ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1441 เหรียญทองสิบสี่เหรียญ
บิลลี่พูดว่า “ไม่ใช่แน่นอน ฉันเคยบอกนายไปแล้วว่า เจ้าของบันทึกเล่มนี้คือหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดขวานดำแห่งทะเลเหนือ แต่โจรสลัดกลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่แยกออกมาจากกลุ่มโจรสลัดบาซาโรม”
“ตามที่บันทึกได้บันทึกเอาไว้ พวกเขาติดตามกลุ่มโจรสลัดบาซาโรมไปปล้นสะดมที่ท่าเรือเกาะซานตา คาตาลินาที่ประเทศสเปน หลังจากนั้นก็หลอกว่าเป็นเรือล่าปลาวาฬ เพื่อแยกตัวออกจากกลุ่มโจรสลัด และซ่อนตัวจากกองทัพเรือทุกประเทศที่กำลังไล่ล่า พวกเขาขึ้นเหนือไปตลอดทางเพราะต้องการหาที่หลบภัย ซึ่งก็คือกรีนแลนด์”
“ผลคือ ยุคนั้นเป็นยุคน้ำแข็งเล็กที่มีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์ ทะเลในวงกลมอาร์กติกแข็งตัวเร็วกว่าปีก่อนๆ เรือของพวกเขาจึงถูกแช่แข็งอยู่ที่ไหนสักแห่งในมหาสมุทรแอตแลนติก”
บิลลี่พูดคร่าวๆ อีกครั้ง และส่ายหน้าในที่สุด “ก็ถือว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นายไม่อ่านบันทึกเล่มนี้ คงคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วจุดจบของโจรสลัดกลุ่มนี้น่าอนาถมากแค่ไหนแน่นอน! หลังจากพวกเขากินอาหารในทะเลจนหมด ก็ฆ่าฟันกันเอง ฆ่าเพื่อนพี่น้องเพื่อกินเป็นอาหาร ฟัค! นึกไม่ถึงว่าในบันทึกเล่มนี้ยังบันทึกอีกว่าการกินเนื้อคนรสชาติดีมากอย่างไร นายกล้าเชื่อไหมล่ะ?!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินสือโอวก็นึกถึงกล่องใบใหญ่ที่เขาเห็นในท้องเรือของเรืออับปางทันที ซึ่งด้านในเต็มไปด้วยกระดูกที่แห้งเหือด ในเวลานั้นเขายังสงสัยว่า ร่วมเรือกันได้อย่างไร บางคนตายกลายเป็นศพที่เปียกชื้น แต่บางคนกลับกลายเป็นกระดูกที่แห้งเหือด?
ตอนนี้คำตอบเผยออกมาแล้ว เพราะกระดูกที่แห้งเหือดพวกนั้นไม่ได้เน่าและกลายเป็นแบบนั้น แต่ถูกคนกินเนื้อก่อนจะโยนเข้าไป!
ดังนั้นเขาจึงพูดจากจิตใต้สำนึกว่า “ฉันเชื่อ”
“นายเชื่อ?” บิลลี่ถามกลับด้วยความแปลกใจ
ฉินสือโอวตระหนักถึงตัวเองที่สูญเสียการควบคุมไปนิดหน่อย เขาถอนหายใจและพูดต่ออย่างมีไหวพริบ “แน่นอน ทำไมจะไม่เชื่อล่ะ? ฉันเคยฟังพ่อฉันเล่าว่า ประเทศของพวกเรามียุคหนึ่งที่ภัยพิบัติทั้งจากธรรมชาติและจากมนุษย์นั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนไม่มีของจะกิน เมืองของพวกเราก็มีคนแอบกินเนื้อของคนที่ตายไปแล้วเหมือนกัน!”
“โอ้ว ชิท!” บิลลี่ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ “ขอพระเจ้าทรงอวยพรคนที่น่าสงสารผู้นั้นด้วย! และก็ต้องอวยพรฉันเหมือนกัน คืนนี้ฉันคงกินข้าวไม่ลง เนื้อคนตาย? นี่มันน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว น้องชาย นี่มันน่าขยะแขยงเกินไป!”
ฉินสือโอวถอนหายใจ “ใช่ พวกเราเพิ่งจะไปกินข้าว ซึ่งก็มีคนกินเนื้อแมวน้ำ…”
บิลลี่พยักหน้าและพูดว่า “ถูก เนื้อแมวน้ำที่กรีนแลนด์อร่อยมาก เพื่อน นายต้องลอง นายจะรักเนื้อนั่นไปจนตาย…”
ฉินสือโอวมองเขาด้วยความว่างเปล่า บิลลี่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงพูดใหม่ว่า “เอ่อ มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
“ฟัคยู! ผิดปกติแน่นอน แมวน้ำ วาฬ นี่ล้วนเป็นจิตวิญญาณของมหาสมุทร นายกินเนื้อของพวกมันได้อย่างไร? นายมันน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว บิลลี่ พี่ชายของฉัน พระเจ้าจะไม่อภัยให้นาย!” เขาพูดด้วยความโกรธ
บิลลี่พูดอย่างรู้สึกผิด “แต่ตอนที่ฟิลิปสาวกของพระเยซูกำลังเทศน์ มีครั้งหนึ่งในที่ที่หนาวเย็นไม่มีอาหาร เขาก็กินเนื้อแมวน้ำภายใต้คำแนะนำของศาสดาของฉัน…”
ฉินสือโอวโบกมือและพูดว่า “เอาล่ะ พวกเราเลิกพูดถึงเรื่องไร้สาระบ้านี่กันเถอะ บันทึกเล่มนี้ได้บันทึกถึงสมบัติที่พวกเขาปล้นมาไหม? ได้บอกไหมว่าซ่อนไว้ที่ไหน?”
เมื่อพูดถึงสมบัติ บิลลี่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาพูดว่า “ไม่มีรายละเอียดบันทึกไว้ แต่ฉันกล้ารับประกันว่า ครั้งนี้พวกเราจะต้องได้กำไรอย่างมหาศาลแน่นอน! ตามที่บันทึกเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสอบปากคำของกองทัพเรือ พวกเขาต้องซ่อนอัญมณี ทองกับเงินที่ขโมยมาไว้ในถังน้ำมันวาฬแน่นอน!”
“รู้ใช่ไหมว่านี่หมายความว่าอะไร? มีการปกป้องจากน้ำมันวาฬ เงินและของมีค่าพวกนี้จะไม่ถูกน้ำทะเลกัดกร่อน! พวกมันจะได้รับการปกป้องอย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน! โอ้ น้องชาย ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น เหรียญทอง เหรียญเงินกับอัญมณีของศตวรรษที่ 17 ที่ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี! พระเจ้ารักพวกเรา!”
ฉินสือโอวฟังเขาพูดจบก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาคิดถึงถังน้ำมันวาฬที่หนาแน่นในท้องเรือเมื่อตอนนั้น ในตอนนั้นเขาเห็นแค่น้ำมันวาฬที่แข็งตัวอยู่ข้างใน และน้ำมันวาฬก็ขุ่นมาก เขาไม่ได้มองอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าข้างในมีอะไร ปรากฏว่าข้างในนั้นเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ!
บิลลี่พูดถูก พระเจ้ารักพวกเขา สมบัติพวกนี้อาจจะมีค่ามากกว่าของทุกอย่างที่พวกเขาดำขึ้นมาในอดีตก็เป็นได้!
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างดุเดือดอยู่พักหนึ่งว่าใครเป็นลูกทูนหัวของพระเจ้า หลังจากนั้นบิลลี่ก็ถามขึ้นมาทันที “ฉิน ฉันลืมถามนาย บันทึกเล่มนี้นายไปเจอมาจากที่ไหน?”
ฉินสือโอวตอบว่า “ครั้งนี้เป็นความโชคดีล้วนๆ เพื่อน ตอนที่เรือของฉันเทียบท่า ฉันเจอเรือที่กลับมาจากการออกทะเลลำหนึ่ง เรือลำนั้นดำสิ่งที่เรียกว่าขยะขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ฉันจึงซื้อมาบ้าง ในกองขยะนั้นก็มีกล่องใบนี้ แน่นอนว่า ของที่มีค่าก็คือกล่องใบนี้ นอกจากบันทึกเล่มนั้น ฉันยังเจอเหรียญทองสิบกว่าเหรียญในกล่องใบนี้อีกด้วย”
เขานำกล่องไม้กล่องนั้นออกจากในกระเป๋า หลังจากเปิดดูด้านในคือเหรียญทอง 14 เหรียญที่ใช้ผ้าฝ้ายห่อเอาไว้อย่างดี
หลังจากเห็นเหรียญทองพวกนี้ บิลลี่ถึงกับผงะ เขามองอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ทางนั้น และพูดด้วยความลังเล “นี่ดูเหมือน ดูเหมือนเหรียญทองที่ระลึกของฟิลิปรุ่นที่ 4? ฉันเห็นไม่ค่อยชัด นายรีบถ่ายรูปส่งมาให้ฉันที”
ฉินสือโอวบอกว่าไม่มีปัญหา หลังจากนั้นเขาก็ถามว่า “เหรียญทองที่ระลึกของฟิลิปรุ่นที่ 4 ที่นายพูดถึงคืออะไร? มีค่ามากใช่ไหม?”
บิลลี่พูดว่า “ถ้าจะให้พูดอย่างมั่นใจ เหรียญทอง 14 เหรียญนี้ แต่ละเหรียญมีมูลค่าเป็นล้านทุกเหรียญ! นายดูดีๆ เหรียญทองพวกนี้มีรูปด้านหนึ่งที่แตกต่างกันทุกเหรียญใช่ไหม?”
ฉินสือโอวมองดู จริงด้วย รูปบนเหรียญทองพวกนี้ไม่เหมือนกันเลย
บิลลี่พูดอย่างตื่นเต้น “งั้นก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นเหรียญทองคุณงามความดีของฟิลิปรุ่นที่ 4! ฟิลิปรุ่นที่ 4 เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์คของสเปน ในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นเจ้าเหนือหัวของเนเธอร์แลนด์ใต้ และดำรงตำแหน่งเป็นกษัตริย์ของโปรตุเกสอีก 20 ปี!”
“ชายคนนี้เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง เหรียญทองคุณงามความดีของฟิลิปรุ่นที่ 4 ก็เป็นเหรียญทองชุดหนึ่งที่มีคนสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้เขาดีใจ และมีแค่ 20 เหรียญเท่านั้น ตามลำดับเวลา ทุกเหรียญจะเลือกช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นกษัตริย์ของวินยาร์ด และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในแต่ละปีมาทำเป็นเหรียญ”
“ตอนนี้บนโลกมีแค่ 2 เหรียญที่หลงเหลืออยู่ 1 ใน 2 เหรียญนั้นเป็นสนิมและชำรุดไปแล้ว ดังนั้นตำนานที่เกี่ยวข้องกับเหรียญทองคุณงามความดีจึงเป็นที่โต้แย้งกันมาตลอดในวงวิชาการประวัติศาสตร์อย่างไม่รู้จบ เหรียญทองพวกนี้ไม่เพียงแค่มีมูลค่าในการเก็บสะสมเท่านั้น แต่ยังมีมูลค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีอีกด้วย!”
ฉินสือโอวฟังการแนะนำของเขาและดีใจมากยิ่งขึ้น ไม่น่าแปลกที่เหรียญทองพวกนี้จะถูกหัวหน้าโจรสลัดเก็บรักษาเอาไว้ เขายังคิดว่ามันเป็นแค่ตัวอย่างเลย แต่คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าโจรสลัดคนนี้ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเหมือนกัน
บิลลี่อธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟังต่อ “ในบันทึกของโจรสลัดได้บันทึกสิ่งที่เกี่ยวข้องเอาไว้ว่า หัวหน้าโจรสลัดขวานดำเล่าว่าเขาได้ขโมยกล่องผ้าลายปักมาจากบ้านพักของข้าหลวง ซึ่งด้านในมีเหรียญทองอยู่จำนวนหนึ่ง เขาไม่รู้สถานะของเหรียญทองพวกนี้ เขาแค่เห็นพวกมันถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ก็คิดว่าเป็นวัตถุล้ำค่า จึงแบ่งกับหัวหน้าโจรสลัดอีกคน คิดไม่ถึงว่าเหรียญทองที่พวกเขาแบ่งกันในตอนนั้นจะเป็นเหรียญทองคุณงามความดีของฟิลิปรุ่นที่ 4! ”
ฉินสือโอวเกาคาง เขาเหล่ตามองและพูดว่า “ฉันรู้สึกว่า เหรียญทองพวกนี้เต็มไปด้วยสีสันของตำนาน? แบบนั้นพวกมันจะมีมูลค่าแค่ 1 ล้านเองเหรอ? บางทีฉันก็รู้สึกว่า มูลค่าอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าแล้วก็ได้?”
บิลลี่หัวเราะอย่างซุกซน “นี่ก็ขึ้นอยู่กับการโฆษณา ฉันเชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะนี่คือพี่น้องของเหรียญทองทั้ง 14 เหรียญ! เหรียญทองคุณงามความดี 14 เหรียญ ซึ่งมูลค่าไม่สามารถประเมินได้!”
………………………………