ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 142 ออกทะเลก่อน
“อาศัยช่วงที่ยังพอมีแสงอาทิตย์ เราออกไปหาหอยอุ้งเท้าหมามากินกันเถอะ” ฉินสือโอวพูดขึ้นพร้อมสตาร์ทรถคาดิลแลควัน
เหมาเหว่ยหลงถือว่าเป็นทายาทเศรษฐีรุ่น 3 ในกรุงปักกิ่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเคยกินหอยอุ้งเท้าหมาแล้ว รสชาติของมันยังติดอยู่ในความทรงจำสดใหม่ของเขา เมื่อได้ยินที่ฉินสือโอวพูด เขาจึงเลียริมฝีปากแล้วพูดออกมา “ที่นี่มีหอยอุ้งเท้าหมาด้วยเหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดขึ้น “แน่นอน มากับฉันสิ รับรองว่าสดใหม่ ไม่เหมือนที่แกเคยกินที่ปักกิ่งหรอก เพราะพวกนั้นมีแต่เป็นของค้างคืนทั้งนั้น”
รถคาดิลแลควันแล่นไปถึงหน้าผาที่อยู่ด้านหลังโรงงานทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ ขณะเดินผ่านโรงงาน ฉินสือโอวก็ได้เล่าความขัดแย้งระหว่างโรงงานและหมู่บ้านให้เขาฟัง
ตอนนี้โรงงานหยุดงาน ถ้าไม่มีธุระอะไรก็จะไม่มีใครมาแถวนี้ โรงงานที่เคยมีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสาย ตอนนี้กลับเงียบเหงาไร้ผู้คน
เมื่อปราศจากคลื่นทะเลที่หนุนนำโดยกระแสน้ำอุ่น ด้านหลังหน้าผาจึงเงียบสงัด หอยอุ้งเท้าหมาต่างซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเล ดังนั้นจึงไม่มีทางได้เห็นตัวของพวกมันและแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจับพวกมันมา
แต่แน่นอนว่าหากมีคนต้องการก็สามารถใส่ชุดดำน้ำแล้วลงไปช้อนจับที่ใต้ทะเลก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ต้องรู้เอาไว้เลยว่าหอยอุ้งเท้าหมานั้นมีความสามารถในการเกาะเกี่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนอยู่ในน้ำ หากต้องการดึงพวกมันออกมาเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้นหากคลื่นลมทะเลไม่ได้นำพาหอยอุ้งเท้าหมามาพร้อมกับคลื่นทะเล ผู้ที่อาศัยในหมู่บ้านก็แทบไม่มีโอกาสได้มาซึ่งของมีค่าเหล่านี้เลย
แต่ฉินสือโอวมีวิธีของตัวเอง เขาให้เหมาเหว่ยหลงจับเชือกไว้แล้วตัวเองก็เดินลงไปตามหน้าผา เขาใช้จิตใต้สำนึกโพไซดอนควบคุมหอยอุ้งเท้าหมาแต่ละตัวให้คลายตัวออกจากโขดหิน จากนั้นเขาก็เพียงแค่เก็บพวกมันขึ้นมา
เล่นละครต้องเล่นให้เนียน ฉินสือโอวแสร้งทำเหมือนเก็บพวกมันมาอย่างยากลำบากและรอจนกว่าตะวันลาลับขอบฟ้าจึงยอมปีนขึ้นมา
เหมาเหว่ยหลงรู้สึกกลัวเล็กน้อยเขาจึงเร่งฉินสือโอวไม่หยุด ด้านล่างน้ำทะเลมีแต่หลุมดำและหินขรุขระหน้าตาประหลาด สำหรับสัตว์บกอย่างเขาแล้ว นั่นมันนรกชัดๆ เขากลัวว่าฉินสือโอวจะเป็นอะไรไป
เมื่อฉินสือโอวกลับฟาร์มปลามาพร้อมกับหอยอุ้งเท้าหมา ชาร์คและซีมอนสเตอร์ต่างพากันตะลึงกันเป็นแถว ฉินสือโอวจึงอธิบายว่า “บนโขดหินเหนือผิวน้ำก็มีอยู่บ้างประปราย สองวันก่อนฉันไปสำรวจมาแล้ว วันนี้ก็เลยเก็บพวกมันมาทั้งหมด”
เขาเก็บหอยอุ้งเท้าหมามาได้กว่าสิบกิโล เมื่อประเมินค่าแล้วก็พบว่าในยุโรปอาจมีมูลค่ากว่าสองพันยูโรเลยทีเดียว
เหมาเหว่ยหลงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อเขาเห็นพวกหอยอุ้งเท้าหมามีสีขาวสะอาด และขนาดเท่าฝ่ามือก็รู้ได้เลยว่าเป็นของชั้นยอด หอยอุ้งเท้าหมาเหล่านี้หากอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว แม้ยังไม่ได้ทำการชำระล้างก็ต้องมีมูลค่าถึงสี่ห้าหมื่นหยวนเป็นแน่
หากนำไปไว้ในโรงแรมหรูแล้วให้พ่อครัวนำไปปรุงอาหาร เรื่องราคานั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขั้นต่ำสองก็แสนหยวนเข้าไปแล้ว
ฉินสือโอวนำหอยอุ้งเท้าหมามาปรุงสุก อาหารจานอื่นๆ ก็ใกล้สุกแล้วเช่นกัน ตอนนี้บนโต๊ะมีกุ้งมังกรวางอยู่สองตัว กุ้งมังกรหนึ่งตัวต่อหนึ่งจานรอง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นจานขนาดใหญ่อีกด้วย แต่ละตัวมีความยาวเท่ากับแขนเด็กและยังมีน้ำหนักกว่าสิบกิโล
นอกจากนั้นยังมีปูขนาดใหญ่อีกสองตัว พวกมันเป็นปูราชินีที่มีชื่อเสียง และปูหนึ่งตัวก็ใช้จานรองหนึ่งจานเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นปูหรือกุ้งมังกร ล้วนแต่ถูกต้มจนกลายเป็นสีแดง เมื่อแสงไฟสาดส่องเข้ามากระทบก็ราวกับเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้สี่กอง ซึ่งแตกต่างกับปูที่เพาะเลี้ยงเองในประเทศจีนอย่างสิ้นเชิง
เดิมทีฉินสือโอววางแผนที่จะทำกุ้งแตร์มีดอร์ แต่คิดไปคิดมา อันที่จริงเมนล็อบสเตอร์เพียงแค่นำไปนึ่งซีอิ๊วก็เพียงพอแล้ว แค่นี้รสชาติก็อร่อยเกินพอแล้วล่ะ
เหมาเหว่ยหลงถือได้ว่าเป็นคนมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง แต่กุ้งมังกรและปูขนาดใหญ่อย่างนี้ก็ไม่ค่อยได้เห็นเหมือนกัน เขามองไปมาแล้วจึงถามขึ้น “นี่ก็คือเมนล็อบสเตอร์และปูราชินีเหรอ?”
เมนล็อบสเตอร์เป็นกุ้งมังกรที่เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจหนึ่งเดียวในโลกที่สามารถเทียบได้กับนอร์เวย์ล็อบสเตอร์ พบได้มากในภาคเหนือของสหรัฐอเมริกาและชายฝั่งแคนาดา พวกมันชอบอาศัยในเขตน้ำเย็น ดังนั้นจึงเติบโตช้า กุ้งมังกรน้ำหนักกว่าสิบกิโลเช่นนี้ ต้องใช้เวลาเติบโต 30 – 40 ปีเชียวล่ะ
แต่เนื่องจากอาศัยอยู่ในเขตน้ำเย็นและเติบโตได้ช้า จึงทำให้เนื้อของเมนล็อบสเตอร์มีความนุ่มและละเอียดมาก ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี ดี และแคลเซียม โพแทสเซียม โซเดียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ธาตุกำมะถัน ทองแดง และธาตุอื่นๆ อีกมากมาย รสชาติก็อร่อยสดใหม่ไม่แพ้กัน
ฉินสือโอวยืนยันด้วยรอยยิ้ม เหมาเหว่ยหลงจึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “หาได้จากฟาร์มปลานายเหมือนกันเหรอM”
ฉินสือโอวพยักหน้า ความจริงแล้วเขาโกหกเหมาเหว่ยหลงต่างหาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟาร์มปลาแห่งนี้ แต่มันไม่มีกุ้งมังกรเลย ส่วนกุ้งมังกรเหล่านี้เขาก็ไปช้อนจับมาจากใต้ทะเลลึกด้วยพลังพิเศษแห่งจิตใต้สำนึกโพไซดอนต่างหาก
เนื้อย่างสีทองถูกยกมาเสิร์ฟเป็นจานๆ โดยมีปลาลิ้นหมาเผาเป็นอาหารจานหลักอีกหนึ่งจาน ฉินสือโอวใช้มีดผ่าหนังปลาลิ้นหมาที่ถูกเผาจนดำออก ทันใดนั้นเนื้อปลาที่ขาวดั่งหิมะก็ปรากฏออกมาพร้อมไอร้อน
ลูกทั้งสี่ของพาวเวลล์นั่งบนโต๊ะกินข้าวอย่างสงบเสงี่ยม พวกเขาคั้นน้ำผลไม้กันเอง ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงดื่มไอซ์ไวน์ ชาร์คกับพวกสามคนดื่มเบียร์ ส่วนอีวิลสันน่ะเหรอ? เขาแค่ดื่มน้ำเปล่าก็ทำให้ฉินสือโอวจนลงได้แล้ว
ตากลมทะเลไป ดื่มไอซ์ไวน์ไป เพลิดเพลินกับอาหารทะเลเหล่านั้นไป เหมาเหว่ยหลงรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก
เนื่องจากหน้าที่การงานและครอบครัว ตอนอยู่ประเทศจีนเขาจึงมีงานเลี้ยงเกือบทุกวัน แต่เมื่อเทียบกับอาหารมื้อนี้แล้ว งานเลี้ยงเหล่านั้นจึงไม่ต่างอะไรกับการชดใช้กรรม นี่สิถึงจะเรียกว่าการเพลิดเพลินไปกับชีวิต
จิบไอซ์ไวน์หนึ่งคำ กินเนื้อปลาเผาหอมๆ หนึ่งชิ้น รอบกายคือเหล่าวีรบุรุษแห่งรัฐนิวฟันด์แลนด์ เด็กๆ ผู้ไร้เดียงสา และเหล่าสัตว์เลี้ยงผู้น่ารัก เหมาเหว่ยหลงรู้สึกว่าตัวเองได้ผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“การที่ฉันมาฟาร์มปลาของแกในครั้งนี้นับว่าไม่เสียเที่ยวจริงๆ เลย” เหมาเหว่ยหลงกล่าว “เอาเถอะ ไม่สนใจแล้วล่ะ กลับไปลาออกดีกว่า เฮ้อ ฉันเองก็อยากเพลิดเพลินไปกับชีวิตเหมือนกัน”
ฉินสือโอวหัวเราะ “แกอย่าทำอะไรซี้ซั้วสิ กว่าจะได้เป็นถึงหัวหน้าวิชาการอย่างตอนนี้ก็ไม่ง่ายเลย หัดรู้จักเห็นค่ามันซะบ้าง”
เหมาเหว่ยหลงอาศัยความเมาตบโต๊ะหนึ่งทีแล้วพูดขึ้น “ไม่ไหวแล้วล่ะ ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว ชีวิตก่อนหน้านี้เป็นการชดใช้กรรมชัดๆ! เฮ้อ ฉันไม่เคยคิดอยากจะเป็นคนใหญ่คนโตอะไรเลย อีกอย่างฉันก็ไม่มีหัวนักการมืองด้วย เพราะงั้นต่อให้อนาคตจะดีกว่านี้ ฉันก็เป็นได้แค่กรรมการเล็กๆ เท่านั้นแหละ ให้ตายเถอะ ไม่ทำแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวคิดว่าเขาเพียงพูดไปอย่างนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เขามีเรื่องจะให้เหมาเหว่ยหลงช่วยจริงๆ จึงพูดต่อ “แกมาที่นี่ก็ได้เห็นแล้วว่าหมู่บ้านนี้ไม่เลวเลย มีภูเขา ทะเล ทิวทัศน์ที่สวยงามแถมยังมีชายหาดด้วย ฉันวางแผนที่จะทำเส้นทางการท่องเที่ยวโดยมุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน แกคิดว่ายังไง?”
เหมาเหว่ยหลงตาเป็นประกายแล้วพูดขึ้น “ไม่เลว เรื่องนี้ให้ฉันเป็นคนจัดการเถอะ รับรองว่าทำออกมาดีแน่นอน!”
“บอส ฟาร์มปลาของเราจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วเหรอ?” อีวิลสันถามด้วยรอยยิ้ม
ฉินสือโอวมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว และเมื่อตอนนี้มีเงินนับล้านที่ถูกเก็บไว้ใต้ทะเล อีกทั้งเขายังไม่ได้ขาดเงิน ดังนั้นฟาร์มปลาของเขาคงไม่เข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวครั้งนี้
จะว่าไปเกาะแฟร์เวลแห่งนี้ก็ไม่ได้มีเพียงฟาร์มปลาของเขา ตอนนี้ในเกาะมีฟาร์มปลาใหญ่น้อยรวมทั้งหมด 6 แห่ง
นอกจากฟาร์มปลาต้าฉินของเขาแล้วยังมีอีก 5 แห่ง ฟาร์มปลา 5 แห่งนี้ล้วนอยู่ในสภาวะกึ่งปิด เจ้าของของพวกมันต่างก็หนีไปทำงานที่อื่นซึ่งสามารถนำมาใช้กับโครงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวได้ ขอเพียงทำเงินได้ เจ้าของเหล่านี้จะต้องยินดีมากอย่างแน่นอน
“ดื่ม ดื่ม วันนี้มีเหล้าให้ดื่ม ก็ดื่มเสียให้สะใจ!” เหมาเหว่ยหลงลุกขึ้นยืนแล้วยกแก้วขึ้นเพื่อชวนดื่มเหล้า
ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ อีวิลสันยกแก้วเบียร์ขนาดเท่าถังใบเล็กขึ้น พวกเขาดื่มไปเพียงอึกเดียวก็หมดไปครึ่งแก้ว
อาหารมื้อเดียวใช้เวลากินกว่าสองชั่วโมง เหมาเหว่ยหลงเริ่มรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตกับฉินสือโอว ชาร์คกับพวกกำลังวางแผนงานในฟาร์มปลากันสามคน เออร์บักเองก็พาเด็กทั้งสี่คนเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ
ส่วนอีวิลสันนั้นกำลังกินอย่างดุเดือดและไม่เคยมีใครสู้เขาได้สักคน
สุดท้ายเหมาเหว่ยหลงก็ดื่มมากไปหน่อย เขาและฉินสือโอวต่างอ่อนกำลังจนทำอะไรไม่ไหวแล้ว อีวิลสันทำท่าเหมือนกำลังหิ้วกระสอบ เขาจับพวกฉินสือโอวเอาไว้ข้างละคนแล้วส่งพวกเขากลับไปยังห้องนอน
ฉินสือโอวตื่นหกโมงเช้าและออกกำลังกายจนเป็นนิสัย นอกจากวิ่งแล้วตอนนี้เขายังได้เพิ่มรายการออกกำลังกายเข้ามาอีกหนึ่งรายการ นั่นก็คือการเล่นบาสเกตบอล เขากำลังเตรียมพร้อมที่จะเป็นตัวแทนของหมู่บ้านแฟร์เวลไปเข้าร่วมการแข่งขันบาสเกตบอลชิงถ้วยฤดูร้อน
เหมาเหว่ยหลงนอนจนถึงแปดโมงครึ่ง ท้ายที่สุดฉินสือโอวทนรอไม่ไหว เขาพาฉงต้าบุกเข้าไปในห้องแล้วลากเหมาเหว่ยหลงออกมาจากห้อง ไม่อย่างนั้นเจ้านี่ต้องนอนจนถึงสิบโมงแน่นอน
“วันนี้มีกิจกรรมอะไรเหรอ?” เหมาเหว่ยหลงนอนถามบนเตียงเหมือนหมีแกล้งตาย
“กิจกรรมมีเยอะแยะไป ตกปลากลางทะเล ล่าสัตว์บนเขา ยิงปลาในทะเลสาบ โต้คลื่นและเล่นสกีน้ำ ต้องดูว่าแกชอบอะไร” ฉินสือโอวบอกรายการกิจกรรมออกมาไม่น้อย
เหมาเหว่ยหลงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เขาลุกจากเตียงและใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วก่อนจะตะโกนออกมา “ออกไปตกปลากลางทะเลก่อน เฮ้อ ตั้งแต่เรียนจบและออกจากเมืองไหเต่าไป ฉันก็ไม่เคยออกทะเลอีกเลย”
……………………………………….