ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1368 ออกล่าสัตว์
ตอนเที่ยงของฤดูใบไม้ร่วง พระอาทิตย์กำลังส่องแสง
มองจากภูเขาลงไปด้านล่าง จะเห็นผิวน้ำทะเลเป็นเกลียวคลื่น คลื่นซัดสาดแต่ละระลอกจะมีแสงสีทองเปล่งประกาย ราวกับผิวน้ำถูกเคลือบด้วยผงทองหนึ่งชั้น เป็นความงดงามของแสงที่ทอประกายออกมา
ใต้ภูเขามีป่าเมเปิลเป็นหย่อมๆ เมื่อลมพัดมาใบเมเปิลก็พลิ้วไหว ใบสีเหลืองอมส้มพลิ้วไสวไปตามสายลมเกิดเป็นเสียงราวกับคลื่นทะเล พวกต้นสนมังกร ต้นสนยักษ์ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า ให้ความรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงมั่นคง
มองลงไปอีกก็จะเป็นใต้เชิงเขา เห็นถนนที่เป็นระเบียบทอดยาวไปสู่เมืองเล็กๆ เมืองเก่าที่มีกลิ่นอายของความเรียบง่าย บ้านแต่ละหลังเรียงรายกันเป็นทอดๆ ราวกับหมู่บ้านยุโรปในยุคกลาง
“แม่งเอ๊ย!” แววตาของเฉินเหลยที่มองลงไปด้านล่างเขา เอ่ยด้วยความประหลาดใจ
“พี่เหลย ด่าคนทำไม? ทำลายบรรยากาศจริงๆ!” ซ่งจวินเหมยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เฉินเหลยหัวเราะเบาๆ แล้วยกมือขึ้นด้วยท่าทางเหมือนยอมจำนน “นั่นฉันไม่ได้ด่าคนนะ แค่หลุดคำอุทานออกมา เป็นคำเสริมช่วยน้ำเสียง เหมือนพวกคำสร้อยล่ะ”
ฉินสือโอวเข้ามาตบบ่าของเฉินเหลย แล้วพูดว่า “พี่เหลยเป็นคนตรงๆ”
เฉินเหลยพูดอย่างมีความสุขมาก “ใช่ ยังไงไอ้ฉินก็เข้าใจฉันเสมอ”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว คนที่สามารถพูดเรื่องไร้สาระได้มากมายเหมือนนายขนาดนี้ฉันก็รู้จักไม่เยอะหรอก”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา เริ่มล้อเฉินเหลยกัน
จงต้าจวิ้นทอดถอนใจแล้วพูดว่า “พอเห็นวิวที่นี่ ฉันก็ไม่อยากกลับไปทำงานแล้ว ยังไม่สู้อยู่คนเดียว สร้างบ้านไม้สักหลังบนภูเขาแล้วอาศัยอยู่ตลอดไป”
คนอื่นๆ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ฉินสือโอวพูดขึ้น “อย่าเลย วิวต่อให้งดงามแค่ไหน มองนานๆ ไปก็เบื่อ ชีวิตก็คือการต่อสู้ ความสับสน และความยากลำบาก การเผชิญหน้ากับชีวิตที่ไม่รู้อนาคต ถือเป็นเสน่ห์ของการใช้ชีวิตนะ”
หม่าจินมองไปที่ฉินสือโอวด้วยความประหลาดใจ “เชี่ย ฉิน ไม่ได้เจอแค่ปีกว่านายเปลี่ยนไปมากจริงๆ นี่มีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตแล้ว สักพักพวกเราต้องดื่มซุปไก่จิตวิญญาณที่นายตุ๋นด้วยไหมเนี่ย?”
เฉินเจี้ยนหนานโบกมือไปมา พูดขึ้น “ทุกคนอย่าเพิ่งโวยวายไป ฉันถามหน่อย ฉิน นายรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”
ฉินสือโอวหัวเราะฮา “เป็นแบบนั้นที่ไหนล่ะ? ฉันคิดว่าชีวิตที่มีเงินต่างหากถึงเรียกว่าชีวิต อะไรนะต่อสู้ ความสับสนให้มันไปลงนรกซะ ชีวิตของฉันหลังจากย้ายถิ่นฐานแล้วสบายสุดๆ เลยพวกนายรู้ไหม?”
คนทั้งกลุ่มกลอกตามองบนแล้วชูนิ้วกลางให้เขา ครั้งนี้แม้แต่ซ่งจวินเหมยและผู้หญิงคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ ด่าเขาว่าเป็นคนเลวด้วย
เหมาเหว่ยหลงก็ด่าสมทบ ด่าเสร็จเขาก็บอกว่า “พี่น้อง ถ้าทุกคนทนความเหงาได้ พูดตามตรงเลยว่าย้ายถิ่นฐานมาที่แคนาดามันดีจริงๆ ตอนนี้ฉันก็ทำฟาร์มเล็กๆ กินดื่มล้วนเลี้ยงได้ด้วยตัวเอง ไม่มีกิจกรรมบันเทิงใดๆ แต่กลับรู้สึกว่ามีความสุขมากกว่าตอนอยู่ในเมืองมาก”
ฉินสือโอวไม่แนะนำให้คนพวกนี้ย้ายถิ่นฐาน เพราะเขาเจออะไรมามากกว่าเหมาเหว่ยหลง ตอนนี้สิ่งที่ดึงดูดทุกคนคือสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของเกาะแฟร์เวล อีกทั้งมีเขาที่เป็นเศรษฐีที่คอยสนับสนุนอยู่ ถ้าเกิดไปทะเลตกปลาจริงๆ สักสองสามวัน คนพวกนี้จะต้องรู้สึกแน่ๆ ว่าแคนาดาก็ธรรมดาทั่วไป
ตอนหลังเขาไม่ได้ร่วมสนทนาด้วย เขาหยิบเตาเล็กๆ ออกมาสองสามอันเพื่อเตรียมอาหารกลางวัน อาหารกลางวันแสนจะเรียบง่าย เพราะพวกเขาพกแฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า เป็นต้น มาจากฟาร์มปลา แล้วยังมีเกี๊ยวต้มแช่แข็งที่แม่ฉินเป็นคนห่อไว้ด้วย
พอเป็นแบบนี้ต้มซุปไก่ป่าเป็ดป่าสักหน่อย กินคู่กับอาหารฟาสต์ฟู้ดพวกนี้ก็โอเคแล้ว จุดสำคัญคือปีนเขาและชมวิวทิวทัศน์ พวกเขาอยากจะตั้งแคมป์บนภูเขา ดังนั้นมื้อค่ำของนี้คืนถึงจะเป็นไฮไลต์
เตาสองสามอันนี้เป็นเตาไม้ DIY ที่ฉินสือโอวทำเอง ตอนทำอาหารไฟแรงใช้ได้เลย ฉินสือโอวใช้ก้อนหินและโคลนในแม่น้ำแยกกันไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เตาไฟล้มขึ้นมาแล้วเกิดไฟไหม้ ฤดูใบไม้ร่วงจะเกิดอัคคีภัยไม่ได้เด็ดขาด
เปลวไฟเลียก้นหม้ออยู่ ฉินสือโอวรอน้ำเดือดแล้วค่อยใส่เกี๊ยวลงไป เฉินเหลยหิวแล้วจึงไม่ได้รอให้สุกก็ตักขึ้นมาชิมก่อน หลังจากนั้นก็อุทานขึ้นมาว่า “แม่ง ฉิน แม่นายห่อเกี๊ยวได้สุดยอดเลย อร่อยโคตร”
“ไหน ไหน?” คนทั้งกลุ่มรวมตัวกันเข้ามาค่อยๆ หยิบไปกิน หม่าจินพอกินไปหนึ่งอันก็สบถด่า “เชี่ย ไอ้เหลยแกหลอกฉันเหรอ? ยังไม่สุกเลย แค่กๆๆ!”
เฉินเหลยพอเห็นพวกเขาหลงกลก็หัวเราะใหญ่ พอเห็นแบบนี้ หม่าจินที่กำลังโกรธเขาอยู่จึงพาคนไปรุมหยิกเขา
ฉินสือโอวแบ่งเนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อกระต่ายที่ต้มสุกแล้วให้กับฉงต้า หู่จือ เป้าจือ หลัวปอและซิมบ้า เจ้าสัตว์พวกนี้กินด้วยกันอย่างมีความสุข ช่วงนี้ฉงต้าไม่ค่อยสนใจที่จะกินพวกเนื้อ หลักๆ จะกินผลไม้และปลาที่ฉินสือโอวตกขึ้นมาได้ จึงไม่ได้ไปแย่งพวกพี่น้องที่กำลังกินเนื้อตุ๋น
ในขณะที่กำลังกินพิซซ่า เฉินเจี้ยนหนานก็เดินเข้ามาถามว่า “ฉิน ตอนบ่ายทำอะไรต่อ? เดินเขาต่อเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบว่า “ไม่ล่ะ ตอนบ่ายพวกเราไปล่าสัตว์และตกปลากัน สถานที่แห่งนี้เหมาะที่จะทำไว้พักผ่อนที่สุดละ พวกนายดูสิตรงนั้นก็มีกระท่อมไม้ ตอนกลางคืนพวกเราก็นอนกันที่นี่แหละ”
เมื่อกินอิ่มเรียบร้อย พวกฉินสือโอวก็คุยกันถึงเรื่องเก่าๆ สมัยมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็เริ่มแบ่งกลุ่มออกล่าสัตว์
ฉินสือโอวนำกลุ่มหนึ่ง เหมาเหว่ยหลงนำอีกกลุ่มหนึ่ง เขาจัดให้อีวิลสัน ฉงต้าและหู่จือไปกับเหมาเหว่ยหลง พวกเขาไปตกปลากัน ด้วยเหตุนี้ถ้าเจอสัตว์ป่าดุร้ายอะไรก็ไม่ต้องกลัว
ฉินสือโอวนำทีมไปล่าสัตว์ มีหม่าจิน เฉินเหลยและผู้ชายอีก 5 คนไปกับเขา เหยียนตงก็อยากไปด้วย แต่ผลปรากฏว่าโดนซ่งจวินเหมยลากไปตกปลา เขาทำได้เพียงยอมจำนนผู้เป็นภรรยา จึงไปตกปลาด้วยกัน
“พวกเราล่าอะไรเป็นหลักเหรอ?” เฉินเหลยถามด้วยความตื่นเต้น
ฉินสือโอวตอบว่า “กวางหางขาวหรือไม่ก็กวางปักกิ่ง แล้วก็ล่าหมูป่าตัวเดียวก็พอแล้ว แต่ถ้าหากเจอแพะป่า ก็เยี่ยมไปเลย เนื้อแพะป่าอร่อยกว่าหมูป่าเยอะเลย”
เป้าจือและหลัวปอวิ่งเหยาะๆ อยู่ด้านหน้า พวกเขาแบกปืนและถือคันธนูเดินไปตามไหล่เขาที่สูงชันสักพัก แล้วกวางมูสฝูงหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงที่ดินว่างเปล่าในป่าใหญ่
เนื้อกวางมูสก็อร่อยเช่นกัน แต่เนื่องด้วยที่บ้านเลี้ยงปอหลัวอยู่ ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่ากินกวางมูสไม่ค่อยจะดีเท่าไร จึงให้เพื่อนสมัยเรียนหัดยิงปืน ให้พวกเราลองฝึกยิงโดยมีระยะห่างราว 40-50 เมตร
ปืนที่พวกเขาใช้ล้วนเป็นปืนที่เช่ามาจากร้านค้าด้านนอก เป็นปืนลูกซองเดี่ยวทั้งหมด เสียงปืน 7 นัดถูกยิงออกไป หลังจากเสียงดังราวกับประทัด ฝูงกวางมูสก็วิ่งออกไปไกล ไม่เหลือให้เห็นสักตัวเดียว
เฉินเหลยมองอย่างเหลือเชื่อ “แม่ง ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ฉันก็เล็งดีแล้วแท้ๆ นี่นา”
หม่าจินมองไปที่ฉินสือโอวที่แบก AWP อยู่แล้วพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวฉันจะใช้อันนี้ ตอนที่ฉันเล่น CF และ CS ชอบใช้สไนเปอร์มากที่สุดแล้ว ถ้าใช้อันนี้ต้องยิงได้แน่ๆ”
ฉินสือโอวหัวเราะ “พวกนายไม่อยากกินเนื้อแล้วเหรอ? นี่มันปืนไรเฟิลเลยนะ อย่าคิดว่าลำกล้องปืนไม่ใหญ่แล้วจะมีแรงยิงต่ำ ไอ้ของเล่นนี้แค่ยิงไปจุดเล็กๆ บนตัวกวาง ก็สามารถแบ่งมันเป็นสองท่อนได้เลยทีเดียว!”
เป้าจือยังคงนำทีมเดินต่อไป พวกเขาโชคดีไม่น้อยเลย เจอฝูงแพะป่าโดยไม่คาดคิดมาก่อน
จำนวนของแพะป่าบนเทือกเขาเคอร์บัลมีค่อนข้างน้อย พวกมันเป็นเนื้อสัตว์ป่าที่ดีที่สุด เนื้อหอมรสชาติเข้มข้น มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ไขมันต่ำ อุดมไปด้วยกรดอะมิโน 17 ชนิด และมีกรดไลโนเลอิค ฉินสือโอวไม่เคยล่าได้เลย
แพะป่าจะระแวดระวังตัวมาก ฝูงแพะนี้มีประมาณ 10 กว่าตัว แพะแต่ละตัวมีความเสถียรและมีการทรงตัวที่ดีเยี่ยม เมื่อรับรู้ว่ามีฉินสือโอวและคนอื่นๆ เข้ามาใกล้ พวกมันก็วิ่งหายเข้าไปในป่าทันที
……………………………………….