ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1410 วันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงคราม
การเลือกคนทั้งหมดสิบห้าคนจากสี่สิบเก้าคน ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากอะไร เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ขึ้นตรงกับอุตสาหกรรมกรมการประมง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่าย ขอเพียงแค่เป็นทหารจากกองทัพเรือมาก่อน มีความรับผิดชอบและรู้จักลำดับความสำคัญ นิสัยเข้ากับส่วนรวมได้ มีการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยม
หลังจากที่เลือกคนได้แล้ว ฉินสือโอวก็ได้ทำการเซ็นสัญญากับชาวประมงทั้งสิบห้าคนโดยมีเอี๋ยนตงเหล่ยเป็นสักขีพยาน หลังจากนั้นฉินสือโอวก็พาพวกเขาไปที่ฟาร์มปลา แล้วเริ่มให้แต่ละทีมเรียนรู้งานในทะเล แล้วเริ่มการฝึกงาน
ภาษาพูดของชาวประมงทั้งสิบห้าคนไม่ได้ดีมากนั้น โดยเฉพาะชาวประมงที่มีคำพูดท้องถิ่นอันชัดเจน พวกเขาชอบพูดคำย่อและคำสแลง และภาษาพูดของทหารชาวจีนนั้นยังทั้งดุดันและเป็นภาษาท้องถิ่นอีกด้วย แบบนี้เมื่อเหล่าชาวประมงเข้ามาที่ฟาร์มปลาและทำความรู้จักกัน ทั้งสองฝ่ายต่างพูดแต่ภาษาของตัวเอง เลยทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นพูดอะไร
ฉินสือโอวทำได้เพียงเรียกให้เพ่าไห่มาทำงานก่อน เขาเซ็นสัญญาให้เพ่าไห่มาเป็นหัวหน้าวิศวกรเรือปริ้นเซสเมล่อน ดังนั้นเขาจะได้เป็นล่ามที่อยู่ตรงกลาง คอยให้ทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันได้
แต่นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ฉินสือโอวเปิดชั้นเรียนหนึ่งด้วยตัวเอง เมื่อถึงตอนเย็นเขาจะสอนภาษาอังกฤษให้คนพวกนั้น เขาตั้งกฎการเรียนขึ้นมาอย่างเข้มงวด หลังจากเทศกาลคริสต์มาสจะมีการสอบพูด หากไม่สามารถสนทนาบทสนทนาพื้นฐานได้ ไล่ออก!
หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็รีบวางแผนการตกปลาทันที พอตกเย็นเขาก็ออกไปเดินเล่น ทำให้เขาเห็นว่าโกดังขนาดเล็กที่อยู่ข้างท่าเรือมีแสงสว่างเกิดขึ้นที่ประตู มีคนจำนวนไม่น้อยล้อมวงกันอยู่ที่นั่น
เมื่อเขาเข้าไปดู พวกของแบล็คไนฟ์ที่สวมแว่นกันแสงสีดำกำลังใช้หัวแร้งและปืนเชื่อมเชื่อมแผ่นเหล็กและเหล็กแท่งเข้าด้วยกัน รอบๆ มีคนกำลังมองดูพวกเขาอยู่ นอกจากนี้บางครั้งก็มีการออกความเห็นกันเป็นระยะ
ฉินสือโอวสงสัย จึงถามออกมาว่า “พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่?”
เมื่อเห็นฉินสือโอว แอร์แบ็คที่กอดคอมพิวเตอร์อยู่ก็ลุกขึ้นแล้วโบกมือให้เขาพลางพูดขึ้นว่า “พวกเราพบอุปกรณ์บางอย่างที่น่าสนใจจากในเมือง จึงอยากใช้พวกมันสร้างประติมากรรมเสียหน่อย ไม่เพียงแต่จะตกแต่งฟาร์มปลาเท่านั้น แต่ยังสร้างเพื่อสะท้อนกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย”
ไม่รู้ว่าเหล่าทหารยุ่งอยู่กับเรื่องนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ในมือของพวกเขาทุกคนมีปืนเชื่อมอยู่ ชาร์คและคนอื่นๆ ก็กำลังยุ่งกันอยู่ แต่ทุกคนนั้นต่างมีหน้าที่ในแต่ละส่วนของตัวเอง ฉินสือโอวมองไม่ออกว่าพวกเขากำลังสร้างประติมากรรมอะไร
แอร์แบ็คอธิบายว่า “มันคือดอกป็อปปี้เหล็กน่ะครับ บนกลีบดอกจะมีชื่อสลักอยู่ คาดว่าจะมีความสูงประมาณสองเมตรกว่า ผมคิดว่าพอเสร็จแล้วจะตั้งไว้ที่ท่าเรือหรือไม่ก็สักที่หนึ่ง คงจะไม่เลวเลยทีเดียว”
ฉินสือโอวเริ่มจะเข้าใจแล้ว ดอกป็อปปี้เป็นวัตถุดิบหลักในการทำยาเสพติด ประเทศส่วนมากบนโลกใบนี้ห้ามไม่ให้เพาะปลูกพืชชนิดนี้ แต่ว่าสำหรับวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามแล้วถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีความหมาย มันคือดอกไม้ที่ใช้สำหรับการรำลึก
ประเพณีนี้เกิดขึ้นจากสงครามระหว่างฝรั่งเศสและเบลเยียม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พรมแดนทางด้านตะวันตกของเบลเยียมและทานด้านเหนือของฝรั่งเศสนั้นเป็นพื้นที่สงครามที่ดุเดือดที่สุดแห่งหนึ่ง ทหารจำนวนมากสละชีวิตที่นั่น ในเดือนพฤษภาคม ปี 1915 แพทย์ทหารนายหนึ่งเห็นดอกป็อปปี้อยู่บนภูเขาขณะที่กำลังฝังศพเพื่อนของตนเอง เขาจึงเขียนผลงานชิ้นเอกอย่าง ‘ในทุ่งแฟลนเดอร์ส’ ออกมา ด้วยเหตุนี้ ดอกไม้ชนิดนี้จึงค่อยๆ กลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวอังกฤษที่ใช้ระลึกถึงเพื่อนทหารที่เสียชีวิต
คนเยอะจึงเสร็จเร็ว เช้าวันต่อมาเมื่อฉินสือโอวออกมาวิ่งออกกำลัง เขาเห็นว่าที่ท่าเรือมีดอกป็อปปี้เหล็กขนาดใหญ่ตั้งอยู่แล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ทาสี สีของมันจึงดูมืดมน แม้ว่าจะไม่ได้สวยมากนัก แต่ก็ให้ความรู้สึกเคร่งขรึม
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เหล่าชาวประมงก็เริ่มออกไปตกปลาตามแผน ชาวประมงทั้งสิบคนที่มาจากเมืองสามารถทำงานได้ทันที แต่ว่าเหล่าชาวประมงที่เป็นชาวจีนจะต้องทำการทดสอบสมรรถภาพเสียก่อน เช่นการทำความรู้จักเรือประมง การนำปลาจากเรือประมงขนส่งไปยังห้องเก็บความเย็นและอื่นๆ
เริ่มเข้าวันที่สิบ เพื่อนทหารของนีลเซ็นและคนอื่นๆ ก็มาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวเตรียมเฮลิคอปเตอร์เพื่อรับส่งเพื่อนของพวกเขา และนั่นเป็นหน้าที่ของเบิร์ด ส่วนคนอื่นๆ ยังคงทำงานกันต่อ งานในเดือนพฤศจิกายนค่อนข้างเยอะ
เมื่อถึงช่วงเช้าของวันที่สิบเอ็ด คนที่ควรมาก็ได้มากันครบแล้ว ฉินสือโอวให้แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ พักร้อน ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสันในเมืองถูกเหมาทั้งร้าน เพื่อเป็นการเตรียมสถานที่ให้พวกเขาใช้ทำกิจกรรม
ฉินสือโอวในฐานะเจ้านายของคนทั้งเจ็ด ได้ออกไปรับแขกแต่เช้า เบิร์ดช่วยเขากลัดดอกป็อปปี้ที่ทำจากกำมะหยี่ที่หน้าอก นี่เป็นประเพณี ผู้ที่เข้าร่วมวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามในวันนี้ ทุกคนจะต้องมีดอกป็อปปี้เพื่อแสดงความอาลัย
วันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงครามมีวัตถุประสงค์ของมัน สำหรับเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลจากโลกในเมือง และสงคราม บรรยากาศในวันรำลึกไม่ได้ชัดเจนมากนัก มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวันรำลึกจัดที่มหานครเซนต์จอห์นส์ ส่วนในเมืองเล็กๆ มีเพียงพอล ซาโกรเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตรุ่นที่สองและลูกน้องของเขาสองคนเท่านั้นที่ติดดอกไม้ชนิดนี้ด้วย
หลังจากที่กลัดดอกป็อปปี้แล้ว ฉินสือโอวก็ยื่นกระดาษใบหนึ่งให้กับเบิร์ด เขายักไหล่แล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นเงินสำหรับจ่ายค่าดอกไม้”
หนึ่งในกิจกรรมของวันนี้ ดอกป็อปปี้ส่วนมากแล้วจะทำขึ้นโดยเหล่าทหารสูงวัย ผู้ที่เข้าร่วมงานรำลึกจะต้องซื้อดอกป็อปปี้ แต่ว่าไม่ได้มีการกำหนดราคา สามารถให้เงินห้าเหรียญ และก็สามารถให้ถึงห้าร้อยดอลลาร์ได้ ราคาขึ้นอยู่กับคนซื้อ เงินพวกนี้จะไปถึงสมาคมทหารผ่านศึก เพื่อเป็นการสมทบทุนสำหรับทหารผ่านศึกที่พิการ และครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต รวมถึงบำรุงอนุสรณ์สถานสงคราม
เมื่อเบิร์ดเห็นตัวเลขบนกระดาษ เขาก็พับมันอย่างระมัดระวังและใส่ไว้ในกระเป๋าเงิน เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “ขอบคุณครับ บอส”
หลังจากที่มาถึงร้านอาหารของคุณลุงฮิคสันแล้ว เหล่าผู้คนสามถึงสี่สิบคนก็พากันยิ้มหัวเราะออกมา เมื่อเห็นพวกของฉินสือโอวพวกเขาก็เงียบลง แบล็คไนฟ์ลุกขึ้นแล้วแนะนำกับทุกคนว่า “นี่คือบอสของพวกเรา งานครั้งนี้ได้เขาช่วยไว้มาก เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง เขาดูแลพวกเราอย่างดี”
เมื่อแบล็ดไนฟ์แนะนำจบ คนเหล่านั้นก็ผิวปากออกมา จากนั้นทุกคนก็เข้ามาทักทายฉินสือโอวทีละคน
ชายวัยกลางคนผู้ที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตคนหนึ่งเดินเข้ามา เขายื่นมือออกมาพลางพูดว่า “ผมชื่อเฟอร์กูสัน เป็นเพื่อนของแบล็ดไนฟ์และบีบีซวง ขอบคุณคุณมากที่ดูแลพวกเขาอย่างดี พวกเราได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งสองคนอยู่ที่นี่อย่างดีมาสองปีแล้ว”
ฉินสือโอวจับมือกับชายวัยกลางคนคนนั้น หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นความพิการบนมือของเขา มือข้างขวาของเขามีเพียงนิ้วโป้งและนิ้วก้อยเท่านั้น ฝ่ามือของเขามีรอยถลอกของหนัง คาดว่าตอนนี้เขาคงทำงานอย่างยากลำบาก
เขาเดาอยู่ในใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความเกรงใจว่า “เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วครับ พวกคุณสละเลือดเพื่อประเทศชาติ พวกแบล็ดไนฟ์เขาก็เสียเหงื่อเพื่อฟาร์มปลาของผม ดังนั้นไม่ว่าผมจะทำอะไรก็มีเหตุผลทั้งนั้น”
“แต่ว่ามีคนอีกมากมายไม่ได้คิดแบบนี้!” ชายวัยกลางคนผู้มีผิวหนังหย่อนคล้อย ดวงตาไร้ชีวิตชีวาตะโกนขึ้นมาด้วยความโมโห “โดยเฉพาะบรรดานักกลางเมืองน่ารังเกียจของเมืองเมเปิลพวกนั้น พอถึงเวลาที่ต้องการก็ส่งพวกเราไปยังสนามรบ หลังจากนั้นก็ไม่สนใจแล้ว ฟัค! พวกมันควรออกไปซะ!”
นีลเซ็นดึงชายคนนั้นไว้ แล้วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “แม็ตต์ อย่าพูดแบบนี้ วันนี้ที่มาก็เพื่อนเราทั้งนั้น พวกเราต้องแก้ไขสถานการณ์ที่ลำบากของเราเอง ไม่ใช่เหรอ? พระเจ้าอยู่ในใจเราเสมอนะ”
แม็ตต์สะบัดนีลเซ็นออก แล้วพึมพำออกมาว่า “ช่างหัวพระเจ้าสิ! พระเจ้าอยู่ในใจนาย นายมีงานที่ดี ได้ยินมาว่านายมีแฟนที่สวยเหมือนกับสาวน้อยด้วยเหรอ? แล้วฉันล่ะ? ฉันไม่มีอะไรสักอย่าง มีเพียงขาหักๆ หนึ่งข้าง!”
ตอนนั้นเองฉินสือโอวถึงสังเกตเห็น ท่าทางการเดินของแม็ตต์ดูผิดสังเกต แต่อาการไม่ได้หนักมาก
เบิร์ดมีสีหน้าเคร่งขรึมลง เขาพูดเสียงต่ำว่า “แม็ตต์ ดูร่างกายของบาร์นสิ อย่าเอาแต่พูดได้ไหม? ดื่มเบียร์ของนายไป! วันนี้นายอยากดื่มเท่าไหร่ก็ดื่มไปเลย!”
………………………………………………………