ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1311 จิ้งจอกเฒ่า
บัตเลอร์หยุดรถลงแล้วนั่งยองๆ สูบบุหรี่นอกรถ หน้าตาท่าทางอมทุกข์
เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจ “แกดูสิ แกเล่นเอาบัตเลอร์อยู่ในสภาพไหนเนี่ย? ฉันว่าแกสมองเพี้ยนแล้วมั้ง? ไม่เอาค่าลิขสิทธิ์และค่าธรรมเนียมการใช้งาน เอาบทให้เขาฟรีๆ? พอมาแคนาดาแล้วแกกลายเป็นเหลยเฟิงหรืออย่างไร?”
ฉินสือโอวก็จนใจ “ตอนนั้นใครจะไปคิดอะไรเยอะแยะ? อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเพิ่งจะมีมานานแค่ไหนเชียว?”
ลุงผิวสีนั่งยองอยู่ข้างทางจนสูบบุหรี่หมดไปหนึ่งมวนก่อนจะโยนก้นบุหรี่ทิ้ง แล้วก็กลับมาที่นั่งคนขับด้วยสีหน้าดุดัน กัดฟันแล้วพูดว่า “ให้ตาย จะไปมีเรื่องดีขนาดนี้ได้ไง? ฉันตัดสินใจแล้ว ฉิน พวกเราต้องให้พวกเขาจ่ายสักหน่อย!”
ฉินสือโอวยิ้มขมขื่นแล้วพูดว่า “ที่จริง อุตสาหกรรมอาหารทะเลอย่างพวกเราไม่ต้องมีโฆษณาก็ได้มั้ง? พวกเราไม่ได้ทำธุรกิจด้วยความสามารถหรอกเหรอ?”
ลุงผิวสีทำหน้าเคร่งขรึม “ฉิน เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น นี่มันปัญหาที่ตัวตน เข้าใจไหม? ปัญหาของตัวตน! พวกเขาแกล้งคนผิวดำกับผิวเหลืองชัดๆ รังแกคนสีผิวอื่น!”
ฉินสือโอวเกือบจะหัวเราะไปกับประโยคนั้น มุกนี้ของคนผิวดำใช้ได้ดีจริงๆ เรื่องอะไรก็เอาไปผูกกับเรื่องเหยียดสีผิวได้ ปัญหาลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่เขารับปากเองในตอนนั้น
บัตเลอร์ตั้งใจจะแทรกโฆษณาอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเข้าไปในหนังให้ได้ นี่เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจไว้ ระหว่างทางก็พึมพำตลอด แล้วยังโทรไปหาทนายสองสามคนเพื่อถามปัญหาด้านนี้ด้วย
ทนายถามฉินสือโอวว่าได้ลงนามในข้อตกลงการใช้งานลิขสิทธิ์กับนักลงทุนหรือไม่ เขาบอกว่าตอนนั้นเซ็นสัญญาไปฉบับหนึ่ง จากนั้นทนายก็บอกบัตเลอร์ว่าเปลืองแรงเปล่า ลิขสิทธิ์เป็นของคนอื่นแล้ว
ได้คำตอบนี้มา บัตเลอร์ไม่พอใจมาก ขับรถไปตะโกนไป “แกล้งกันหรือไง แกล้งกันหรือไง แกล้งกันหรือไง? สิทธิมนุษยชนล่ะ? อิสรภาพล่ะ? ประชาธิปไตยล่ะ?”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาใกล้จะบ้าแล้ว อย่างน้อยก็พูดมั่วซั่วแล้ว
กองถ่ายเหมาอพาร์ทเม้นริมทะเลไว้ตึกหนึ่ง บัตเลอร์พาคนสองคนกับนกหนึ่งตัวมุ่งหน้าไปทันที
คาเมรอนพานักแสดงหลักกับโปรดิวเซอร์นักลงทุนมารับเขา พอฉินสือโอวลงจากรถ คาเมรอนก็เข้ามากอดเขาอย่างสนิทสนม และแนะนำเขาให้เหล่านักแสดงรู้จัก
น่าเสียดายฉินสือโอวไม่คุ้นกับหนังฮอลลีวูด ในหมู่ดาราพวกนี้เขาก็รู้จักแค่ดาราที่ดังที่สุดเพียงคนเดียว นอกนั้นก็ไม่คุ้นเลย พระเอกหนุ่มหล่อเป็นคนที่เขาเคยเจอและเคยคุยด้วยนิดหน่อยชื่อเสียวหลี่จือ ลีโอนาร์โด
เสียวหลี่จือไม่ได้ดูมีออร่าความโรแมนติกอย่างสมัยวัยหนุ่ม แต่ว่าก็ยังมีความหล่ออยู่แน่นอน เขาจะรับบทฉินสือโอวในตอนนั้น กัปตันผู้เด็ดเดี่ยว
ฉินสือโอวกับเสียวหลี่จือคุยกันออกรส บัตเลอร์ก็พูดเสียงบูดๆ อยู่ข้างๆ “เฮ้ คุณผู้ชายทั้งหลาย ใช้คนขาวมารับบทของฉินไม่ค่อยเหมาะเท่าไรมั้ง? เขาเป็นกัปตันคนจีนที่ยอดเยี่ยมมาก!”
คาเมรอนพูดยิ้มๆ “หนังเรื่องนี้อ้างอิงมาจากเรื่องจริงบุคคลจริง แต่ที่มากกว่านั้นคือความเคารพ เป็นการแสดงความเคารพนับถือต่อฉินและชาวประมงทั้งหมดในตอนที่เกิดภัยพิบัติทางทะเล ฉะนั้นที่พวกเราต้องการก็คือสปิริตไม่ใช่เหรอ?”
พูดไป เขาก็ตบบ่าของบัตเลอร์ไปด้วย “ก็เหมือนคุณ คุณบัตเลอร์ คุณก็ยินดีแสดงเป็นตัวเองโดยไม่รับค่าตอบแทนหลังจากที่รู้ว่าจะถ่ายหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ? พวกเราก็เหมือนกัน ล้วนเป็นสปิริต ความเคารพและจิตอาสา”
ได้ยินแบบนั้น ฉินสือโอวถือโอกาสที่คนไม่ได้สังเกตดึงบัตเลอร์แล้วพูดเสียงค่อย “ให้ตาย นายก็ยังมาบ่นฉันอีก นายแสดงไม่มีค่าตอบแทนได้อย่างไร?”
บัตเลอร์มองเขาด้วยสีหน้าเคียดแค้น “เรื่องนี้โทษฉันได้เหรอ? ฉันนึกว่าอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเราจะได้เป็นตัวเอกในหนังเสียอีก! ดังนั้น ฉันเลยคิดว่าทำไมฉันไม่ถือโอกาสโผล่หน้าไปกับอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินบ้างล่ะ? และอีกอย่าง ฉันติดต่อผู้กำกับคาเมรอน เขาบอกว่าบทนี้เป็นบทเล็กไม่สำคัญ ไม่ค่อยมีเนื้อหาสาระ ค่าตอบแทนก็ไม่มาก สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจหุนหันพลันแล่นว่าจะแสดงฟรี…”
พูดไปมือขวาเขาก็กำหมัดแล้วชกหนักๆ ไปที่ฝ่ามือซ้าย “ให้ตาย ใจร้อน ใจร้อนไปแล้ว! ถ้ารู้อย่างนี้ฉันเรียกค่าตอบแทนสูงๆ แล้ว สักล้านสองล้าน!”
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่ะๆ ลุงผิวสีบ้าไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย? ถ้าคาเมรอนจะยอมเสียหลายล้านเพื่อให้เขามาแสดงบทเล็กๆ นั่นต่างหากบ้าของจริง
คาเมรอนกอดนิมิตส์ในขณะที่คุยไปด้วย นกโจรสลัดใหญ่ไม่มีเวลามาสนใจเขา มันมองไปมาระหว่างท่านชายฉินกับผู้กำกับสูงวัย ในที่สุดมันก็เข้าใจว่าตรงไหนที่ไม่ชอบมาพากล ข้าถูกพวกไพร่เล่นเข้าให้แล้ว!
หลังจากนั้นกองถ่ายก็จัดที่พักให้ฉินสือโอว เหมาเหว่ยหลง ส่วนบัตเลอร์ไปหาคาเมรอนตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ จากนั้นก็เดินกลับมาคอตก แล้วพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ให้ตาย หมอนั่นบอกว่าเรื่องนี้เขาไม่มีสิทธิตัดสินใจ ให้ฉันไปคุยกับโปรดิวเซอร์กับพวกนักลงทุนเอง! แม่งเอ๊ย หลอกฉันอยู่ชัดๆ!”
ฉินสือโอวมีท่าทีเฉยชาต่อเงินมาก ไม่ใช่ว่าเขาแกล้งทำ แต่เป็นความมั่นใจอย่างหนึ่ง เขามั่นใจว่าถ้าเขาขาดเงิน ขอแค่ไม่กี่วันก็หาได้หลายร้อยล้านพันล้าน
ส่วนยี่ห้ออาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ตั้งแต่ที่ก่อตั้งมาเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ คนที่ใส่ใจจริงๆ คือบัตเลอร์
เห็นบัตเลอร์ร้อนใจขนาดนี้ เขาเห็นว่าไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นเลยเข้าไปปลอบ
ได้ฟังคำเขา บัตเลอร์ก็พูดอย่างไม่ยอมจำนน “ฉิน ความคิดของนายอันตรายมาก! พวกเราไม่เอาของที่เป็นของเรา แต่ของของตัวเองคนอื่นก็แตะไม่ได้! ลิขสิทธิ์ก็ของนาย พวกเขาจะใช้ก็ต้องจ่าย นี่คือการค้าขายแบบยุติธรรม!”
ฉินสือโอวเกาคาง ที่บัตเลอร์พูดมาก็ถูก นี่คือของของเขา ถ้าเขาให้ออกไปฟรีๆ ก็โง่แล้วไม่ใช่เหรอ? คนอื่นไม่แน่ว่าจะซาบซึ้งเสียหน่อย
อีกอย่างเขาครุ่นคิดอีกเรื่องอยู่ ทำไมหนังต้องมาถ่ายที่ไมอามี? ทำไมไปถ่ายทำที่เกาะแฟร์เวลไม่ได้? ถ้าไปถ่ายที่เกาะแฟร์เวล ในเมืองก็จะมีรายได้อีกมากมาย พอหนังออกฉาย ยังเอามาต่อยอดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ด้วย
ข้อนี้สำคัญมาก วินนี่กำลังเครียดว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจเมืองได้อย่างไร เขาต้องคิดหาวิธีช่วยไม่ใช่เหรอ?
ลิขสิทธิ์เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เรื่องทางกฎหมายงั้นก็ต้องถามเออร์บัก และเขาเป็นคนร่างข้อตกลงการโอนลิขสิทธิ์ในตอนนั้น
ฉินสือโอวโทรศัพท์ เออร์บักฟังเขาเงียบๆ จนจบแล้วเอ่ยถาม “นายอยากได้ค่าลิขสิทธิ์หรือเปล่า?”
“ไม่ ผมอยากจะแทรกโฆษณาแบบยัดเยียดของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน” ฉินสือโอวพูดต่อ “มีทางไหม? เราเซ็นสัญญาไปแล้ว จะยุ่งยากมากใช่ไหม?”
ทนายสูงวัยพูดพร้อมรอยยิ้มบาง “ฉันมีเป็นร้อยวิธี วางใจเถอะ อย่าสนใจข้อตกลงการโอนลิขสิทธิ์ นั่นมันของที่ฉันทำ ในนั้นมีแต่ช่องโหว่ ตอนนั้นฉันกลัวว่าภายหลังจะเกิดขัดแย้งกัน”
ฉินสือโอวพูดอย่างประหลาดใจ “มีวิธีแทรกโฆษณา? มีวิธีให้พวกเขาเลือกเมืองเราเป็นสถานที่ถ่ายทำด้วยเหรอ?”
เออร์บักพูดว่า “ตอนนี้ต่อให้นายไม่อยากให้พวกเขาถ่ายทำแล้ว ฉันก็มีวิธีเอาลิขสิทธิ์กลับมา เชื่อมือทนายสูงวัยคนนี้เถอะ แม้ว่าเขาจะเกษียณมาหลายปีแล้ว”
ฉินสือโอวอุทานประหลาดใจ “ไม่น่าเชื่อจริงๆ ถ้าสัญญามีแต่ช่องโหว่ งั้นฝ่ายนักลงทุนไม่เห็นเหรอ?”
เออร์บักอธิบายว่า “ง่ายมาก ตอนนั้นพวกเขาประเมินนายต่ำไป และประเมินฉันต่ำไป ท่าทีร่วมมือที่นายแสดงออกทำให้พวกเขาลดกำแพงลง และสัญญาที่ฉันทำ ที่จริงมันเป็นโมฆะ!”
“หมายความว่าไง?”
“บทบัญญัติทางกฎหมายทั้งหมดในสัญญาล้วนแล้วแต่ยึดกฎหมายอเมริกาเป็นพื้นฐาน แต่นายเป็นคนแคนาดา กฎหมายของพวกเขาใช้กับนายไม่ได้!”
………………………………………….