมออก เผยให้เห็นเสื้อแจ็คเก็ตสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน ซึ่งเป็นการแต่งตัวตามมาตรฐานของผู้ติดตาม เขารีบตั้งโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว เปิดไวน์แดงมาหนึ่งขวด เบิร์ดกับออสเปรนำอาหารไปวางไว้บนโต๊ะ
ฉินสือโอวเปิดกล่องออกมา หยิบดอกกุหลาบออกมาจากข้างในหนึ่งดอก จากนั้นก็ยื่นให้วินนี่แล้วพูดว่า “เฮ้ ที่รัก ผมมอบให้คุณ และขอให้คุณมีความสุขทุกวันนะครับ”
วินนี่รับดอกกุหลาบมา หัวเราะอย่างแปลกใจแล้วพูดว่า “พระเจ้า ฉิน นี่ช่างทำให้ฉัน เอิ่ม ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร คุณทำให้ฉันประหลาดใจมากเลย”
บนดอกกุหลาบยังมีหยดน้ำค้างอยู่ สวยงามราวกับเพิ่งจะเด็ดมาเมื่อกี้เลย
ฉินสือโอวตัดกระดูกวัวออกมาชิ้นหนึ่งไปวางไว้ในจานอาหารของเธอ แล้วพูดว่า “คุณลองชิมฝีมือของผมดู ผมว่าคุณจะต้องแปลกประหลาดใจต่ออีกแน่นอน”
บอลลูนล่องลอยอยู่กลางอากาศ เบิร์ดและออสเปรกำลังควบคุมทิศทางกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้มันเคลื่อนไหวเลียบไปรอบๆ เกาะแฟร์เวล
โต๊ะอาหารตั้งไว้ตรงมุมของตะกร้า ฉินสือโอวกับวินนี่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน มองออกไปข้างนอกก็สามารถก้มลงไปมองเกาะเล็กๆ นี้ได้ ทั้งสองคนกินไปพลางชี้นู่นนี่ไปพลาง คุยถึงพิกัดต่างๆ ของเกาะกันกลางอากาศ
ช่วงเที่ยงแสงอาทิตย์แรงจ้า แต่เพราะกลางอากาศมีลมเย็น คนข้างบนจึงไม่รู้สึกว่าร้อน แค่รู้สึกว่าตากแดดอยู่เท่านั้น แต่นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่แน่นอนว่าวินนี่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ฉินสือโอวเตรียมเรื่องเล่าสั้นๆ มาเล่าให้เธอฟังก่อนแล้ว ทำให้ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเธอไว้ หลังจากกินข้าวเสร็จ ดวงตาทั้งสองของเธอก็จับจ้องอยู่บนตัวฉินสือโอว ใบหน้ายิ้มแย้ม
บอลลูนลอยอยู่บนอากาศมาครึ่งวัน ตอนบ่ายเบิร์ดเริ่มปล่อยลมออก บอลลูนค่อยๆ ลอยต่ำลง กลับไปสู่ฟาร์มปลาอีกครั้ง
พอใกล้จะถึงพื้นแล้วฉินสือโอวมองลงไปดู แล้วพูดว่า “ครั้งหน้าเราไปเล่นกระโดดร่มกันดีไหม? ได้ยินมาว่าสนุกมาก ผมยังไม่เคยลองเลย”
วินนี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ได้สิคะ เรื่องนี้ฉันถนัดมาก ตอนที่ฉันไปเทรนกับแคนาดาแอร์ไลน์ ฉันไปเข้าเรียนชั้นกระโดดร่มโดยเฉพาะเลยนะคะ ฉันจำได้ว่าฉันยังได้คะแนน A+ ด้วย ครูฝึกยังพูดเลยว่าฉันสามารถไปเป็นพลร่มได้เลย”
ฉินสือโอวพูดอย่างประหลาดใจว่า “เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? งั้นผมคงต้องให้คุณสอนแล้วล่ะ กลับไปผมจะรีบไปซื้อถุงร่มชูชีพเลย เบิร์ด หาคลับโดดร่มแล้วลงทะเบียนให้ฉันด้วย”
เบิร์ดพูดว่า “ไม่ครับ บอส สภาพแวดล้อมของเกาะของเราไม่เหมาะที่จะกระโดดร่มนะครับ ถ้าหากว่าคุณอยากจะให้ทะเลเป็นจุดที่ตกลงมาแล้วล่ะก็ งั้นผมต้องแนะนำให้คุณแบกถังออกซิเจนไว้ด้วย เพราะหากว่าถูกร่มชูชีพพันตัวไว้แล้วจะลำบากเอาได้นะครับ”
ความจริงฉินสือโอวก็พูดไปอย่างนั้น เขาชอบออกกำลังกาย แต่ว่าไม่ชอบการออกกำลังกายที่โลดโผนเกินไป เพราะเขาไม่ต้องการเอาชีวิตน้อยๆ ของเขาไปเสี่ยงอันตราย
เมื่อออกจากบอลลูน วินนี่ถามฉินสือโอวว่าทำไมถึงคิดจะทำเซอร์ไพรส์ให้เธอ ฉินสือโอวหัวเราะแล้วบอกว่าอยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมา ไม่มีเหตุผลอะไร และไม่ใช่เพื่อฉลองอะไรด้วย
เมื่อเห็นทั้งสองคน แม่ของฉินสือโอวก็ถามวินนี่ว่าความรู้สึกที่ได้นั่งบอลลูนเป็นอย่างไรบ้าง วินนี่บอกว่าดีมาก ให้แม่กับพ่อของฉินสือโอวลองไปนั่งบ้าง
แม่ของฉินสือโอวส่ายหัวอย่างแรง แล้วพูดว่า “แม่อายุปูนนี้แล้วใช้ชีวิตธรรมดาหน่อยดีที่สุด พวกเธออายุยังน้อยยังสามารถเล่นได้ แต่แม่กับพ่อน่ะเหรอ ไปเล่นไม่ไหวแล้วล่ะ”
พอได้ทานอาหารกลางวันบนบอลลูนแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าสุดสัปดาห์นี้มีความหมายขึ้นมา
พอถึงวันจันทร์ เขากลับมาจากทะเลตอนค่ำ เห็นมีคนกำลังตกปลาอยู่บนท่าเรือ เมื่อเรือเข้าใกล้ เขาก็แปลกใจที่ได้รู้ว่าคนที่ตกปลาอยู่ก็คือพอลลี่กับเหมาเหว่ยหลง
“พวกนายสองคนมาได้อย่างไร?” ฉินสือโอวพูดพร้อมหัวเราะ
เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไม่ต้อนรับเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบว่า “อยากให้มาใจจะขาดเลยล่ะ”
พอลลี่เก็บเบ็ดขึ้นมา ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมมาเพื่อส่งลูกม้าให้พวกคุณน่ะ แต่ผมคนเดียวทำเองไม่ไหว เหมาเลยตั้งใจมาช่วย”
ฉินสือโอวพยักหน้าเข้าใจ ใช่แล้ว ยังมีเรื่องนี้ด้วย เขาลืมไปเสียสนิทเลย
………………………………………..