ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1371 โลมากำลังตั้งท้อง
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันสว่างสดใส กลุ่มคนมารวมตัวกันรอบๆ กองไฟ ต้มน้ำชงกาแฟและชาพร้อมพูดคุยถึงช่วงเวลาเก่าๆ อย่างมีความสุข
ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองอาจจะว่าง จึงมักจะกลับไปนึกถึงเรื่องราวในอดีตบ่อยๆ มีคนบอกว่ามีคนสองประเภทที่ชอบนึกถึงเรื่องราวในอดีต ถ้าคุณไม่แก่แล้ว คุณก็คงไม่มีความสุขกับปัจจุบัน
ในกรณีหลังฉินสือโอวไม่ได้คิดอยู่แล้ว นี่ยังจะเรียกว่าไม่มีความสุขได้เหรอ? ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้รับหัวใจแห่งโพไซดอน เขาไม่เคยฝันมาก่อนว่าตัวเองจะเข้ากับมันได้แบบนี้ ถ้าอย่างนั้น เขาก็คงจะแก่แล้ว
ฉินสือโอวบอกเรื่องนี้ออกไป คนอื่นๆ จึงต่างพากันทั้งยิ้มและพูดว่าพวกเขาอยู่ในกรณีก่อนหน้านี้คือไม่มีความสุข ไม่ใช่เพราะพวกเขาแก่แล้ว
บทสนทนาดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ทำให้กลุ่มคนพูดคุยกันจนถึงตีหนึ่งกว่าๆ จนมีคนง่วงจนทนไม่ไหวจึงกลับไปพักผ่อนที่บ้านไม้
รัฐบาลของเมืองได้จ้างคนมาสร้างขยายบ้านไม้และตอนนี้สามารถรองรับได้มากกว่าสี่สิบคน ทุกครั้งที่มีนักท่องเที่ยวขึ้นเขา ถ้าต้องการค้างคืนพวกเขาจะพักในบ้านไม้หลังนี้ ซึ่งราคายี่สิบดอลลาร์แคนาดาต่อคนและต่อคืน เป็นราคาที่สมเหตุสมผล
ตามปกติแล้วจะตื่นนอนตอนหกโมง ซึ่งตอนนี้สีของท้องฟ้าก็เริ่มเย็นแล้ว ดวงอาทิตย์เพิ่งปรากฏตอนหกโมงและกำลังจะเข้าสู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง นี่จึงเป็นอีกวันหนึ่งของแคนาดาที่ภูเขาปกคลุมไปด้วยหิมะ
ฉินสือโอวต้มโจ๊กข้าวโอ๊ต ซึ่งเป็นอาหารเช้าทั่วไปสำหรับชาวเกาะแฟร์เวล จึงนำมาจับคู่กับแซนด์วิชและพิซซ่าที่เหลือจากเมื่อวาน พอกินด้วยกันแล้วก็รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว
นอกจากนี้ เขายังนำดักแด้ที่หมักในน้ำเกลือไปทอดพอประมาณ
หลังจากที่เฉินเหลยตื่นก็มีความสุขขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นดักแด้ทอดสีเหลืองทองในจานอาหาร เขายิ้มและพูดว่า “ฉิน นายมีอาหารสมบูรณ์ดีจริงๆ แม้แต่ดักแด้ทอดก็ยังมีเลย?”
ฉินสือโอวหันกลับไปมองเขาและพูดว่า “ลองชิมดักแด้ของแคนาดาดูสิ ดูสิว่ามันแตกต่างจากที่บ้านเราไหม นี่ปราศจากมลพิษและมาจากธรรมชาติแท้ๆ เลยนะ เดาว่าฝูงของพวกมันคงจะไม่มีตัวไหนกินยาฆ่าแมลงลงไปเลยล่ะ”
“ดวงจันทร์ในต่างประเทศก็มีลักษณะกลมใช่ไหม?” หม่าจินพูดพลางเอียงตามอง
ฉินสือโอวยักไหล่และพูดว่า “กลมไม่กลม เมื่อคืนนายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เขาก็ฝ่ารั้วกลับไปที่แคมป์ตามปกติ ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังเดินๆ อยูู่ จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างเล็กๆ กระโดดจากต้นไม้ลงมาบนไหล่ของเขา
เฉินเหลยที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเอาปืนจ่อที่เขาอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวไม่ได้ตกใจกลัวสิ่งนี้ แต่เฉินเหลยกลัวมันมาก จึงถือปืนและเล็งไปที่หัวของเขา…
ฉินสือโอวจึงแย่งปืนมาเก็บไว้ตามสัญชาตญาณและพูดอย่างเหงื่อตกว่า “ไอ้เพื่อนบ้า นี่ฉันเพิ่งแต่งงานนะ!”
เขาพูดพลางหันไปมอง เสี่ยวเหมาเหลียนจอมสกปรกก็กำลังแยกเขี้ยวแบะปากใส่เขา
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงรู้สึกดีใจขึ้นทันทีพร้อมกับกอดเสี่ยวเหมาเหลียนแล้วร้องตะโกนว่า “เสี่ยวหมิง? แกนี่มันใจร้ายนักนะ! หนีออกจากบ้านไปเดือนกว่าแล้ว คิดไม่ถึงว่าแกจะรู้จักกลับมาด้วย?”
เสี่ยวหมิงใช้หางลูบหน้าของฉินสือโอวพร้อมกับร้องส่งเสียง กระรอกแดงอเมริกาสี่ห้าตัวขนมันเงาก็ปรากฏตัวบนกิ่งไม้ข้างถนน
หลังจากที่กระรอกแดงเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นก็พากันจ้องไปที่เสี่ยวหมิงและยังมองไปที่ฉินสือโอวด้วย
เสี่ยวหมิงยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุด กระรอกแดงจึงกระโดดลงมา จากนั้นก็รวมกันเป็นฝูง
พอเห็นเช่นนั้น เฉินเจี้ยนหนานจึงลองถามว่า “นี่ไม่ใช่เสี่ยวหมิงลูกชายคนโตที่เมื่อก่อนนายเคยเอาออกมาโชว์ทุกวันหรอก? กระรอกน้อยเหล่านี้ต้องมีอะไรแน่นอน?”
ฉินสือโอวก็ไม่แน่ใจ เขามองไปที่กระรอกแดงเหล่านี้ด้วยความสงสัย พวกมันมีทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ หลังจากที่พวกมันรวมตัวกันแล้วก็เบียดเข้าหากันและมองไปที่ฉินสือโอวอย่างเขินอายและรอให้เขาวางเสี่ยวหมิงอย่างมีความหวัง
วินนี่บอกว่าเสี่ยวหมิงอยู่ในฤดูผสมพันธุ์และวิ่งออกไปปลดปล่อยตามสัญชาตญาณมันแล้ว ฉินสือโอวจึงสังเกตที่กระรอกแดงอย่างละเอียดและเดาในใจของเขาว่า นี่คงจะไม่ใช่ฮาเร็มของเสี่ยวหมิงใช่ไหม?
การคาดเดานี้ได้รับการยืนยันแล้ว เพียงแค่เขาแยกเพศของกระรอกแดงได้ก็พอ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็จะหยาบคายเกินไป เสี่ยวหมิงก็อยู่ตรงหน้า ถ้าเขาไปดูของลับของกระรอกแดงเหล่านี้และถ้าเป็นฮาเร็มของเสี่ยวหมิงจริงๆ ก็ถือว่าเขาเป็นผู้ล่วงละเมิดลูกสะใภ้ตัวเอง…
แต่สุดท้ายก็เห็นเสี่ยวหมิงอีกครั้ง ฉินสือโอวดีใจมาก เดิมเขาวางแผนที่จะหารังนกอินทรีทองให้เจอระหว่างทาง แต่ตอนนี้เจอไปเท่านี้ เห็นแก่เสี่ยวหมิงจึงหยุดหาก่อนเพื่อไม่เป็นการรบกวนพวกมัน
เมื่อลงจากภูเขาอย่างมีความสุข ฉินสือโอวจึงให้เฉินเหลยและคนอื่นๆ สนุกกันไปก่อน เขาจะขับรถพาเสี่ยวหมิงไปหาวินนี่ในเมือง ตอนนี้วินนี่ก็เป็นห่วงเสี่ยวหมิงมากจนบางครั้งก็ไม่มีสมาธิในการเตรียมงานแต่งงานเลย
ฉงต้าหอบฮืดฮาดตามมาจากข้างหลัง ฉินสือโอวจึงถือโอกาสเปิดประตูรถและพามันไปด้วย
วินนี่ไม่ได้ทำงานในรัฐบาล ผู้ช่วยบอกว่าเธอไปที่ท่าเรือแล้ว ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงวนรถและขับออกไป
เขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน่านน้ำของเมืองแน่นอน คนที่แอบทิ้งเปลือกหอยพิษลงไปก่อนหน้านี้ก็ยังจับไม่ได้ หลังจากที่ไปที่นั่นเขาก็เห็นวินนี่และศาสตราจารย์แซนเดอร์สกำลังปรึกษาพูดคุยกันอยู่ จึงรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
วินนี่ยักไหล่และพูดว่า “โลมาตัวหนึ่งดูเหมือนจะป่วย ฉันเลยขอให้ศาสตราจารย์แซนเดอร์สมาดูสักหน่อย เฮ้ พระเจ้า นี่เสี่ยวหมิงของฉันใช่ไหม?”
พูดมาได้เพียงครึ่งหนึ่ง วินนี่ก็กรีดร้องอย่างมีความสุขพลางอ้าแขนออกเพื่อที่จะอุ้มกระรอกแดง
เสี่ยวหมิงเห็นวินนี่แล้วก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน แต่มันกลับกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของฉินสือโอว ฉินสือโอวจึงมีความสุขอย่างที่สุดและพูดอย่างอิ่มอกอิ่มใจว่า “ดูสิว่าลูกชายเรามันรักใคร ครั้งนี้คุณรู้หรือยัง?”
เมื่อเสี่ยวหมิงที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็กลิ้งไปมาอย่างแรง มันทำอย่างนี้อยู่สักพักก็กระโดดลงไปและวิ่งไปหาวินนี่พร้อมกับปีนขึ้นไปตามขากางเกงของเธอ
สีหน้าของฉินสือโอวจึงซีดขึ้นมาทันที นี่มันอะไรกัน?
แซนเดอร์สที่อยู่ข้างๆ จึงพูดเตือนด้วยความหวังดีว่า “บอส ผมคิดว่าเมื่อกี้เสี่ยวหมิงคงใช้เสื้อผ้าของคุณเช็ดฝุ่นออกจากขนของมัน”
ฉินสือโอวจ้องที่เขา ศาสตราจารย์อีคิวของนายนี่นะ? ฉันเป็นคนโง่เหรอ? ที่ฉันจะไม่รู้ว่าเจ้าบ้านั่นกำลังคิดอะไรอยู่?
แซนเดอร์สยักไหล่และพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะเข้าใจแล้ว? เอาล่ะ ผมจะไม่พูดอะไรมาก สุดท้ายก็เหมือนเดิม”
วินนี่และกระรอกน้อยกำลังแสดงความรักกันอยู่ตรงนั้น ฉินสือโอวจึงไปดูโลมา เขาได้ยินว่ามีโลมาตัวหนึ่งป่วยและก็วิตกกังวลตามไปด้วย ดังนั้นเขาจึงปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปและเฝ้าติดตามโลมาฝูงนี้
ในขณะเดียวกัน เขาก็ถามฮานี่ย์ว่า “โลมาตัวไหนป่วย? เกิดอะไรขึ้น?”
ฮานี่ย์ชี้ไปที่โลมาตัวเต็มวัยที่อาศัยอยู่นอกกลุ่มโลมาตามลำพังและพูดว่า “ตัวนั้น เธอชื่อราเชล เป็นโลมาตัวเมียที่มีความอ่อนโยนมากและยังเป็นพี่สาวคนโตในโลมาฝูงนี้ ปกติแล้วเธอมีนิสัยใจดีและชอบอยู่เป็นฝูง ไม่ว่าจะเป็นโลมาหรือนักท่องเที่ยวต่างก็ชอบเธอมาก”
“ตั้งแต่เมื่อวาน ผู้ดูแลโลมาบอกเราว่า จู่ๆ ราเชลก็แสดงความไม่พอใจ เธอจะโจมตีใครก็ตามที่เข้าใกล้เธอและยังอยู่ห่างจากฝูงอีกด้วย นี่มันผิดปกติมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสแกนโลมาตัวเมียตัวนี้อย่างละเอียดและพบว่ากำลังชีวิตของมันไม่มีปัญหาอะไร ไม่เพียงแต่ไม่มีปัญหา แต่ยังค่อนข้างฮึกเหิมเล็กน้อยด้วยซ้ำ เขารู้สึกได้อย่างละเอียดและรู้สึกได้ว่าร่างกายของโลมาตัวนี้ มีสองกำลังชีวิต
จะมีสองกำลังชีวิตได้อย่างไร? ฉินสือโอวสับสนอยู่สองวินาที จากนั้นเขาก็คิดออกและพูดอย่างมีความสุขว่า “โลมาตัวนี้กำลังตั้งท้องโลมาตัวน้อย”
………………………………………………….