ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1417 คบเพลิงในฤดูหนาว
ฉินสือโอวไม่ได้อยู่ร่วมงานฉลองตอนเย็นที่บริษัทบอมบาร์เดียร์เตรียมไว้ ซากูนิสอยากจะแนะนำให้เขารู้จักกับเศรษฐีควิเบกเสียหน่อย แต่ฉินสือโอวปฏิเสธ “เดือนนี้ผมงานยุ่งมาก เพื่อน ไว้วันหลังมีโอกาสผมค่อยมาเยี่ยมพวกเขาอีกทีดีไหม? ผมคิดว่าผมควรจะกลับไปให้เร็วที่สุด”
ตอนนี้ซากูนิสรู้สึกดีกับเขาเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวพูดแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่บังคับให้อยู่ต่อ เขาจัดเตรียมเครื่องบินรุ่นโกลบอลสองพันไว้เพื่อไปส่งพวกของฉินสือโอวกลับไปยังฟาร์มปลา
ในขณะที่กำลังกลับฟาร์มปลา ท้องฟ้าก็กลับมาครึ้มและมีหิมะตกลงมาอีกครั้ง ฉินสือโอวมองไปยังท้องฟ้าอันมืดครึ้ม แล้วถอนหายใจออกมา “ดูเหมือนว่าปีนี้หิมะจะตกลงมาอีกไม่น้อยเลยนะ”
ในตอนที่พวกเขาลงจากเครื่องบินหิมะก็เริ่มตกลงมาอีกครั้ง ฉินสือโอวเดินเข้าไปในบ้านและเห็นวัยรุ่นสองสามคนกำลังยุ่งวุ่นวายกับการย้ายเสื้อโค้ตที่อยู่บนรถเลื่อนเข้าไปในบ้าน
บนรถเลื่อนเต็มไปด้วยเสื้อโค้ตที่มีหลายขนาดและมีทรงทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง เมื่อเห็นดังนั้นฉินสือโอวก็ถามออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า “เฮ้ นักล่าทั้งหลาย พวกนายอยากทำธุรกิจเสื้อโค้ตหรือยังไง?”
เชอร์ลี่ย์มองไปยังฉินสือโอวด้วยแววตาเปล่งประกาย แล้วถามออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “เฮ้ ฉิน พวกคุณกลับมาแล้วเหรอคะ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดออกมาว่า “แน่นอน แต่ว่าเธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ พวกเธอจะทำธุรกิจเสื้อโค้ตเหรอ?”
เชอร์ลี่ย์ตบเสื้อโค้ตพวกนั้นเบาๆ แล้วพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ไม่ใช่ค่ะ โรงเรียนของพวกเราจะจัดงานการกุศลในวันคริสต์มาส สัปดาห์นี้พวกเราจะไปตามถนนในนครเซนต์จอห์น และแจกจ่ายเสื้อโค้ตให้กับคนไร้บ้าน”
ฉินสือโอวพยักหน้า “เป็นกิจกรรมที่ดี พวกเธอไปได้เสื้อโค้ตมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันตกใจจริงๆ นะเนี่ย พวกเธอไปเอามาจากไหนกัน?”
โรงเรียนในนิวฟันแลนด์มักจะจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับความรักเสมอ พวกเขาให้ความสำคัญกับการปลูกฝังความรักและคุณธรรมให้แก่เด็กๆ เขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก เมื่อเทียบกับโรงเรียนในประเทศจีนแล้วถือว่าดีกว่า
“ส่วนหนึ่งเป็นเสื้อโค้ตที่ไม่ได้ใช้แล้วของลุงๆ อาๆ ชาวประมงที่เอามาให้พวกเรา ส่วนหนึ่งเป็นของที่พวกเราใช้เงินซื้อมาจากในเมือง คุณดูสิ เสื้อขนเป็ดตัวนี้ยังไม่ได้ใช้เลย ทั้งหมดนี้พวกเราได้มาในราคาถูก” เชอร์ลี่ย์เชิดหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยความภาคภูมิใจ ท่าทางราวกับหงส์ตัวน้อย
ฉินสือโอวยิ้มออกมา “พวกเธอมีเงินเหรอ? ต้องการเงินสมทบทุนจากฉันไหม?”
เชอร์ลี่ย์โบกมือส่ายหัวไปมาพลางพูดว่า “ยังไม่ต้องค่ะ ตอนปิดเทอมฤดูร้อนพวกเราไม่ได้ใช้เงินมากนัก เมื่อรวมกับเงินค่าขนมที่ปู่เออร์ให้แล้ว พวกเรามีเงินพอค่ะ”
เพราะแบบนี้ ฉินสือโอวจึงต้องช่วยสนับสนุนกิจกรรมของวัยรุ่นพวกนี้ด้วยวิธีอื่น เขาขึ้นไปชั้นบนแล้วเปิดตู้ใบหนึ่ง เมื่อเขาหาพวกเสื้อโค้ตหนาๆ เช่นพวกเสื้อขนเป็ดเจอจำนวนหนึ่ง เขาก็เอามันมาให้กับพวกเชอร์ลี่ย์
เชอร์ลี่ย์เข้ามาช่วยฉินสือโอว เมื่อเธอเห็นเสื้อโค้ตหนาตัวหนึ่งเธอก็โยนมันออกมา ฉินสือโอวพูดกับเธอด้วยความปวดใจว่า “เฮ้ ที่รัก นี่เป็นเสื้ออาร์คเทอริกซ์ ที่ฉันเพิ่งซื้อมาเมื่อปีที่แล้วและใส่ไปแค่สองครั้งเองนะ”
“ใช่แล้ว ปกติคุณก็ไม่ได้ใส่อยู่แล้ว หนึ่งปีใส่แค่สองครั้ง คุณไม่ชอบมันใช่ไหมล่ะ?” เชอร์ลี่ย์เก็บมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “งั้นเสื้อตัวอื่นๆ แทนที่จะปล่อยให้มันกลายเป็นของไร้ค่า สู้เอาไปช่วยคนที่เขาจำเป็นต้องใช้มันดีกว่า”
ฉินสือโอวสำลักออกมา “ฉันก็คือคนที่จำเป็นต้องมีมันไง!”
เสื้อตัวนี้เป็นของที่เขาเพิ่งจะได้มา เขาวางแผนที่จะใส่มันไปกรีนแลนด์หลังวันคริสต์มาส ปรากฏว่ากลับกลายเป็นของราคาถูกที่จะถูกส่งให้กับคนไร้บ้านในเซนต์จอห์น
แต่ว่าเมื่อถึงเวลากลางวัน ฉินสือโอวก็ไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป เพราะว่าชาร์คที่เข้ามาหาลูกชายของเขาด้วยความโมโหตะโกนออกมาว่า “ไอ้ลูกเวร เสื้อโค้ตเบอร์เบอร์รี่ของฉันอยู่ที่ไหน? แม่งเอ๊ย แกทำอะไรกับมัน?”
เสี่ยวชาร์คพูดออกมาอย่างมีเหตุมีผลว่า “เสื้อตัวนั้นพ่อไม่ได้ใส่อยู่แล้วนี่ หลังจากที่แม่ซื้อให้พ่อ พ่อก็เก็บมันเอาไว้ที่ล่างสุดของกล่อง”
ชาร์คคำรามออกมาว่า “ฉันก็แค่ตัดใจที่จะใส่มันไม่ได้! เสื้อตัวนั้นราคาตั้งสองพันนะ สองพันดอลลาร์ สองพันดอลลาร์เลยนะ!”
เบอร์เบอร์รี่และอาร์คเทอริกซ์เหมือนกัน ทั้งสองเป็นแบรนด์ระดับโลก เป็นของที่มีราคาแพง
หลังจากชาร์คมาถึง ซีมอนสเตอร์ก็เข้ามาด้วยโมโห ฉินสือโอวมองตามไปด้วยสายตาสงสารพลางพูดว่า “มาหาเสื้อโค้ตของตัวเองงั้นเหรอ?”
ซีมอนสเตอร์ส่ายหัว เขาพูดลอดไรฟันออกมาว่า “มากกว่าเสื้อโค้ตอีกน่ะสิ ยังมีรองเท้าบูตลุยหิมะ ถุงมือ ผ้าพันคอ หมวกหนัง มันน่าจริงๆ ของพวกนี้เป็นของที่ผมวางแผนว่าจะเอาไปใส่ที่ขั้วโลกเหนือ เพิ่งจะเก็บไปเองจู่ๆ ก็หาไม่เจอแล้ว!”
สุดท้ายเป็นแลนซ์ที่เดินเข้ามา ลอเรนซ์มองเขาด้วยแววตาเสียใจพลางพูดขึ้นว่า “พ่อ เสื้อผ้าที่เอามาเป็นเสื้อเก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้แล้วที่อยู่ในห้องใต้ดิน ก่อนหน้านี้พ่อยังบอกเลยว่าทิ้งพวกมันไว้ที่นั่น”
แลนซ์พูดออกมาเสียงเบาว่า “พ่อรู้ ลูกรัก ลูกบอกพ่อมาว่าเสื้อของพ่ออยู่ที่ไหน พ่อจะไปหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า…พระผู้เป็นเจ้า ฉันซ่อนเงินทั้งปีของฉันไว้ ทั้งหมดอยู่ในเสื้อผ้าที่น่าเอาไปทิ้งพวกนั้น!”
เสื้อผ้าเก่าเหล่านี้ยังคงต้องทำความสะอาดและตากให้แห้ง สองวันถัดมา เครื่องซักผ้าและเครื่องอบปลาที่ฟาร์มปลาก็กลายเป็นของที่พวกเด็กๆ ต้องการ ไม่นานเสื้อโค้ตทั้งหมดก็ถูกกองไว้ที่ฟาร์มปลาเป็นกองขนาดใหญ่
เมื่อถึงสุดสัปดาห์ ฉินสือโอวก็ขับรถกระบะมาขนเสื้อโค้ตพวกนั้นไปยังเรือข้ามฟาก กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมสายสัมพันธ์ เขาที่เป็นผู้ปกครองต้องเข้าร่วมกิจกรรม ไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นคุณปู่เออร์บัก แต่ว่าคุณปู่ไม่เหมาะที่จะออกมาข้างนอกในวันที่หิมะตกหนักแบบนี้
ช่วงนี้ท้องฟ้าไม่สดใส สองสามวันมานี้หิมะตกตลอด ลมทะเลพัดโชยมายังนครเซนต์จอห์นอย่างรุนแรง ทำให้เด็กๆ และพวกผู้ปกครองถูกแช่แข็งด้วยฝนที่โปรยปรายลงมา
กิจกรรมในครั้งนี้ คือการให้เด็กๆ เอาเสื้อโค้ตไปผูกไว้ตามเสาไฟฟ้า หลังจากนั้นคนไร้บ้านหรือคนที่ต้องการมันจริงๆ ก็สามารถมาหยิบไปได้ตามสบาย
กิจกรรมเริ่มตั้งแต่ที่ท่าเรือเป็นต้นมา รถของผู้ปกครองแยกออกไปตามถนน เพื่อตามหาเสาไฟฟ้า
ฉินสือโอวออกมาช่วยเด็กๆ เขาผูกเสื้อขนเป็ดสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่งเข้ากับเสาไฟฟ้าบนถนน เขาอดที่จะปวดใจขึ้นมาเสียไม่ได้ เสื้อตัวนี้เป็นเสื้ออาร์คเทอริกซ์ที่เขาบริจาคให้ ราคาของมันตั้งหนึ่งพันดอลลาร์เชียวนะ
หลังจากที่เขาผูกเสื้อนั้นเสร็จ เชอร์ลี่ย์ก็นำป้ายแผ่นเล็กๆ มาแขวนไว้ที่เสื้อ ข้างบนป้ายนั้นเขียนไว้ว่า “ที่รัก นี่ไม่ใช่ของหาย ถ้าหากว่าคุณติดอยู่ข้างนอกตอนนี้ อีกทั้งยังรู้สึกหนาวเหน็บ โปรดหยิบเสื้อตัวนี้ไปเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นเถอะ (รูปรอยยิ้มสดใส)”
บนป้ายนั้นถูกเขียนด้วยลายมือ ฉินสือโอวรู้สึกไม่ทุกข์ใจอีกต่อไป เด็กๆ พวกนี้ทำงานกันได้ดีจริงๆ
อากาศหนาวเย็นเกินไป หลังจากที่มีลมหนาวพัดมา ฉินสือโอวก็พาเด็กๆ เข้าไปในร้านอาหารจานด่วนเพื่อไปหาเครื่องดื่มอุ่นๆ ดื่ม
เมื่อเจ้าของร้านอาหารจานด่วนเห็นเสื้อโค้ตที่อยู่บนรถ ก็ถามออกมาว่าเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรม ‘คบเพลิงในฤดูหนาว’ ใช่หรือไม่ ตอนนั้นเองที่ฉินสือโอวรู้ว่า กิจกรรมนี้ไม่ใช่กิจกรรมที่จัดขึ้นโดยโรงเรียนประถมแกรนท์ แต่เป็นโรงเรียนประถมหลายแห่งในเซนต์จอห์นร่วมกันจัดขึ้นมา
เมื่อรู้ว่าพวกเขาทำกิจกรรมจิตอาสา เจ้าของร้านก็ให้อาหารฟรีอย่างใจกว้าง นอกจากนี้ยังให้บัตรกำนัลแก่พวกเด็กๆ จำนวนไม่น้อย ทุกใบมีมูลค่าห้าดอลลาร์ สามารถนำบัตรกำนัลมาแลกเบอร์เกอร์สองชิ้นหรือว่าเครื่องดื่มร้อนหนึ่งรายการได้จากร้านของเขา
“ให้คนน่าสงสารพวกนั้นมีเสื้อผ้าสวมใส่ ก็ให้พวกเขาได้ทานอาหารอย่างเต็มที่ด้วย” เจ้าของร้านลูบพุงของตัวเองพลางยิ้มออกมา
พวกเด็กๆ พากันเข้าไปกอดเขา ฉินสือโอวทำท่าทางเคารพเจ้าของร้านอาหารจานด่วน คนในประเทศนี้เป็นแบบนี้แหละ ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ แต่ถ้าหากคุณมองดูอย่างจริงจัง ทุกวันคุณจะสัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งใจในทุกวัน
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปทำกิจกรรมกันอีกครั้ง นอกจากนี้เจ้าของร้านฮาร์ดแวร์คนหนึ่งยังนำเทียนเล่มเล็กๆ มาให้พวกเขาอีกจำนวนหนึ่ง เขาบอกว่า “เทียนพวกนี้ใช้ได้นานมาก สามารถทนต่อลมแรงได้ หวังว่าจะสามารถช่วยคนที่ต้องการมันได้”
……………………………………