ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1459 เรือลำใหญ่
การมาของลูกหมี ทำให้ภรรยาเจ้าของที่พักผู้ที่ชื่นชอบหมีมีความสุขเป็นอย่างมาก หลังจากที่เธอรู้ว่าฉงเอ้ออยู่ในช่วงกำลังดื่มนม เธอก็ตั้งใจออกไปซื้อนมกวางเรนเดียร์กลับมา เมื่อเทียบกับนมผงแล้ว ฉงเอ้อชอบนมชนิดนี้มากกว่า
เสี่ยวเถียนกวากำลังคิดถึงเรื่องที่ไม่สามารถกำจัดศัตรูได้ที่สนามบิน เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่เห็นฉงเอ้อกำลังดื่มนมกวางเรนเดียร์อยู่ เธอก็ไปแย่งมันมา เวลาอื่นฉงเอ้อนั้นกลัวเถียนหวา แต่ตอนที่มันกำลังดื่มนมอยู่ มันกลับไม่กลัวเธอ
เมื่อเถียนกวาเข้าไปใกล้ ฉงเอ้อทิ้งเหยือกนมไว้ แล้วพุ่งเข้าไปต่อสู้กับเด็กหญิงตัวน้อย
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ชาร์คก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “เฮ้ย บอส เจ้าเด็กนี่มันหวงอาหาร!”
ฉงต้านั่งนิ่งอยู่ข้างๆ มันมองไปยังลูกหมีด้วยความรักความเอ็นดู ใบหน้าอ้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะตีมัน
เถียนกวาสามารถตีกับฉงเอ้อได้ตามอำเภอใจ แต่หู่จือเป้าจือและซิมบ้าไม่สามารถเข้าใกล้ฉงเอ้อได้ มิเช่นนั้นฉงต้าจะโกรธขึ้นมาทันที หลังจากนั้นมันก็จะใช้พลังราชาแห่งป่าในการใช้อุ้งเท้าตะปบพวกมันลอยแน่นอน
หลังจากที่หู่จือและเป้าจือถูกตะปบจนลอยขึ้นอยู่หลายรอบ ฉงต้าโมโหเป็นอย่างมาก หลังจากที่พวกมันรวมตัวกันทานอาหารมื้อเย็น พวกมันก็ถอยตัวห่างออกมาจากฉงต้า
ฉงต้าไม่ได้สนใจอยู่แล้ว มันเข้าไปอยู่ข้างๆ ลูกหมี บางครั้งมันก็เอนตัวแลบลิ้นออกมาเลียขนสีขาวของลูกหมี ท่าทางสงบเป็นอย่างมาก
“ดูเหมือนว่าฉงต้าจะให้ฉงเอ้อเป็นลูกสะใภ้ซะแล้ว” ฉินสือโอวพูด แต่เขารู้สึกงงมาก “ระหว่างหมีสีน้ำตาลและหมีขาว ไม่มีการแยกการสืบพันธุ์กันเหรอ? พระเจ้า หากระหว่างพวกมันเกิดลูกออกมา จะเป็นหมีอะไรล่ะ?”
ชาร์คหัวเราะออกมา “อันที่จริงแล้วฉงต้าเป็นหมีดำ แน่นอน หมีสีน้ำตาลและหมีดำไม่มีอะไรแตกต่างกัน ถ้าหากว่าเป็นหมีดำ ตามธรรมชาติแล้วหมีสีน้ำตาลนั้นเกิดจากการผสมพันธุ์กับหมีขาว ฮ่าฮ่า!”
พวกเขาหัวเราะออกมา ซีมอนสเตอร์ถามแบล็คไนฟ์ว่า “เป็นอย่างนี้งั้นเหรอ เพื่อน?”
แบล็คไนฟ์พูดออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “ฉันแนะนำว่านายควรไปที่ บรุกลิน นิวยอร์กแล้วถามชายผิวสีพวกนั้นนะ ดูสิว่าพวกเขาจะใช้ปืนตอบกลับนายยังไง!”
“อันที่จริงแล้วมันอาจจะเกิดมาเป็นหมีตัวนั้นได้นะ อือ ตัวที่ขนตัวสีขาวและมีหางสีดำน่ะ” แอร์แบ็คพูดออกมา
ฉินสือโอวมองไปที่แอร์แบ็คแล้วพูดว่า “ที่นายพูดคือ หมีแพนด้า? หมีประจำชาติของพวกเราน่ะเหรอ?”
แอร์แบ็คยืนมือออกมาหวังจะไฮไฟว์กับเขา “ใช่แล้ว บอส ที่คุณพูดนั่นแหละ แพนด้า!”
ฉินสือโอวกลอกตาด้วยความโมโห นี่เป็นการสบประมาทเขาอย่างที่สุด แล้วยังจะให้เขาไฮไฟว์ด้วยอีกงั้นเหรอ? เขาพูดออกมาอย่างดูถูกว่า “สามัญสำนึกน่ะเพื่อน สามัญสำนึกล่ะ? หมีแพนด้าและหมีไม่ได้เป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน แพะขาวและแพะดำให้กำเนิดแกะได้หรือไง?!”
วินนี่โบกมือปัดพลางพูดว่า “หยุดกันทุกคนนั่นแหละ อย่าทะเลาะกันเลย ฉงเอ้อเป็นเพศเมีย พวกคุณที่ดูแลมันแล้วมาพูดเรื่องแบบนี้ดูไม่เหมาะสมเลยนะ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ วินนี่พูดขึ้นมาอีกว่า “อีกอย่าง ที่รัก คุณไม่รู้สึกเหรอ หมีเพสเมียถูกตั้งชื่อว่าฉงเอ้อก็ดูไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไหร่นะ?”
ฉินสือโอวลูบจมูก เขาก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “ฉงเอ้อ!”
ตอนนั้นเองลูกหมีที่กำลังกอดเหยือกนมแล้วดื่มอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองทันที เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไร มันก็ก้มหน้าลงไปแล้วดื่มนมต่อด้วยความเอร็ดอร่อย
“ดูสิ มันชอบชื่อนี้ของตัวเอง” ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยความพอใจ
เหล่าทหารและชาวประมงเริ่มพูดสนับสนุนท่านชายฉิน “ผมรู้สึกว่าชื่อฉงเอ้อชื่อนี้ ตอนนี้ถือว่าไม่เลวเลย ฉงต้ากับฉงเอ้อ ชื่อนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นชื่อของคู่สามีภรรยา”
วินนี่ถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางให้ลูกหมีตัวนี้เปลี่ยนชื่อได้
วันที่สองที่กลับมาถึงเกาะแอตตู ฉินสือโอวก็ไปบนเรือเพื่อดูผลผลิต สองสามวันมานี้ชาร์คและพรรคพวกทุ่มเทให้กับการจับปูจักรพรรดิเป็นอย่างมาก ปูจักรพรรดิที่อยู่รอบๆ แนวปะการังถูกจับมาจนเกือบหมดแล้ว
ฉินสือโอวตกใจเป็นอย่างมาก เขาถามออกมาว่า “สองสามวันมานี้พวกนายไม่ได้ไปจับอย่างอื่นเลยเหรอ จับปูจักรพรรดิหมดเลยเหรอ?”
ซีมอนสเตอร์ตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจว่า “แน่นอนครับ ที่นี่ยังมีอะไรมีค่ามากกว่าปูจักรพรรดิอีกเหรอครับ? ปลาทะเลตัวแบนอาร์กติก? ปลาค็อดอาร์กติก? อ้อ ใช่แล้วบอส ทักษะที่คุณได้รับการถ่ายทอดมาจากครอบครัวนั้นดีมากเลยล่ะ”
“หมายถึงอะไร? ”
“ห้าธาตุพิชิตมังกรไงล่ะครับ มีบางคนบอกว่าตอนที่ออกทะเลไปพวกเขาเห็นฝูงปลาค็อดอาร์กติก แถมเป็นฝูงปลาตัวใหญ่อีกต่างหาก! ฟัค คุณรู้อยู่แล้ว ปลาค็อดอาร์กติกนั้นมีค่ามากอยู่แล้ว ถ้าพวกเราจับได้หลายสิบตัน ก็จะสามารถทำกำไรได้มากเลย!” ซีมอนสเตอร์พูดออกมาอย่างมีความหวัง
ฉินสือโอวเม้มปาก อย่าได้คิดเลย ฝูงปลาพวกนั้นที่พวกเขาเจอ ก็คือฝูงปลาที่ฉินสือโอวนำทางพวกมันไปยังฟาร์มปลาต้าฉินหลายต่อหลายฝูง ไกลออกไปยังทางใต้การตรวจสจับฝูงปลานั้นทำได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเขาจึงต้องจับตาดูการอพยพปลาในครั้งนี้ หากไม่ระวังมีหวังโดนคนจับไปทำให้เสียแรงเปล่า
เรือปริ้นเซสเมล่อนเป็นเรือลำใหญ่ขนาดหลายพันตัน สามารถรองรับการจับได้จำนวนมาก ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนค้นหาปลาที่อยู่รอบๆ เกาะแอตตู เมื่อเห็นว่าไม่มีของดีอะไรเลย หลังจากที่ออกทะเลมาแล้วสี่สิบกว่าวัน ก็ถึงเวลาที่จะกลับฟาร์มปลาแล้ว
ต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการเติมอุปกรณ์วัสดุต่างๆ สำหรับเรือปริ้นเซสเมล่อน ฉินสือโอวอาศัยช่วงเวลาสองสามวันหลังจากนี้ที่เป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างดี ซึ่งหาได้ยากในมหาสมุทรแอตแลนติกในเดือนมกราคม สั่งให้เหล่าชาวประมงนำสมอขึ้นแล้วล่องเรือกลับบ้าน
แม้ว่าการหารายได้นั้นจะเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่ยังสามารถกลับบ้านได้นั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน สำหรับคนที่ล่องลอยอยู่กลางทะเลแล้ว ไม่มีอะไรที่สำคัญไปมากกว่าการกลับบ้าน
เส้นทางในการกลับมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากออกจากเกาะแอตตู พวกเขาก็ใช้ประโยชน์จากลมทางทิศตะวันตกในการล่องเรือไปยังทางทิศตะวันตก มุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรคัมเบอร์แลนด์ เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงมุ่งหน้าเข้าไปยังอาณาเขตของแคนาดา และเมื่อล่องเรือต่อไปยังทิศใต้ก็จะตรงไปยังมหานครเซนต์จอห์นได้
การเลือกเส้นทางนี้มีข้อดีอยู่สองข้อ หนึ่งคือการได้ใช้ประโยชน์จากลมที่พัดมาในสองวันแรกอย่างเต็มที่ การล่องเรือแบบนี้ไม่เพียงแต่จะปลอดภัยแต่ยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย สอง ในเส้นทางที่ล่องเรือกลับมีพื้นที่ที่เป็นพื้นดินอยู่ตามแนวเส้นทาง เมื่อเทียบกับการล่องเรือในมหาสมุทรแอตลินติกเหนือถือว่าปลอดภัยกว่ามาก
เมื่อออกมาจากช่องแคบดาวิสแล้ว ก็เข้าสู่เขตน่านน้ำแลบราดอร์ สถานการณ์ทุกอย่างเป็นปกติ ในช่วงฤดูกาลนี้ น่านน้ำแห่งนี้ ยังคงเป็นฤดูหนาวที่รุนแรงอยู่ ลมหนาวที่พัดมาราวกับมีดคมก็ไม่ปาน
แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าความหนาวนี้ไม่หนาวเท่าไร เมื่อเทียบกับการอาศัยอยู่ที่อิลูลิสแซทมาสิบวันแล้ว อากาศแบบนี้เขายังสามารถเห็นพระอาทิตย์ได้มากกว่าสิบชั่วโมงต่อวันเสียอีก ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์เป็นอย่างมาก
หลังจากที่เติมเสบียงที่ท่าเรือเบอร์เวลล์เป็นครั้งที่สอง เรือปริ้นเซสเมล่อนก็มุ่งหน้าลงใต้ต่อ ในช่วงเวลานี้พวกเขาพบกับฝูงปลาแมคเคอเรลฝูงหนึ่ง เหล่าชาวประมงหว่านตาข่ายลงทะเลเพื่อจับพวกมันขึ้นมา ราวกับเป็นการแหวกหญ้าหากระต่าย ผลผลิตที่ได้ถือว่าไม่เลว
ช่วงเดือนมกราคมน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกมักจะไม่ค่อยมีเรือ ช่วงนี้เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว มีเรือโดยสารที่น่าสงสารเพียงไม่กี่ลำเท่านั้น เนื่องจากผลผลิตของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือไม่ได้อุดมสมบูรณ์เท่ากับมหาสมุทรแปซิฟิก เรือประมงจึงมีจำนวนไม่มาก ส่วนเรือบรรทุกน้ำมัน เรือบรรทุกสินค้านั้นน้อยยิ่งกว่า
พวกเขาล่องอยู่กลางทะเลเป็นเวลาห้าวัน พอเข้าวันที่หกอากาศเริ่มเลวร้าย จากพยากรณ์อากาศของดาวเทียมพยากรณ์ว่า พายุหิมะลูกหนึ่งกำลังก่อตัว
ฉินสือโอวถามว่าพวกเราถึงที่ไหนแล้ว ชาร์คจึงตอบว่า “ข้างหน้าเรานี้ก็จะเป็นแหลมนีนแล้วครับ พวกเราสามารถเข้าไปหลบพายุที่นั่นได้”
“งั้นก็ดี พวกเราไปยังแหลมนีนกันเถอะ” ฉินสือโอวพูด
ยังมีเวลาอีกสองสามชั่วโมงก่อนที่จะเจอเข้ากับสงครามพายุหิมะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รีบร้อน ปรากฏว่าในระหว่างที่กำลังล่องเรือกันอยู่นั้นพวกเขาก็เจอเข้ากับเรือลำหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าเรือปริ้นเซสเมล่อน ชาร์คออกไปดูเรือลำนั้น หลังจากนั้นก็กลับมาบอกว่า “บอส มีคนบนเรือลำนั้นร้องขอความช่วยเหลือ มันเป็นสัญญาณ บอกว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ”
ฉินสือโอวเกาคางตัวเอง คงไม่โชคดีขนาดนั้นหรอกใช่ไหม? ทุกครั้งที่พบกับภัยพิบัติจากพายุ เขาจะเจอเข้ากับเรือที่ต้องการความช่วยเหลือตลอดเลยเหรอ?
แต่ว่าเขาก็ยังคงให้ชาร์คขับเรือเข้าไปใกล้เรือลำนั้น แล้วถามว่าพวกเขาต้องการให้ช่วยเรื่องอะไร
…………………………