ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1333 พระจันทร์สีเลือดกับกระแสน้ำทะเลที่ลดลง
ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ดาราศาสตร์ชมจันทร์เป็นครั้งแรกในชีวิต ฉินสือโอวคิดว่านี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การจดจำ ดังนั้นเขาจึงโอบกระบอกเลนส์เอาไว้แล้วถ่ายรูปคู่กับมัน หลังจากนั้นก็โพสต์รูปภาพอวดคนในเวยป๋อกับทวิตเตอร์
แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากลับมองไม่เห็นอะไรเลย หรือจะพูดอีกอย่างว่า บนดวงจันทร์ไม่ได้มีสิ่งควรค่าให้ชมเลยสักอย่าง
แต่กลับกันเมื่อไม่ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ เพียงแค่เงยหน้าขึ้นไปมองดูพระจันทร์สีน้ำตาลอมแดงบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่า แบบนั้นกลับมีความน่าสนใจยิ่งกว่า
พอเขาพูดกับบัตเลอร์แบบนี้ บัตเลอร์จึงตอบเขากลับมาด้วยความโมโห “นายอย่าตอบแทนน้ำใจกันแบบนี้เลย เพื่อน นี่เป็นกล้องโทรทรรศน์ของฉันแท้ๆ แต่ฉันดันใช้มันเพื่อดูปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือดไม่ได้!”
พระจันทร์กับโลกกำลังอยู่ในวงโคจรเดียวกัน ปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือดเต็มดวงเกิดขึ้นแค่ราวๆ ยี่สิบนาทีเท่านั้น ในที่แห่งนี้มีผู้คนที่กำลังรอชมซูเปอร์มูนอยู่นับร้อย ทว่ากล้องโทรทรรศน์กลับมีอยู่แค่สองตัว คาดว่าพวกเขาคงจะแย่งชิงกันอย่างดุเดือด
ฉินสือโอวจึงถามด้วยความงงงวยว่า “ฉันให้นายตามชาร์คไปไม่ใช่เหรอ? พวกนายไปต่อแถวดูสิ”
บัตเลอร์พูดอย่างขุ่นเคือง “ใช่แล้ว ใช่ ไปกับชาร์ค ไปกับบูล ไปกับเบิร์ด ไปกับนีลเซ็น แต่มันมีประโยชน์ตรงไหนกัน? พอดูเสร็จพวกเขาก็ไป ไม่ได้จองที่ไว้ให้ฉันเลย! นายดูแลลูกน้องของนายให้มันดีๆ หน่อยเถอะ!”
นี่มันเกินไปจริงๆ ฉินสือโอวเรียกชาร์คและคนอื่นๆ เข้ามาหาด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง พวกชาร์คจึงร้องขอความเป็นธรรมแล้วพูดกับเขา “ไม่ใช่ครับ บอส เมื่อสักครู่พวกเราตามหาคุณบัตเลอร์อยู่ตลอด แต่ก็หาเขาไม่เจอ เลยคิดว่าเขาไม่ได้ตามพวกเรามา”
“ฟัคยู ฉันตามก้นนายอยู่ตลอดเลยเหอะ!”
“ชิท คุณเปิดสกิลล่องหนหรือเปล่าเนี่ย? ผมหาคุณไม่เจอจริงๆ นะ”
“ผมก็เหมือนกัน”
ฉินสือโอวหันไปมองบัตเลอร์ แล้วพูดกับเขาอย่างคนไม่รู้ว่าจะพูดอะไร “เพื่อน ใครบอกให้นายใส่เสื้อผ้าสีดำมาคืนนี้กันล่ะ?”
บัตเลอร์ชี้นิ้วไปที่ทุกๆ คนแล้วพูดอย่างโกรธจัดว่า “พวกนายแม่งเหยียดเชื้อชาติ! ฉันจะบอกให้ว่าที่พวกนายพูดมันเป็นการดูถูกคนดำอย่างพวกเรา!”
ชาร์คแผ่มือทั้งสองข้างออกอย่างคนที่ไม่มีความผิด ฉินสือโอวจึงส่งสายตาบอกเป็นนัยว่าเขาเข้าใจ คืนนี้เป็นคืนจันทรุปราคาเต็มดวงทำให้ไม่มีแสงจันทร์ และเพื่อชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเลยไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงกองไฟที่สุมไว้อยู่ไม่กี่กองเท่านั้น แถมยังอยู่ห่างกันตั้งไกล ยิ่งคนดำแบบเขาสวมเสื้อผ้าสีดำแบบนี้ แล้วใครมันจะมองเห็นเขากันล่ะ?
เมื่อชมซูเปอร์มูนจนสมกับความปรารถนาไปแล้ว ฉินสือโอวก็ไปที่กลับบ้าน แล้วปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปค้นหาหอยงวงช้างที่แถบชายฝั่งทะเลในบริเวณที่ค่อนข้างเป็นจุดศูนย์กลาง เขาจดจำไว้อย่างคร่าวๆ พรุ่งนี้พอมาขุดหาหอยงวงช้างก็ทำได้ง่ายแล้ว
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสามสายท่องไปในบริเวณแถบชายฝั่งทะเล ส่วนจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอีกสายหนึ่งก็ท่องไปตามแม่น้ำสายเล็ก ตอนนี้ถึงช่วงที่ปลาไส้ตันฟลอริดาจะฟักออกจากไข่แล้ว ลูกปลาไส้ตันจึงปรากฏตัวให้เห็นอยู่อย่างไม่ขาดสาย เขาต้องดูพวกมันสักหน่อย แล้วพาพวกมันกลับไปด้วยกัน
ตัวของลูกปลาไส้ตันฟลอริดาที่เพิ่งฟักตัวออกมาจากไข่ยังมีขนาดเล็กแค่นิดเดียวเท่านั้น ดวงตาของมนุษย์แทบจะไม่สามารถแยกออกได้เลย ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนค้นหาพวกมันได้อย่างยากลำบาก แต่เขาต้องพาพวกมันกลับไปให้ทันเวลา ถ้ายังทิ้งพวกมันไว้ในลำธาร พวกมันก็จะกลายเป็นอาหารของตัวหมัดน้ำสารพัดชนิด
การแพร่พันธุ์ถึงจะนับว่าเป็นวิธีขยายฝูงปลาที่ดี เมื่อลูกปลาไส้ตันฟลอริดาฟักตัวแล้ว ฉินสือโอวประมาณการไว้ว่าน่าจะสามารถขยายฝูงปลาได้ถึงหนึ่งร้อยเท่า! แบบนี้รอแค่ลูกปลาโตขึ้นก็สามารถจับขึ้นมาขายได้แล้ว
ฉินสือโอวคาดหวังกับปลาไส้ตันฟลอริดาเป็นอย่างมาก ตั้งแต่พาพวกมันกลับมาที่ฟาร์มปลา นานๆ ครั้งถึงจะตกพวกมันขึ้นมากินสักตัวสองตัว นอกเหนือจากนั้นเขาก็จะรักษาปลาชนิดนี้ไว้อย่างดี
นับตั้งแต่เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงในครั้งนั้น น้ำทะเลบริเวณชายทะเลก็เริ่มลดระดับลง ทีแรกกระบวนการนี้ยังเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่พอถึงช่วงสิบเอ็ดโมงเป็นต้นไปน้ำทะเลก็จะลดระดับลงค่อนข้างเร็ว ซึ่งฉินสือโอวก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลทุกครั้งที่กลับไปตรวจตามบริเวณชายฝั่ง
เขาตื่นมาออกกำลังกายยามเช้า เมื่อออกไปยืนอยู่บนชายหาด สิ่งที่มองเห็นก็คือแนวปะการังหลากสีที่กำลังเปิดรับอากาศ ชายหาดแตกต่างกับโลกใต้ทะเลอย่างเห็นได้ชัด สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นจากทรายเม็ดละเอียดสีเงินที่อยู่รวมตัวกัน ส่วนอีกสิ่งหนึ่งเป็นสีเขียวดั่งมรกต ก้นทะเลในบริเวณใกล้ชายฝั่งเต็มไปด้วยสาหร่ายทะเลสีเขียวเข้ม
ฉินสือโอวสูดหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นคาวเค็มของน้ำทะเลก็ไหลเข้ามาตามหลอดลมลงมาจนลงไปถึงหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้งก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา ราวกับว่าเขาได้ชำระล้างหลอดลมและปอดด้วยการสูดอากาศเข้าไป
หู่จือกับเป้าจือวิ่งเข้ามาหา พวกมันใช้อุ้งเท้าเขี่ยไปมาอยู่หลายครั้ง จนหมึกกระดองที่อยู่ใต้สาหร่ายทะเลก็โผล่หัวออกมา มันคิดจะหนีไปให้ไวแต่ก็ถูกหู่จือตะครุบไว้เสียก่อน ต่อจากนั้นก็คาบมันไว้ในปากแล้ววิ่งส่ายก้นกลับเข้ามาหาเขา
สุนัขแลบราดอร์จับสิ่งมีชีวิตจำพวกหมึกกระดองได้เป็นครั้งแรก ทั้งยังนึกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดชนิดใหม่ มันจึงนำมาวางไว้ตรงหน้าฉินสือโอวแล้วแหงนหน้ารอรับคำชมจากเขา
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา แล้วขยี้ใบหูใหญ่ๆ ของหู่จือเพื่อเป็นรางวัล คราวนี้พอได้รับแรงเชียร์หู่จือและเป้าจือก็ยิ่งคึกคักยิ่งกว่าเดิม พวกมันวิ่งลงทะเลอีกครั้งแล้วเขี่ยสาหร่ายทะเลออก ของที่พวกมันหาได้ก็มักจะเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ข้างใต้
อย่างเช่นปูเสฉวนบก ปูก้ามดาบ ลูกปูหิมะ ลูกกุ้งมังกรกับพวกลูกหมึก สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มักจะซ่อนตัวอยู่ในพื้นทราย เพียงไม่นานสุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัวก็สามารถรวบรวมพวกมันได้ถึงหนึ่งกอง
ฉินสือโอวลองตรวจดูแล้วก็อดแสยะปากออกมาไม่ได้ ท่าจะไม่ดีแล้วสิ สาหร่ายทะเลเพิ่งจะโตเต็มที่ทั้งยังเหี่ยวเฉาได้ไว น้ำทะเลลดระดับครั้งนี้ทิ้งสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ไว้ไม่น้อยเลย
สาหร่ายทะเลมีความสามารถในการรักษาน้ำทะเล ดังนั้นเมื่อน้ำทะเลลดระดับลง สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ในทรายบางส่วนจึงไม่สามารถตามน้ำทะเลที่ลดลงไปได้ทันเวลา ทำให้ถูกทิ้งไว้แบบนี้
ระดับน้ำทะเลที่ลดลงอย่างหนักครั้งนี้จะกินเวลาสิบสองชั่วโมง นี่เป็นน้ำทะเลลดระดับครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี ต้องรอให้ถึงตอนเที่ยงวันระดับน้ำทะเลถึงจะค่อยๆ กลับมาสูงขึ้น ในระหว่างนี้สิ่งมีชีวิตบางส่วนจะต้องตายลงอย่างแน่นอน อย่างเช่นพวกปลาลิ้นหมาพันธุ์เล็กเป็นต้น
หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วบรรดาชาวประมงก็ขนเอาอุปกรณ์มาขุดหอยงวงช้าง พวกเชอร์ลี่ย์ กอร์ดอนก็กระโดดโลดเต้นวิ่งตามมาด้วย พวกเขาถามฉินสือโอวด้วยความตื่นเต้นดีใจว่า “ฉิน พอจะมีงานให้รางวัลให้นักล่ามือทองได้ทำบ้างไหม?”
ฉินสือโอวยิ้มหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “มาสิ มีงานให้ทำจริงๆ ล่ะ เอาเลยพวกนายไปแหวกสาหร่ายตามหาปลาชนิดนี้หน่อย ปลาลิ้นหมาพันธุ์เล็ก ถ้าเจอแบบที่ยังเป็นๆ อยู่ก็เก็บรวบรวมไว้ในถังใส่น้ำ สิบตัวหนึ่งดอลลาร์”
กอร์ดอนยืดอกขึ้นเตรียมตัวจะต่อราคา คราวนี้เสี่ยวชาร์คไม่ได้ขัดเขาแล้ว แต่คอยศึกษาวิธีอยู่ทางด้านหลังแทน
“ฉิน คุณก็รู้นี่ ผมว่าราคาเท่านี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไรนะ” กอร์ดอนเริ่มพูดประโยคเดิมเหมือนทุกครั้ง
ฉินสือโอวก็พูดยิ้มๆ ว่า “เหมือนว่าราคาน่าจะต่ำไปหน่อยใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นนายอยากได้เท่าไรล่ะ? หนึ่งตัวหนึ่งร้อยดอลลาร์เอาแบบนั้นไหมล่ะ?”
กอร์ดอนเกาจมูกด้วยความประหม่าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องถึงกับตัวละร้อยหรอก ตัวละห้าสิบก็พอแล้ว…”
ฉินสือโอวกลอกตาใส่เขาหนึ่งที “ห้าสิบดอลลาร์บ้านนายน่ะสิ! อยากทำก็ทำไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ ตัวละหนึ่งร้อยเซ็นต์ ถ้าไม่ทำก็กลับไปเขียนการบ้านนู้น!”
กอร์ดอนซึมลงไปทันที เขาทำอะไรไม่ได้แล้วจึงตอบกลับไปว่า “โอเค พวกเราจะทำครับ แต่ฉิน แบบนี้คุณกำลังทำผิดกฎหมายอยู่นะ ผมเคยเรียนเรื่องกฎหมายมาตรฐานแรงงานกับพี่วินนี่!”
ฉินสือโอวจึงตอบกลับไปว่า “อืม ถ้านายเรียนเรื่องกฎหมายมาตรฐานแรงงานมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นนายก็น่าจะรู้แล้วใช่ไหมว่าสมาคมแรงงานกับศาลไม่อนุญาตให้พวกเราใช้แรงงานเด็ก?”
กอร์ดอนตอบว่า “พวกเราไม่ใช่เด็กสักหน่อย พวกเราคือนักล่าเงินรางวัลต่างหาก!”
“ถ้าเป็นนักล่าเงินรางวัลก็ไม่เหมาะที่จะใช้กฎหมายมาตรฐานแรงงานน่ะสิ ดังนั้นอย่าทำให้ฉันต้องเสียเวลา ถ้าจะทำก็ไปเริ่มงาน ทำเสร็จแล้วค่อยเอาปลามารับเงินรางวัล” ฉินสือโอวโบกมือปัดด้วยความรำคาญ
กอร์ดอนพูดอย่างท้อใจ “ฉิน คุณเผด็จการเกินไปแล้วนะ ทำไมไม่ปลูกฝังความกระตือรือร้นต่อการทำงานให้พวกเราสักหน่อยล่ะ?”
ฉินสือโอวโอบเขาไว้แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่รัก ฉันกำลังช่วยให้พวกนายได้สัมผัสถึงด้านมืดของสังคมล่วงหน้า ดังนั้นรีบไปทำงานซะ ตอนนี้ฉันคือนายทุนหน้าเลือด เข้าใจหรือยัง?”
………………………………………………