ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1347 จัดหาที่อยู่ใหม่ให้ทหารผ่านศึก
เมื่อพยายามเข้าใจแล้วแต่ไม่เข้าใจก็เลิกทำมันเสียเลย ฉินสือโอวดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมา ถึงจะแค่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังที่เขามีอยู่แล้วแต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี เขาพอใจกับจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งแปดสายที่เขามีอยู่ในตอนนี้เป็นอย่างมาก แบบนี้พลังในการควบคุมมหาสมุทรของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นแล้ว
ในอ่างอาบน้ำหลงเหลือเพียงน้ำสีขุ่นกับสภาพอ่างที่เละเทะ ฉินสือโอวดึงฝาอุดรูระบายน้ำในอ่างออกเพื่อให้น้ำสกปรกไหลลงไป ต่อจากนั้นจึงเอนตัวนอนลงบนเตียงด้วยความพึงพอใจจนถึงขีดสุด
พอเวลาอาหารเที่ยง เออร์บักโทรศัพท์มาหาเขาเพื่อบอกให้เขาไปทานข้าวกับนายทหารเก่า
ฉินสือโอวรีบจัดการแต่งตัวทันที ได้ประโยชน์จากนายทหารเก่ามากมายขนาดนี้แล้วก็ควรตอบแทนเขาด้วย และสิ่งตอบแทนนั้นก็ไม่ใช่แค่สิ่งของที่เป็นวัตถุ แต่ยังมีสิ่งตอบแทนทางความคิดรวมถึงจิตใจอีกด้วย นั่นคือเขาต้องให้ความเคารพกับทหารผ่านศึกคนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นตัวตนของทหารผ่านศึกท่านนี้ก็ควรค่าแก่การเคารพ ถ้าเป็นเขา เขาคงไม่กล้ารับประกันเหมือนกันว่าจะเก็บของที่ไม่มีประโยชน์กับตัวเองเลยสักนิดไว้ได้หลายสิบปีแบบนี้ไหม ถ้าเป็นคนอื่น อำพันทะเลก้อนนี้น่าจะถูกโยนทิ้งไปนานแล้ว
ฉินสือโอวพานายทหารเก่าไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นร้านอาหารที่มีการตกแต่งอย่างหรูหรา ตอนที่เดินเข้าไปในร้าน ทหารเก่าก็บ่นพึมพำกับตัวเองว่า ตั้งแต่ย้ายมาเขายังไม่เคยมาทานอาหารในร้านแบบนี้เลย
ในขณะที่อาหารกำลังถูกนำมาเสิร์ฟ เมนูแรกที่นำมาขึ้นโต๊ะก็คือก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ชามโต เคียงกับหมูสับและมีผักสีที่มีเขียวโรยหน้า ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่สีขาวราวกับหิมะ และด้านบนยังถูกแกะสลักลวดลายไว้อีกต่างหาก
ร้านอาหารจีนร้านนี้เป็นร้านที่ฉินสือโอวตั้งใจหาจากอินเทอร์เน็ต พวกเขาเชี่ยวชาญการทำอาหารประเภทหมี่ และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารประเภทหมี่ที่ดีที่สุดในเมืองแวนคูเวอร์ แน่นอนว่าราคาของอาหารที่นี่ต้องไม่ถูก ก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ไซส์นี้มีราคาอยู่ที่หกสิบดอลลาร์กว่าๆ ราคาเท่ากับคนธรรมดาทานอาหารมื้อหนึ่งเลย
พอได้เห็นก๋วยเตี๋ยวชามนี้ ชายชราก็ถึงกับยิ้มออกมา พูดกับเขาด้วยความเกรงใจว่า “เสี่ยวฉินช่างจิตใจดีจริงๆ”
ตอนที่กำลังทานอาหารฉินสือโอวก็แอบกระซิบถามเออร์บักถึงเรื่องสถานดูแล ทนายอาวุโสจึงพยักหน้าแล้วบอกกับเขาว่า “ปู่เต็มใจจะไปที่นั่น เรื่องสถานดูแลทหารผ่านศึก ท่านรู้จักเรื่องนี้ดียิ่งกว่าพวกเราเสียอีก เห็นได้ชัดว่าท่านน่าจะเคยคิดที่จะเข้าไปอยู่ที่นั่นมาก่อนแล้ว”
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมสุดท้ายแล้วถึงไม่ได้ไป เหตุผลก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ต้องเป็นเพราะท่านมีเงินไม่พออย่างแน่นอน
แคนาดามีสวัสดิการสังคมที่ดีเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของโลก อย่างเช่นการรักษาพยาบาลฟรีสำหรับทุกคน สาธารณูปโภคที่ครบครันและการยกเว้นค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาฟรี 12 ปีเป็นต้น แต่การที่จะได้รับสวัสดิการพวกนี้ อย่างแรกก็ต้องเป็นบุคคลที่จ่ายภาษี ต้องมีประกันสังคม ไม่อย่างนั้นก็อย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้เลย
ถ้าอย่างนั้นพูดถึงค่าเทอมฟรีดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกของใครก็คงจะได้รับการยกเว้นค่าเทอมใช่ไหมล่ะ? ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย มีแค่ครอบครัวที่จ่ายภาษีเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิสวัสดิการแบบนี้ ซึ่งจะอยู่ที่ปีละประมาณห้าร้อยดอลลาร์แคนาดา
นายทหารเก่าไม่มีประกันสังคม เขาไม่ได้รับเงินบำนาญ ไม่ใช่ว่าตอนเป็นหนุ่มเขาไม่ขยัน แต่เป็นเพราะเขาประสบกับความไม่เป็นธรรมที่มากเกินไปต่างหาก
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นายทหารเก่าเสี่ยงชีวิตเพื่อประเทศแคนาดา แต่พอสงครามสิ้นสุดลง พวกเขากลับถูกบีบให้ปลดประจำการ หลังจากออกจากการเป็นทหารพวกเขาก็มาหางานทำ แต่เพราะการเหยียดเชื้อชาติทำให้พวกเขาไม่สามารถหางานที่ดีได้เลย มีแต่งานที่ไม่มั่นคง ที่ไม่เพียงแต่ให้รายได้ต่ำแต่ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีบริษัทไหนชำระค่าประกันสังคมให้กับพวกเขาเลย…
ทว่านายทหารผ่านศึกเฉินปล่อยวางเรื่องนี้ได้ดีมาก ขณะที่พูดคุยกันเรื่องนี้บนโต๊ะอาหาร เขาก็หัวเราะฮ่าๆ พร้อมกับเล่าว่า “แต่ต่อมาการดูถูกเหยียดหยามคนจีนในแคนาดาก็ไม่ได้หนักหนาเท่าไรแล้วล่ะ ความพยายามของเราก็ได้รับผลตอบแทนคืนมาเหมือนกัน พอคนจีนอย่างเราทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศนี้ในช่วงสงคราม หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลงได้ไม่กี่ปี รัฐบาลก็ยกเลิกนโยบายที่เป็นการดูถูกเหยียดหยามคนจีนแล้ว”
ไม่มีประกันสังคม ไม่มีเงินบำนาญ การที่ทหารผ่านศึกจะเข้าไปอยู่ในสถานดูแลจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก เนื่องจากสถานดูแลไม่ใช่สวัสดิการขั้นพื้นฐานของรัฐ แต่มีลักษณะการดำเนินงานแบบองค์กรเอกชน จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่าย
ที่ดีหน่อยก็คือ ด้วยการคำนึงถึงความต้องการเกี่ยวกับสถานดูแลผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลประจำรัฐทุกรัฐในแคนาดาจึงเริ่มลงทุนและให้ทุนช่วยเหลือการบริการประเภทนี้ มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่างๆ ก็เปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ ขณะนี้สถานดูแลผู้สูงอายุในแคนาดาได้กลายเป็นโอกาสในการพัฒนาแบบใหม่สำหรับองค์กรธุรกิจและการศึกษาไปแล้ว
ส่วนใหญ่แล้วสถานดูแลผู้สูงวัยในรัฐบริติชโคลัมเบียจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลส่วนภูมิภาค หากเป็นของเอกชนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนตัว โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 1,100 ดอลลาร์ต่อเดือน แน่นอนว่าสถานดูแลในแต่ละที่ย่อมมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน สถานดูแลทหารผ่านศึกของแวนคูเวอร์มีรัฐบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายเป็นหลัก ทำให้มีค่าใช้บริการส่วนบุคคลอยู่ที่เดือนละ 600 ดอลลาร์โดยประมาณ
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่นายทหารเก่าก็รับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว
แต่สำหรับฉินสือโอวแล้วเงินจำนวนเท่านี้ย่อมถือว่าเป็นเงินจำนวนน้อยนิด เช้าวันต่อมาเขาจึงขับไปที่เมืองแวนคูเวอร์ เพื่อติดต่อสถานดูแลทหารผ่านศึก
สถานดูแลแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองแวนคูเวอร์ มีบรรยากาศสวยงาม ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะธรรมชาติแห่งหนึ่ง อีกทั้งภายในสถานดูแลก็ถูกจัดแต่งให้เหมือนกับค่ายทหาร มีการขุดคูน้ำในบางพื้นที่ ที่ประตูทางเข้าก็มีทหารคอยยืนยามและมีแม้กระทั่งการจัดแสดงรถถัง
เออร์บักรับติดต่อสถานดูแลไว้ก่อนแล้ว หลังจากที่พวกเขาเดินทางมาถึงก็มีผู้หญิงสวมเครื่องแบบทหารคนหนึ่งเข้ามาพาพวกเขาไปเดินชมรอบๆ
ขณะที่กำลังแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกให้พวกเขาฟัง พนักงานคนนี้ก็นำเสนอจุดเด่นของพวกเขาไปด้วย “พวกเราให้การบริการได้หลายระดับแตกต่างกันไปตามค่าใช้จ่าย แต่ถึงจะเป็นบริการระดับต่ำที่สุด ก็สามารถสนองความต้องการด้านต่างๆ ในการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุท่านหนึ่งได้ อย่างเช่นการตัดผม คอยให้ความช่วยเหลือเวลาอาบน้ำ การจัดการขยะ ซักผ้า และการจัดกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น”
ฉินสือโอวเดินดูบริเวณภายในไปแล้วหนึ่งรอบ เขาพบว่ากิจกรรมที่สถานดูแลแห่งนี้จัดให้มีอยู่หลากหลายมาก อย่างเช่นการโยนโบวลิ่ง กิจกรรมงานหัตถกรรม เกมหมากรุกและไพ่โป๊กเกอร์ การเยี่ยมชมสัตว์เลี้ยง การจับจ่ายและการท่องเที่ยวรวมถึงกิจกรรมทางกายภาพที่ออกแรงไม่มากบางส่วน
สิ่งที่เขาสนใจคือค่าบริการที่ต่างแบ่งตามระดับ จึงเอ่ยถามพนักงานว่า “ระดับสูงสุดมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่เท่าไรครับ? แล้วให้บริการอะไรบ้าง?”
พนักงานกล่าวว่า “ระดับสูงสุดมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,800 ดอลลาร์ต่อเดือนค่ะ ให้บริการห้องพักเดี่ยว มีคนคอยดูแลโดยเฉพาะ อาหารสามารถปรับตามความชอบส่วนตัวและสุขภาพร่างกายได้ค่ะ มีการจัดงานวันเกิดส่วนตัวให้แบบนั้นเป็นต้น”
หลังจากเข้าใจชัดเจนแล้ว เขาก็ไปถามนายทหารเก่าว่ารู้สึกอย่างไรกับสถานดูแลแห่งนี้ นายทหารเก่าจึงพูดกับเขาด้วยความปลื้มอกปลื้มใจว่า “ดีมากๆ แล้ว ที่นี่ดีมากจริงๆ มีเพื่อนอยู่ด้วยกันเยอะขนาดนี้ ต้องดีกว่าอยู่คนเดียวอยู่แล้ว”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงตรงไปชำระเงินเลยทันที เขาชำระค่าใช้จ่ายสำหรับหนึ่งปีแล้วก็ทิ้งช่องทางการติดต่อเอาไว้ ทุกๆ ปีหลังจากนี้สถานดูแลทหารผ่านศึกสามารถติดต่อเขาเพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่ายได้โดยตรง
“ด้วยการบริการระดับสูงที่สุด ถ้าคุณปู่ของผมมีปัญหาอะไรต้องติดต่อผมทันทีนะครับ” ฉินสือโอวกล่าว
คนมีเงินอยู่ที่ไหนก็เป็นที่ต้อนรับ พอได้ยินที่เขาพูดพนักงานก็ตอบเขากลับมาพร้อมกับแย้มรอยยิ้มกว้างจนแก้มปริ “ได้โปรดวางใจเถอะค่ะ คุณฉิน พวกเราจะดูแลทหารผ่านศึกที่น่าเคารพนับถือท่านนี้เป็นอย่างดี พวกเราจะส่งอีเมลไปให้คุณสัปดาห์ละหนึ่งฉบับทุกสัปดาห์ เพื่อรายงานสภาพร่างกายและทุกรายละเอียดต่างๆ ในการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุท่านนี้ให้คุณทราบ”
ฉินสือโอวพยักหน้ารับ แล้วบอกกับนายทหารเก่าว่า หลังจากนี้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่และรับการบริการตามมาตรฐานระดับสูงได้อย่างสบายใจแล้ว
ดังนั้นจึงเหลือเพียงการขนย้าย แค่นำของบางอย่างที่นายทหารเก่าตัดใจทิ้งไม่ลงมาจากบ้านหลังเก่าของเขาก็เป็นอันเสร็จสิ้น เขาสั่งงานอยู่หนึ่งวันเต็มๆ จนบริษัทรับขนย้ายบ้านทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เตรียมตัวกลับ
ขณะที่กำลังจะแยกย้าย นายทหารเก่าจับมือของฉินสือโอวแล้วหลังน้ำตาออกมาอีกครั้ง “ฉันต้องเคยทำความดีไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้วแน่ๆ ชาตินี้ถึงได้รู้จักครอบครัวของพวกนาย พี่ฉินเคยช่วยฉันไว้หลายครั้ง มาคราวนี้นายก็ช่วยจัดหาที่อยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตให้ฉัน ฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดี”
ฉินสือโอวสวมกอดนายทหารเก่าเอาไว้ แล้วพูดกับเขาว่า “ปู่เฉิน อย่าคิดมากเลยครับ นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว การที่ปู่เก็บอำพันขี้ปลาก้อนนั้นไว้ให้ปู่ของผมก็ทำให้ผมซาบซึ้งใจจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงเหมือนกัน”
………………………………………………….