ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1442 แสงสว่างที่โดม
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตำแหน่งของเรืออับปาง สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องให้ฉินสือโอวมาบอก ในบันทึกโจรสลัดก็มีบันทึกเอาไว้ เทคโนโลยีการนำทางของยุคนั้นก้าวหน้ามากแล้ว พวกโจรสลัดไม่ได้หลงทางในทางทะเลอีกแล้ว แค่ถูกแช่แข็งเท่านั้นเอง พวกเขารู้ตำแหน่งที่แน่นอนของตัวเองมาโดยตลอด
บิลลี่บอกว่าเขาคอนเฟิร์มตำแหน่งนี้แล้ว และรอให้สภาพอากาศดีขึ้นหลังจากเข้าฤดูใบไม้ผลิ เขาก็จะเข้าไปค้นหาและดำขึ้นมาทันที
หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันเสร็จ ฉินสือโอวก็วางสายวิดีโอคอล และพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “เอาล่ะ ภาระหนักๆ ในร่างกายหายไปส่วนหนึ่งแล้ว มาเถอะ คุณภรรยา ให้พวกเรามีความสุขไปด้วยกันในค่ำคืนนี้”
เสี่ยวเถียนกวาที่นั่งอยู่ตรงหัวเตียงได้ยินคำพูดของเขาก็เรียนรู้และพูดว่า “มีความสุขๆ คุณพ่อ หนูอยากมีความสุข…”
สีหน้าของวินนี่เปลี่ยนไป เธอจ้องไปที่ฉินสือโอวและเตือนว่า “หลังจากนี้คุณต้องเฝ้าระวังลูกสาว คุณต้องใส่ใจกับคำพูดของคุณ โอเคไหมคะ?”
เสี่ยวเถียนกวาก็ถามกลับตามวินนี่เหมือนกัน “โอเคไหม?”
ฉินสือโอวหัวเราะเยาะและดันเด็กน้อยลงพร้อมกับบ่นพึมพำว่า “เธอเป็นนกแก้วเหรอ? พูดอะไรก็เรียนรู้ทุกอย่าง วุ่นวายจริงๆ”
เด็กน้อยสวมเสื้อหนามาก เหมือนกับขนมบะจ่างอ้วนๆ ชิ้นหนึ่ง หลังจากถูกดันล้มเธอก็พยายามลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง ผลคือเธอไม่สามารถทนแรงต้านได้ บนเตียงมีผ้าห่มกำมะหยี่ที่ทั้งนุ่มและหนา เธอขยับตัวได้แต่ไม่สามารถลุกขึ้นได้ เธอจึงม้วนตัวขึ้นมาแทน
หู่จือกับเป้าจือมองฉากนี้ด้วยสายตาที่เฉียบคม พวกมันกระโดดขึ้นมาบนเตียงและใช้หัวที่โค้งเหมือนกับลูกบอล โค้งตัวเด็กน้อยกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง
เด็กน้อยตะโกนเสียงดังขึ้นมา ฉินสือโอวมองและหัวเราะคิกคัก เขาพูดกับวินนี่ว่า “น่าสนใจมาก”
วินนี่มองเขาด้วยความตกตะลึง และตะโกนอยู่นาน “พระเจ้า คุณเป็นพ่อของเธอรึเปล่า? คุณกำลังทำอะไร? ดูหนังตลกเหรอไง?”
ฉินสือโอวขยับตัวอย่างรวดเร็ว และใช้ฝ่ามือดึงแลบราดอร์ทั้งสองตัวออกมา เขาอุ้มลูกสาวขึ้นมาและเริ่มเขย่าเพื่อปลอบประโลมเธอ
เวลาที่มีแสงแดดส่องนั้นสั้นมาก ตอนที่ฉินสือโอวมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนมีน้ำหมึกกระเซ็นใส่แล้ว
เมื่อคิดย้อนกลับไป เขารู้สึกราวกับว่าวันนี้ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย เขาไปเยี่ยมชมโบสถ์และกินข้าว หลังจากนั้นท้องฟ้าก็มืดแล้ว…
สถานที่แบบนี้ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยจริงๆ ท่านชายฉินไม่ใช่คนที่มีแรงจูงใจขนาดนั้นเขารู้สึกว่าการมาที่กรีนแลนด์เป็นเรื่องที่เสียเวลาและเสียพลังชีวิตมาก
แต่พักอยู่ในโรงแรมสโนว์ ซึ่งท้องฟ้ามืดเร็วก็ไม่เลว บนท้องฟ้าตอนกลางคืนจะมีดวงดาวปรากฏขึ้นมา ตอนกลางคืนยิ่งมืดแสงดาวก็ยิ่งสว่าง และก้อนน้ำแข็งที่หลังคาก็เป็นประกายและโปร่งใสมาก เมื่อนอนลงบนเตียงก็สามารถมองเห็นดวงดาวที่อยู่เต็มท้องฟ้านั้นได้
“สวยงามมากจริงๆ” วินนี่อุทานด้วยความชื่นชม
เริ่มจากก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเกาะแอตตู สภาพอากาศไม่ค่อยดี ตอนกลางคืนมองไม่เห็นดวงดาวด้วยซ้ำ ฉินสือโอวก็ไม่ได้สนใจจะไปดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของที่นี่เป็นพิเศษ แต่ตอนนี้หลังจากที่นอนอยู่บนเตียงและเงยหน้าขึ้นไปดู จิตใจของเขาก็ถูกทำให้สั่นไหวอีกครั้ง
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในดินแดนขั้วโลกนั้นไม่เหมือนกับสถานที่อื่นๆ ท้องฟ้าของที่นี่สูงเป็นพิเศษ และห่างไกลจากผู้คนมาก ตอนกลางวันเขาเห็นก้อนเมฆสีขาว และรู้สึกว่าก้อนเมฆสีขาวนั้นอยู่นอกท้องฟ้า
แต่ดวงดาวบนท้องฟ้าตอนกลางคืนของที่นี่กลับสว่างเป็นพิเศษ เพราะท้องฟ้าของที่นี่เป็นท้องฟ้าที่มีมลพิษเบาบางที่สุดบนโลก และเป็นท้องฟ้าที่โปร่งใสมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นเกาะแฟร์เวลที่ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมก็เทียบกับที่นี่ไม่ได้
กรีนแลนด์เป็นเกาะที่ไม่มีโรงงานเคมี
ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรภายในห้องถึงไม่มีโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์และของอื่นๆ เลย การนอนอยู่ใต้ท้องฟ้าแบบนี้ ถ้ามัวแต่มานอนดูโทรทัศน์ก็เสียแรงเสียเวลาหมด!
สำหรับนักท่องเที่ยว โทรทัศน์สามารถดูได้ตลอดเวลา คอมพิวเตอร์สามารถเล่นได้ตลอดเวลา แต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงามขนาดนี้ ไม่ใช่ของทั่วไปที่จะสามารถหาดูได้! เมื่อมาถึงที่นี่ เขาก็ควรล้มตัวนอนลงบนเตียงและมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ฉินสือโอวรู้สึกว่าผู้ชายที่หยาบคายอย่างเขา ยังสามารถดูได้ทั้งคืน!
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแบบนี้ แสงดาวสามารถเปล่งออกมาได้มากที่สุด การดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในสถานที่อื่นจะเป็นแบบ 2 มิติ แต่ที่นี่เป็นแบบ 3 มิติ ฉินสือโอวรู้สึกว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมายนั้นได้สัดส่วนพอดี และสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน บางส่วนก็อยู่ใกล้เขา บางส่วนก็อยู่ไกลเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของที่อื่นๆ ก็เป็นสีดำกับสีขาว ท้องฟ้าเป็นสีดำ และแสงดาวเป็นสีขาว แต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวของที่นี่กลับเป็นหลากสี ท้องฟ้ายังคงเป็นสีดำ แต่สีของดวงดาวกลับแตกต่างกัน สีแดง สีส้ม สีเขียว สีน้ำเงิน สีทอง…
สิ่งที่ลึกลับยิ่งกว่านั้นคือ ทันใดนั้น ขอบฟ้าที่มืดมิดก็ปรากฏผ้าไหมสีเขียวขึ้นมา ผ้าไหมนี้กวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วอยู่บนท้องฟ้าสองสามครั้ง จากนั้นก็จางหายไป
“เฮ้ บอส แสงออโรร่า!” เสียงตะโกนของแบล็คไนฟ์ดังขึ้นมาจากห้องข้างๆ “คุณได้ยินที่ผมพูดไหม? เตรียมตัวดูแสงออโรร่าเร็ว พวกเราโชคดีมากจริงๆ คืนนี้ไม่มีเมฆดำ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแสงออโรร่า!”
ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโยนไปที่กำแพงก้อนน้ำแข็ง และพูดด้วยความโกรธ “หุบปาก แบล็คไนฟ์! ฉันไม่ใช่คนตาบอด! อย่าทำลายบรรยากาศแบบนี้…”
“พูดแค่สองสามคำเอง ออกไปดูเร็ว!” วินนี่เริ่มสวมเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ
การปรากฏตัวของแสงออโรร่านั้นกะทันหันมาก และก็รวดเร็วมากเหมือนกัน ตอนที่พวกเขาสวมเสื้อผ้ายังไม่มีอะไร หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและวิ่งออกไปจากโรงแรม ท้องฟ้ายามค่ำคืนก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงและเงาสีเขียวเข้มแล้ว
แสงออโรร่าสีเขียวเข้มลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง หรือล่องลอยไปตามสายลม ในเวลาสั้นๆ มันทำให้ความประทับใจของฉินสือโอว เหมือนกับกำลังลุกไหม้
แสงออโรร่าเปล่งประกายลอยไป และเปลี่ยนรูปร่างอยู่ตลอดเวลา แต่ขอบเขตโดยรวมจะขยายออกไป ตอนแรกจะดูเหมือนสีน้ำสีเขียวอ่อน ต่อมาแสงจะขยายออกไปอย่างช้าๆ และกลายเป็นรัศมี รัศมีกลายเป็นครึ่งผืนฟ้า…
ฉินสือโอวจับมือของวินนี่ วินนี่จับมือของเขากลับอย่างแนบแน่นในทันที และพูดพึมพำว่า “ที่รัก ฉันอยากจะยืนอยู่ที่นี่กับคุณจนถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ”
ฉินสือโอวอยากจะพูดล้อเล่นว่าจนถึงวินาทีสุดท้ายของพวกเรานั้นแล้วลูกสาวเราจะทำอย่างไร แต่เมื่อเขาอ้าปาก ก็จับพลัดจับผลูเปลี่ยนไปเป็น “ใช่ ที่รัก ผมก็คิดว่าชีวิตครึ่งหลังของพวกเราควรจะใช้เวลาอยู่ที่นี่”
แสงออโรร่าสีเขียวเข้มที่อยู่ด้านหลังเริ่มเปลี่ยนสีอย่างช้าๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน สีเหลืองอ่อน สีเหลืองสลัว สีแดง สีฟ้า และดวงดาวที่อยู่ไกลออกไปก็พากันส่องแสง ช่วงเวลานี้แสงดาวเริ่มสว่างขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ รัศมีก็สวยงาม
ทันใดนั้นแสงออโรร่าหลากหลายสีก็หยุดนิ่ง เหมือนภาพวาดทิวทัศน์ที่เงียบสงบและสวยงาม และทันใดนั้นมันก็ม้วนไปมาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนกับคลื่นที่ปั่นป่วน ด้านหลังแสงออโรร่าเริ่มเปลี่ยนเป็นสายน้ำไหล และไหลไปอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า
ฉากแบบนี้ ฉินสือโอวเคยเห็นในสารคดีมาก่อน สารคดีบางช่องเพื่อแสดงให้เห็นถึงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็จะใช้วิธีแบบนี้
แต่บนโทรทัศน์ ฉินสือโอวไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เวลานี้เขากำลังมองแสงออโรร่าที่ไหลไปอย่างรวดเร็ว เขาจึงเข้าใจว่าเวลาก็เหมือนความรู้สึกของสายน้ำไหล เวลาดูเหมือนจะเร็วขึ้นทันทีเมื่ออยู่ที่นี่ เขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเป็นสิ่งมีชีวิตชั่วนิรันดร์
ใครจะรักจะเกลียดก็ช่าง เมื่อชมดอกไม้บานและร่วงที่หน้าศาล และจากไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ พร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพบกันก็ต้องมีจากลา!
ตอนที่ฉินสือโอวเตรียมตัวไปดูแสงออโรร่า เขาเคยอ่านคำแนะนำของแบ็กแพ็กเกอร์บางคน ซึ่งบอกจุดที่เห็นแสงออโรร่า ราวกับว่าทันใดนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงชีพจรที่ยิ่งใหญ่ของโลก และทุกคนก็รู้สึกตระหนักถึงการทำอะไรไม่ถูกอันเล็กน้อยของตัวเองในทันที
เวลานี้ เขาตระหนักว่าความรู้สึกแบบนี้ชัดเจนเป็นพิเศษ ทุกคนไม่ได้แกล้งทำเลย แสงออโรร่าที่ม้วนตัวจากไป สามารถทำให้คนรู้สึกสะเทือนใจแบบนี้ได้จริงๆ!
ชัดเจนว่าวินนี่ก็มีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เธอจับมือของฉินสือโอวแน่นขึ้นเรื่อยๆ และก้มหน้าลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉินสือโอวตกตะลึงเมื่อเห็นหู่เป้าฉงหลัวเจ้าตัวน้อยพวกนี้ก็นั่งเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนกัน…
ส่วนทหารทั้งห้านายนั้น ยิ่งแสดงสีหน้าตกตะลึงมากขึ้นไปอีก!
…………………………………………………