ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1309 ม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์
ขึ้นฝั่งแล้ว ฉินสือโอวถอดถุงมือออกแล้วจับมือกับพอลลี่พร้อมกล่าว “คุณมาฟาร์มปลาของผมในครั้งนี้ ผมจะดูแลคุณเป็นอย่างดีเลย”
พอลลี่ยกถังน้ำขึ้นแล้วพูดว่า “แค่นี้ก็ถือว่าดูแลเป็นอย่างดีแล้วครับ ดูสิ ผมตกได้อะไร? ฮ่าๆ เมนล็อบสเตอร์! ผมไม่ได้กินเจ้านี่มากว่าครึ่งปีแล้ว กุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่นี้พอให้ผมกินอิ่มไปมื้อหนึ่งแล้วล่ะ”
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวแล้วบ่นว่า “โรคระบาดนั่น เมื่อก่อนกุ้งล็อบสเตอร์เป็นอาหารที่ธรรมดามาก แต่ตอนนี้น่ะเหรอกลายเป็นอาหารของชนชั้นสูงไปแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว พอลลี่ก็บ่นออกมาด้วยว่า “นอกจากเนื้อวัวกับแพะที่ราคาตกลงเรื่อยๆ แล้ว ยังมีอะไรที่ราคาตกอีก? ผักสด อาหารทะเล อาหารแห้ง โอ้ ชิท พรรคเสรีนิยมบ้านั่น พวกมันหลอกเรา! พวกมันทำให้ใบคะแนนเสียงของเราต้องผิดหวัง!”
พรรคเสรีนิยมเป็นพรรคการเมืองที่ปกครองแคนาดาอยู่ในตอนนี้ การที่พวกเขาขึ้นมาปกครองก็ต้องพึ่งการเลือกตั้งด้วย แต่การเลือกตั้งไม่ได้เอาไว้เลือกประธานาธิบดีแต่เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี หลังจากนายกรัฐมนตรีถูกเลือกแล้ว ก็จะต้องผ่านการเลือกตั้งในสภา พรรคที่ได้คะแนนเสียง 170 คะแนนจะสามารถก่อตั้งรัฐสภาจากพรรคที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดได้
นโยบายที่พรรคเสรีนิยมใช้ตอนเลือกตั้งก็คือ “ค่าครองชีพมั่นคง เพิ่มตำแหน่งงาน เพิ่มอัตรามีความสุขของชาวแคนาดา” แน่นอนว่านโยบายตอนเลือกตั้งพวกนี้ แค่ฟังผ่านๆ ก็พอแล้ว ใครเชื่อจริงๆ ก็เท่ากับสมองถูกประตูหนีบแล้วล่ะ
แต่ว่าฉินสือโอวสามารถเติมเต็มความหวังของทั้งสองคนได้ เขาพูดว่า “ผักและอาหารทะเลของคืนนี้ฟรีทั้งหมด พวกนายสามารถกินได้เต็มที่ อยากกินเท่าไรก็กินเท่านั้น แถมยังเอากลับบ้านได้ด้วยนะ”
ระหว่างพูด ฉินสือโอวก็เชิญพวกเขากลับไปที่บ้านพักแล้วชงชาต้มกาแฟให้พวกเขา
ระหว่างดื่มกาแฟ พอลลี่พูดว่า “ฉิน ผมเห็นว่าฟาร์มปลาของคุณมีหญ้าไรย์เยอะแยะเลย คุณคิดจะทำธุรกิจปศุสัตว์ด้วยเหรอครับ?”
ฉินสือโอวอึ้งไปทีหนึ่ง หลังจากได้สติแล้วก็ชี้ไปที่สนามหญ้าผืนใหญ่ตรงทิศเหนือแล้วพูดว่า “คุณบอกว่าอันนั้น คือหญ้าไรย์เหรอครับ?”
พอลลี่พยักหน้า พูดว่า “ใช่ครับ หญ้าไรย์ เป็นหญ้าที่ดีมากสำหรับปศุสัตว์ ผมเห็นคุณปลูกไว้เยอะเลย”
ธุรกิจหญ้าปศุสัตว์เป็นส่วนที่สำคัญมากในอุตสาหกรรมสัตวบาล แคนาดาเป็นที่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ราคาที่ดินก็ค่อนข้างต่ำ บวกกับค่ามลภาวะที่ต่ำและภูมิอากาศที่ดี ทำให้เหมาะแก่การปลูกหญ้าปศุสัตว์ที่คุณภาพดีได้
แต่ทว่าเมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว อุตสาหกรรมหญ้าปศุสัตว์ไม่ได้มีการก่อเป็นรูปเป็นร่างนัก ฟาร์มหลายที่ถึงขั้นเห็นการทำฟาร์มเป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้น หญ้าปศุสัตว์ส่วนใหญ่จึงเป็นอาหารของวัวไม่ใช่สำหรับโคนม อุตสาหกรรมถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีช่องว่างให้เติบโตของแคนาดาในอีกยี่สิบปีข้างหน้า
ที่พอลลี่คิดว่าฉินสือโอวอยากจะทำธุรกิจด้านหญ้าปศุสัตว์ก็เพราะเหตุนี้ ในปัจจุบันมีชาวเชื้อสายจีนมากมายที่มาทำฟาร์มในแคนาดา พวกเขาไม่เพียงแต่ปลูกพืชสำหรับการทำฟาร์มเท่านั้น ยังได้ปลูกหญ้าปศุสัตว์ด้วย จากนั้นค่อยใช้เส้นสายที่มี ส่งกลับไปขายที่ประเทศจีน
อุตสาหกรรมฟาร์มของประเทศจีนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าในประเทศมีมลภาวะสูง ทำให้มีหญ้าปศุสัตว์น้อยและขาดแคลนมาก ปีที่แล้วกรมปศุสัตว์รายงานว่า ปีนี้หญ้าปศุสัตว์ของประเทศจีนขาดแคลนกว่าหนึ่งร้อยล้านตัน!
ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมส่ายหัว แล้วอธิบายถึงสาเหตุที่ปลูกหญ้าไรย์ เขาเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่านี่คือหญ้าปศุสัตว์ ทั้งๆ ที่หมูป่า กวางป่า ไก่เป็ดห่านก็หาของกินในหญ้านี้อยู่ทุกวัน
พอลล่าพูดอย่างเสียดายว่า “คุณสามารถทำธุรกิจหญ้าปศุสัตว์ได้นะครับ ที่รัฐ B.C มีชาวเชื้อสายจีนมากมายเลยที่ทำกัน เท่าที่ผมรู้ทำกำไรได้มากเลย ถึงแม้จะไม่ส่งไปขายที่ประเทศจีน แต่แค่ที่แคนาดาก็สามารถขายได้เหมือนกัน”
รัฐ B.C ก็คือรัฐที่ใหญ่ไม่น้อยไปกว่ารัฐโทรอนโต ขึ้นชื่อว่าเป็นประตูเมืองเอเชียแปซิฟิก การเดินทางสะดวก เป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญของการติดต่อกับอเมริกาเหนือและเอเชีย
เพราะเหตุการณ์หิมะถล่มในฤดูหนาวเมื่อปีที่แล้วเป็นเหตุ ทำให้การเติบโตของหญ้าปศุสัตว์ในแคนาดาไม่สู้ดีนัก ทำให้ราคาสูงขึ้น นี่คือหนึ่งในเรื่องที่ทำให้เหล่าเจ้าของฟาร์มปวดใจอย่างที่สุด
ฉินสือโอวบอกว่าเขาไม่ได้ขายหญ้าปศุสัตว์ ใช้แค่หญ้าปศุสัตว์มาเป็นสนามหญ้าเพื่อให้ฟาร์มปลาสวยงามขึ้นเท่านั้น จึงใช้พวกมันมาปูบนพื้นดินของฟาร์มปลา
เมื่อเป็นแบบนี้พอลลี่จึงไม่พูดอะไรอีก เขาเข้าใจแล้วว่าฉินสือโอวเป็นเศรษฐีที่เอาแต่ใจแค่ไหน
แต่ว่าเขาก็มีความคิดใหม่ขึ้นมาอีก ถามว่า “ฉิน ผมเห็นฟาร์มปลาคุณมีพื้นที่มากมายเลย แถมยังมีหญ้าปศุสัตว์อีก ทำไมคุณถึงไม่เลี้ยงม้าสักตัวสองตัวล่ะครับ?”
ฉินสือโอวหัวเราร่าแล้วพูดว่า “พูดตามตรงนะครับ เพื่อน ผมไม่ค่อยชอบม้าเท่าไรน่ะ”
พอลลี่พูดว่า “แล้วลูกๆ ของคุณล่ะครับ? ผมเห็นฟาร์มปลามีเด็กมากมายเลย คุณต้องรู้นะครับว่า การขี่ม้าเป็นวิธีที่สามารถบ่มเพาะความกล้าหาญและบุคลิกภาพของเด็กได้นะครับ แม้จะเป็นผู้หญิงแต่ก็ต้องเก่งในเรื่องการขับเคลื่อนฝูงชนอย่างมีพลานุภาพด้วยไม่ใช่เหรอครับ?”
เมื่อได้ฟังคำนี้ สมองของฉินสือโอวก็นึกถึงภาพอันสง่างามน่าเกรงขามของวินนี่ตอนขี่ม้าเมื่ออาทิตย์ก่อนขึ้นมา เขารู้สึกว่าวินนี่เหมือนจะชอบขี่ม้ามาก แต่ในทางกลับกันตัวเขาชอบรถยนต์มากกว่า
เมื่อเป็นแบบนี้บางทีการซื้อม้าสักตัวสองตัวมาให้วินนี่เล่นก็ดูไม่เลวเลย ปกติเธอก็ไม่ค่อยมีกิจกรรมเล่นสนุกอะไรอยู่แล้ว เมื่อวานซืนที่ฉินสือโอวพาเธอไปกินมื้อกลางวันลอยฟ้า ก็เพื่ออยากจะชดเชยจุดนี้ให้กับเธอ
พอลลี่อยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่ฉินสือโอวถามไปก่อนว่า “เพื่อน งั้นคุณยังมีม้าที่อยากจะจัดการบ้างไหมครับ?”
การที่เขาถามแบบนี้ก็เท่ากับบอกว่าตัวเองอยากจะซื้อม้าแล้ว พอลลี่จึงพูดอย่างดีใจว่า “ไม่ครับ ของผมไม่มีแล้ว แต่ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เขามีม้าดีอยู่สองสามตัว แถมยังเป็นลูกม้าทั้งสองตัว…”
“ม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตหรือเปล่า?” ฉินสือโอวถามตัดบทเขา
สำหรับม้าแข่งแล้ว คำว่าพันธุ์เธอร์รัพเบรตสื่อความหมายว่าเป็นชื่อของม้าที่ยิ่งใหญ่ ถูกยกให้เป็นศิลปะที่มีชีวิต ที่ได้ผ่านการฝึกฝนมากว่าสองร้อยกว่าปี ทำให้เพียบพร้อมไปทั้งโครงสร้างและเอกลักษณ์ทางร่างกายที่สมบูรณ์แบบ และมีกำลังที่แข็งแกร่ง
เอกลักษณ์อีกอย่างของม้าชนิดนี้ก็คือความแพง ม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตที่ได้รับรางวัลเหรียญทองตัวหนึ่งจะมีราคาสูงกว่าม้าพันธุ์เดียวกันนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
พอลลี่ลูบจมูกไปมา แล้วยิ้มแห้งๆ ว่า “แฮมิลตันอาจจะมีม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตก็จริง แต่ว่าไม่ได้อยู่ที่เมืองของผมครับ ความจริงแล้วลูกม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตสองตัวของเพื่อนผมก็ดีมากนะครับ เพียงแค่พ่อแม่ของพวกมันไม่ได้มีชื่อเสียงเท่านั้น”
ฉินสือโอวมีความรู้เกี่ยวกับม้าแข่งไม่มากนัก เออร์บักจะมีความรู้มากกว่า เมื่อได้ยินว่าเขาอยากจะซื้อม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรต ทนายสูงวัยจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉิน ม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตจำเป็นต้องดูแลอย่างดี พวกมันหัวสูงมากๆ แม้แต่สนามม้าก็ยังต้องทำเป็นพิเศษด้วย ฟาร์มปลาของเราพื้นที่น้อย เพียงพอแค่ให้พวกมันเดินเล่นเท่านั้น แม้แต่วิ่งเหยาะก็ยังไม่พอเลย”
ฉินสือโอวถามพอลลี่ “ม้าสองตัวที่คุณบอกเป็นแบบไหน? เป็นม้าควอเตอร์หรือเปล่า? ราคาเท่าไรครับ?”
พอลลี่บอกว่า “ไม่ครับ ไม่ใช่ควอเตอร์ แต่เป็นม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ พ่อแม่ของพวกมันเป็นม้าตัวเต็งที่ส่งจากเท็กซัสมาที่แฮมิลตัล ร่างกายสวยงามมาก อายุของม้าทั้งสองตัวอยู่ที่ประมาณหกเดือน รวมๆ แล้วราคาอยู่ที่ประมาณสี่หมื่นเหรียญครับ”
ราคานี้ไม่ถูกเลย ฉินสือโอวมองไปที่เหมาเหว่ยหลงทีนึง ฝ่ายหลังเป็นเพื่อนกับเขามาสิบกว่าปี แค่สะบัดก้นเขาก็รู้แล้วว่าเพื่อนอยากจะตด จึงอธิบายเสียงเบาว่า “ม้าควอเตอร์ที่เมืองนี้ซื้อมา ความจริงเป็นม้าระดับรากหญ้าแบบที่ปล่อยในฟาร์มปศุสัตว์นั่นแหละ ราคาต่ำมาก แต่ม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์สองตัวนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ราคาสูงกว่ามาก”
เมื่อได้ฟังเหมาเหว่ยหลงพูดแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ไม่ได้ลังเลมาก พยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้ามีเวลาก็ให้เขาส่งมาแล้วกัน”
พอลลี่กะพริบตาปริบๆ ด้วยความอึ้ง พูดว่า “คุณไม่ไปตรวจเช็กสักหน่อยเหรอครับ? บางทีอาจจะไม่ถูกใจคุณก็ได้นะครับ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “แค่สี่หมื่นเหรียญเองเพื่อน ของที่ราคาสี่หมื่นเหรียญ จำเป็นต้องไปตรวจเช็กด้วยเหรอ?”
หากว่าวินนี่ไม่ชอบ งั้นเขาก็แค่ให้กับพวกทหารรับจ้างไป หรือไม่ก็พวกชาวประมง ในหมู่เจ้าพวกนี้น่าจะมีคนที่ชอบม้าบ้างแหละ?
พอลลี่เองก็เป็นถึงเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ที่ไม่ถือว่าเล็กคนหนึ่ง แต่เศรษฐีแบบฉินสือโอวนั้นเขาก็ยังเคยเจอมาไม่มาก
ใช่ สี่หมื่นเหรียญ แต่สี่หมื่นเหรียญก็เยอะมากแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่เขาพยายามปิดการขายขนาดนี้ก็เพื่ออยากได้ค่าคอมมิชชั่น แต่นั่นก็แค่เงินจำนวนสองสามพันเหรียญเท่านั้น…
……………………………………………