ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1356 ความยุ่งยากจากพวกนักเลง
ฉินสือโอวจ้องไปที่เฉินเหลย แล้วก็วางท่าสง่าผ่าเผย ลูบหัวไวส์ พยายามทำตัวใจดีแล้วถามขึ้น “อยู่บ้านเป็นยังไงบ้าง? ขยันฝึกวิชาหรือเปล่า?”
ไวส์เชิดหน้าขึ้น พูดเสียงดังว่า “รายงานท่านอาจารย์ ผมไม่แค่ขยันฝึกวิชา แต่ยังขยันฝึกภาษาจีนด้วย! อีกอย่าง ผมยังต่อยกับไอ้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มาเหยียดหยามพวกเราด้วย!”
“ชกต่อยแล้วเหรอ?” ฉินสือโอวถามขึ้น “ทำไมล่ะ?”
ไวส์พูดอย่างไม่พอใจว่า “แต่ว่าเมื่อก่อนคาริคน้อยชอบรังแกผม”
ฉินสือโอวโบกไม้โบกมือ พูดอย่างเคร่งขรึม “ไวส์ อย่างไรก็แล้วแต่ การชกต่อยก็ไม่ถูกต้อง คนในรุ่นฉันที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ควรมุ่งเป้าไปที่เสริมสร้างร่างกาย คำนึงถึงคนทั่วไปและโลกของเรา แต่ถ้าจะต้องลงมือจริงๆ นั่นก็ต้องทำเพื่อช่วยเหลือและเพื่อความยุติธรรม อาจารย์สอนวิชานายไม่ได้ให้ไปแก้แค้นใครนะ จริงสิ เมื่อก่อนเขาแกล้งนายยังไงล่ะ?”
พอได้ฟังคำที่ฉินสือโอวตำหนิ ไวส์ก็เริ่มเศร้าแล้วพูดว่า “เขาบอกว่าผมเป็นผีที่เดินออกมาจากโลง ต้องดูดเลือดถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ แล้วก็ไม่ให้เพื่อนคนอื่นเล่นกับผม ยังมีอีกนะ เขายังทำลายของเล่นของผม ไม่ให้ผมกินข้าว…”
“เชี่ย คราวหน้านะไวส์ พากอร์ดอน ฉงต้า หู่จือ เป้าจือไปด้วย แม่งเอ๊ยเด็กเวรพวกนี้ขาดก็แต่บทเรียน! ครั้งหน้าถ้าเจอเอาหนักๆ เลย จำไว้ต่อยเพิ่มไปอีกสักสองหมัด ถือซะว่าซัดแทนอาจารย์ไป!” ฉินสือโอวพูดด้วยความโกรธ
ไวส์รีบพยักหน้าหงึกๆ “ครับ ครับ ดีครับอาจารย์ ผมบอกเขาไว้แล้วว่าครั้งหน้าเจออีกได้เห็นดีกันแน่!”
พอเห็นแบบนี้ วินนี่ดึงแขนฉินสือโอวด้วยความโกรธ พูดขึ้นว่า “คุณสอนเด็กยังไงคะเนี่ย?”
พูดไป เธอก็คุกเข่านั่งลงดึงเสื้อของไวส์ให้เรียบร้อย พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ประเทศของอาจารย์มีคำพูดอยู่คำพูดหนึ่งที่โด่งดังมากคือใช้คุณธรรมลบล้างความแค้น ไวส์ บางครั้งเราก็ต้องรู้จักข่มความโกรธที่อยู่ข้างในใจเรา เข้าใจไหมครับ?”
ไวส์พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ รอจนวินนี่ไปต้อนรับครอบครัวบรูซที่อยู่ด้านหลัง ฉินสือโอวก็พูดขึ้น “เฮ้ เจ้าตัวเล็ก ไม่ต้องไปฟังคำอาจารย์หญิง เพราะประเทศของเรายังมีคำที่โด่งดังกว่านั้นคือความแค้นและบุญคุณต้องแยกกันให้ชัดเจน เราแค่เป็นคนดีที่รู้จักแยกแยะความแค้นกับบุญคุณได้ก็พอแล้ว”
“ฉันได้ยินนะคะ ฉิน” วินนี่พูดโดยไม่หันศีรษะกลับมา
เฉินเหลยและเหมาเหว่ยหลงพูดตามวินนี่ “ฉันได้ยินนะ ฉิน”
ฉินสือโอวกลอกตามองบน “พวกนายได้ยินแล้วยังไง พวกนายไม่รู้ความหมายของคำพวกนี้จริงๆ หรอก รู้ไหมว่าใครเป็นคนสรุปคำพูดนี้ออกมา?”
“เชี่ย ก็ขงจื๊อไง อย่างกับไม่มีคนรู้” เฉินเหลยพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
ฉินสือโอวยิ้มเย็น “ถ้าอย่างนั้นรู้ไหมว่าคำพูดดั้งเดิมของขงจื๊อเลยคืออะไร? ประโยคดั้งเดิมเลยคือ มีคนพูดว่า ‘ใช้คุณธรรมตอบแทนความแค้น ดีหรือไม่?’ ขงจื๊อพูดว่า ‘ใช้อะไรตอบแทนความแค้นอย่างนั้นหรือ? ใช้คุณธรรมตอบแทนความแค้น ใช้คุณธรรมตอบแทนคุณธรรม’! เข้าใจความหมายไหม คงไม่ต้องให้ฉันอธิบายให้พวกนายฟังหรอกนะ?”
“เฉินเหลยและเหมาเหว่ยหลงมองหน้ากันและกันด้วยความประหลาดใจ ถกเถียงกันเสียงเบาว่า “แย่แล้ว ทำไมฉินมันเข้าใจแม้กระทั่งสิ่งนี้เนี่ย? นายเคยได้ยินไหม คำพูดนี้เขาคิดขึ้นมาเองหรือเปล่า?”
ไม่น่าจะใช่ ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก เจ้านี่มันไม่เหมือนพวกเราที่ต้องต่อสู้เลี้ยงชีวิต ทั้งวันเขาว่างไม่มีอะไรทำก็อ่านหนังสือ เลยไม่รู้ว่าไปเห็นประโยคนี้มาจากหนังสือเล่มไหน”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างภาคภูมิใจหลังจากนั้นก็อธิบายให้ไวส์ฟังว่า “ประโยคที่อาจารย์พูดเมื่อกี้ เป็นประโยคที่ลูกศิษย์คนหนึ่งของขงจื๊อถามขงจื๊อว่า ‘อาจารย์ คนอื่นต่อยผม แต่ผมไม่ต่อยเขากลับ แต่ผมกลับทำดีต่อเขา ใช้คุณธรรมและการศึกษาของผมทำให้เขาอับอาย เพื่อให้เขากลับใจ ดีไหมครับ?’ ขงจื๊อจึงตอบว่า ‘เจ้าเอาคุณธรรมตอบแทนความแค้น เช่นนั้น ‘อะไรตอบแทนคุณธรรมล่ะ’? ตอนที่คนอื่นดูแลเธอด้วยคุณธรรม เธอถึงค่อยใช้คุณธรรมมาตอบแทนคนนั้น แต่ตอนนี้คนอื่นต่อยเธอ เธอก็ควรจะ ‘เอาความยุติธรรมตอบแทนความแค้น’ เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ยุติธรรม’ ใช่ไหม?”
ไวส์ส่ายหัวด้วยความไม่รู้อะไรเลย
ฉินสือโอวพูดด้วยความหนักแน่นว่า “ความหมายก็คือ ถ้าหากมีใครกล้ารังแกเรา เราก็เอาอิฐปาใส่เขา! ใช้18 ฝ่ามือพิชิตมังกรซัดเขาไป! ใช้เท้าสายลมเทวดาเตะเขา! ใช้เทพกระบี่หกชีพจรแทงเขา!”
ไวส์พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น “ผมเข้าใจแล้วครับอาจารย์!”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างพึงพอใจ บรูซและภรรยาเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัยว่า “พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
ฉินสือโอวจับมือจอร์จ แล้วพูดขึ้น “ผมกำลังสอนไวส์เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ในการประพฤติตัว บอกเขาว่าผู้ชายต้องจัดการกับความขัดแย้งแบบไหน พวกเราไม่ได้หาเรื่อง แต่ก็ไม่กลัวเช่นกัน ใช่ไหมครับ?”
จอร์จพยักหน้าเห็นด้วย “ผมชื่นชมพฤติกรรมของอาจารย์ฉินมาก คุณสอนได้ถูกแล้ว พวกเราไม่ก่อเรื่อง แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาต่อหน้าเรา เราก็จะไม่กลัวอย่างแน่นอน!”
เหมาเหว่ยหลงรู้จักกับคู่สามีภรรยาแล้ว ฉินสือโอวจึงแนะนำเฉินเหลยอีกครั้ง เฉินเหลยทำงานในโรงงานเหล็กของรัฐ เขาจึงรู้ถึงชื่อเสียงของคู่สามีภรรยาบรูซคู่นี้ดี และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ฉินสือโอวพาเขามา
หลังจากกลับไปที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวหาพวกบิลลี่เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนคุยกับจอร์จและภรรยา จอร์จก็อยากจะรู้จักกับเพื่อนสมัยเรียนของฉินสือโอวสักหน่อย ตามหลักคำพูดของเขาแล้วก็คือ ‘ด้วยความโดดเด่นเก่งกาจของอาจารย์ฉิน คิดว่าเพื่อนของเขาก็ต้องเป็นคนเก่งที่หายากเช่นกัน’
ผลสุดท้ายปรากฏว่าไอ้พวกนี้ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด ฉินสือโอวหาไปหามาก็ไม่เจอใครสักคน
ผ่านไปสักพัก แม้แต่เหมาเหว่ยหลงและคนอื่นๆ ก็หายไป ทำให้เขารู้สึกทนไม่ได้จนต้องสบถออกไปจริงๆ
นี่เป็นราชาเหล็กกล้าแห่งอเมริกาเลยนะ แขกผู้มีเกียรติที่มาในงานแต่งงานครั้งนี้ ต่อให้เป็นยักษ์ใหญ่มาจากไหนก็ไม่กล้าพูดได้ว่าจะเทียบกับสามีภรรยาคู่นี้ได้ อย่างน้อยๆ พอพวกเจ้าชายเจอสามีภรรยาคู่นี้ก็ยังต้องพยักหน้าทักทาย ดังนั้นให้เพื่อนที่เรียนด้วยกันมารู้จักกับพวกเขาสักหน่อยก็คงไม่มีอะไรเสียหาย
ตอนบ่าย คาเมรอนและสองพ่อลูกสเตราส์ก็มาด้วยกัน ฉินสือโอวรับพวกเขามาและเพิ่งจัดที่ทางให้พวกเขาได้สักพัก เฉินเจี้ยนหนานก็โทรมา บอกว่าพวกเขาซื้อของที่เมืองเซนต์จอห์น แต่มีปัญหาเล็กน้อย อยากให้ฉินสือโอวมาช่วยดูหน่อย
ฉินสือโอวมองท้องฟ้าเห็นว่าเวลาก็ดึกแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงออกไปซื้อของเวลานี้ แต่เมื่อได้ยินว่าพวกเขากำลังมีปัญหา เขาจึงคิดว่ารีบไปจะดีกว่า พรุ่งนี้ก็เป็นวันแต่งงานแล้ว จะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นไม่ได้
ฉินสือโอวจงใจพาฮิวจ์คนน้องและเบิร์ดไปด้วย ฮิวจ์ก็เป็นอันธพาลอยู่ที่เมืองเซนต์จอห์น ส่วนเบิร์ดเป็นบอดี้การ์ดเก่งฉกาจและนักเลงมือฉมัง มีเพียงสองคนนี้ทุกเรื่องก็น่าจะสามารถผ่านไปด้วยดี
ตอนที่พวกเขาเพิ่งถึงท่าเรือก็มีรถซีตรองคันหนึ่งขับผ่านมา หน้าต่างรถเลื่อนลงโผล่ศีรษะใหญ่ๆ ออกมานอกหน้าต่าง “คุณฉินชาวจีน? คุณมีเพื่อนสมัยเรียนชาวจีนมาซื้อของใช่ไหม?”
เมื่อฮิวจ์เห็นคนคนนี้จึงรีบดึงฉินสือโอวออกมา แล้วกระซิบว่า “เชี่ยแล้ว เป็นไอ้นี่ได้ไงกัน? เขาเป็นอันธพาลคนหนึ่งในแก๊งเอธิโอเปีย ตั้งแต่ไอ้เลวนี่มาที่เมืองเซนต์จอห์น เมืองนี้ก็ไม่เคยสงบอีกเลย”
เบิร์ดล้วงมือถือออกมา แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “แบล็คไนฟ์? ตั้งจุดพิกัดบนมือถือของฉัน พวกเราอาจจะลำบากหน่อย เรียกพรรคพวกมาให้หมด อย่าลืมพกปืนมาด้วย”
ฉินสือโอวรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสอง ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้?
เมื่อยืนยันตัวตนของทั้งสามเป็นที่เรียบร้อย ชายร่างใหญ่ที่มีใบหน้าอวบก็ลงจากรถแล้วเปิดประตูหลังเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้พวกเขาขึ้นรถไป ฮิวจ์ห้ามไว้ ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ว้าว นี่พี่วาเรสไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้?”
ชายร่างใหญ่ดึงเสื้อคลุมขึ้นเผยให้เห็นด้ามปืนแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระ ขึ้นรถ!”
……………………………………….