ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1460 ผิดปกติ
ชาร์คตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า “เจ้านาย วิทยุไร้สายไม่สามารถเชื่อมต่อได้ พวกเราควรเข้าไปใกล้เรือลำนั้นไหมครับ? ”
ฉินสือโอวถามกลับว่า “วิทยุไร้สายของพวกเราพังรึเปล่า?”
ระหว่างทางที่ล่องเรือมา แม้ว่าจะพบเรือจำนวนไม่มาก แต่พวกของฉินสือโอวก็เจอเข้ากับเรือลำใหญ่อยู่หลายสิบลำ ในช่วงเวลานั้นพวกเขายังวิทยุไร้สายติดต่อพูดคุยกันอยู่เลย ดังนั้นวิทยุไร้สายของเรือปริ้นเซสเมล่อนไม่มีปัญหาแน่นอน
ระหว่างที่ล่องเรืออยู่กลางทะเล หากโทรศัพท์ดาวเทียมและวิทยุไร้สายเกิดปัญหาขึ้นมา แบบนั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
ชาร์คบอกว่าเห็นได้ชัดว่าวิทยุไร้สายของพวกเขานั้นมีปัญหา หลังจากนั้นเขาก็ถามอีกครั้งว่า ต้องการให้เข้าไปใกล้เรือของอีกฝั่งหรือไม่
เรือขนาดใหญ่หนักหลายสิบตันทั้งสองลำ ไม่สามารถเข้าใกล้กันได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพราะถ้าหากว่าไม่ระมัดระวัง ความกดอากาศและแรงดันน้ำทะเลอาจทำให้เรือทั้งสองลำชนกันได้ นอกจากนี้ ใครจะรู้ว่าบนเรือของอีกฝ่ายนั้นมีอะไร? ยังดีที่เป็นมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ไม่มีโจรสลัดปรากฏตัว ถ้าหากว่าอยู่ในทะเลแคริบเบียน มหาสมุทนอินเดียใต้พวกนั้นล่ะก็ มีโจรสลัดอาละวาดเต็มไปหมด เขาไม่มีทางเข้าใกล้เรือแปลกๆ แน่นอน
ฉินสือโอวเดินไปที่ดาดฟ้า เขาเห็นว่าที่เรือฝั่งตรงข้ามมีคนกำลังโบกธงในมือไปมาอย่างสุดแรง เขามองผ่านกล้องส่องทางไกลครู่หนึ่ง แล้วถามออกมาว่า “คนคนนั้นกำลังพูดอะไรอยู่?”
ชาร์คส่ายหน้า ฉินสือโอวจึงพูดขึ้นว่า “นายไม่รู้ความหมายของธงเหรอ?”
ชาร์คส่ายหน้าต่อไปด้วยความรู้สึกผิด ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยความเบื่อหน่ายว่า “งั้นนายยังยืนบื้อทำอะไรอยู่ล่ะ? ยังไม่ไปหาคนที่รู้ความหมายของธงอีก?”
ชาร์คส่ายหัวอย่างผิดหวัง “เจ้านาย พวกเราบนเรือไม่มีใครรู้ความหมายของธงเลยสักคนครับ!”
ฉินสือโอวไม่อยากจะเชื่อ เขาหันไปถามพวกของแบล็คไนฟ์ “พวกนายก็ไม่รู้ความหมายของธงเหรอ?”
แบล็คไนฟ์หัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น “ขอโทษด้วยครับ หัวหน้า พวกเราไม่รู้ความหมายของมันจริงๆ”
“งั้นพวกนายงั้นเป็นกองกำลังพิเศษอยู่ไหม? ทำไมกองกำลังพิเศษถึงไม่เข้าใจความหมายของธง? เหล่าเกิง พวกนายล่ะ? อย่าบอกฉันนะว่า พวกนายที่เป็นทหารเรือก็ไม่เข้าใจความหมายของธงเหมือนกัน?”
เกิง จุนเจี๋ยพูดออกมาอย่างกระอักกระอ่วนว่า “บอส ผมเป็นทหารบกนะครับ แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะเป็นทหารเรือ แต่พวกเขาไม่ได้รับการฝึกด้านสัญญาณธงมาเป็นพิเศษ ปกติแล้วระหว่างการฝึกก็จะเป็นการดูเพื่อนร่วมทีมทำการแสดงมากกว่า มาตรฐานเรื่องสัญญาณธงแย่กว่าภาษาอังกฤษของพวกเขาเสียอีก”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อจางตงสูดจมูกฟุดฟิดแล้วพูดออกมาว่า “ให้ผมลองดูสักหน่อยดีไหมครับ บอส ผมเคยเรียนมาก ตอนนั้นที่ผมเรียนเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง แต่ตอนนี้จำไม่ค่อยได้แล้ว”
ฉินสือโองส่งกล้องส่องทางไกลให้เขา จางตงส่องกล้องดูสักพัก สีหน้าของเขาก็ปรากฏความสงสัยออกมา เขาพูดว่า “ความหมายของชายคนนี้ เหมือนจะบอกว่าให้พวกเราอย่าเข้าใกล้”
“นายแน่ใจนะ?” ชาร์คถามด้วยความสงสัย “ถ้าหากว่าไม่อยากให้พวกเราเข้าใกล้ พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องส่งสัญญาณธงเลย ไม่พูดอะไรพวกเราก็หนีออกมาอยู่แล้ว”
จางตงเกาหัว พลางพูดออกมาว่า “นั่นก็ ผมไม่ค่อยมั่นใจนัก ท่าทางของเขาซับซ้อนมาก เหมือนว่าจะไม่ให้พวกเราเข้าไปใกล้ แต่ก็เหมือนจะบอกว่าให้พวกเรารีบเข้าไปหา ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร”
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาพลางพูดว่า “อย่าเสียเวลาเลย เตรียมแตรใหญ่ซะ พวกเราจะเข้าไป แล้วถามพวกเขาว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม”
เรือปริ้นเซสเมล่อนเริ่มลดความเร็วลง และค่อยๆ ล่องไปข้างหน้าช้าๆ ซีมอนสเตอร์นำแตรไฟฟ้าไปวางไว้ที่ดาดฟ้า เขากระแอมเพื่อเตรียมที่จะถามคำถามกับฝั่งตรงข้าม
ตอนนั้นเองที่เรือลำใหญ่ก็มีคนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น ชายที่กำลังโบกธงอยู่ถูกคนพวกนั้นจับตัวไป ภาพเหตุการณ์นั้นอยู่ในภายใต้การมองอย่างระวังของแบล็คไนฟ์ เขาพูดขึ้นว่า “บอส อย่าเข้าใกล้เลยครับ ปล่อยเรือเล็กไปดีกว่า ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อครู่มีคนลงมือจัดการกับชายที่โบกธงคนนั้น”
ตอนนี้ที่ทะเลเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น ดังนั้นฉินสือโอวจึงไม่เสี่ยงที่จะปล่อยเรือเล็กออกไปเผชิญอันตราย
เมื่อได้ยินคำพูดของแบล็คไนฟ์ เขารู้สึกว่าแบล็คไนฟ์ออกจะตื่นตระหนกเกินไปเสียหน่อย น้อยมากที่จะเจอโจรสลัดที่มหาสมุทรแอตแลนติก แม้ว่าจะมีโจรสลัดพวกมันก็คงไม่เข้ามาใกล้เรือประมงลำใหญ่แบบนี้แน่นอน
เมื่อเข้าไปใกล้ พวกเขาก็เห็นชัดขึ้น เรือลำนี้เป็นเรือประมงตกปลาหมึก
ฉินสือโอวยังไม่ได้ปล่อยเรือเล็กออกไป แต่คนทางนั้นกลับลงมือก่อน เรือชูชีพหนึ่งลำมีชายห้าคนนั่งออกมา
คลื่นลมทะเลแรงมาก เรือชูชีพถูกคลื่นทะเลซัดโซเซไปมา ท่าทางดูเหมือนจะจมลงได้ตลอดเวลา น่ากลัวเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวต้องใช้จิตสำนึกโพไซดอนในการประคับคองให้เรือล่องไปข้างหน้า
เรือชูชีพเข้าใกล้เรือปริ้นเซสเมล่อน ชายผิวขาวคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยความรีบร้อนว่า “เฮ้ เพื่อนจากเรือปริ้นเซสเมล่อน เจ้าของเรือของพวกนายอยู่ที่ไหน? พวกเราสามารถคุยกับเจ้าของเรือของพวกนายได้ไหม”
ฉินสือโอวแสดงตัวออกมาพลางพูดว่า “ฉันเป็นเจ้าของเรือ มีอะไรงั้นเหรอ?”
ชายผิวขาวคนนั้นพูดว่า “พวกเรามาขอความช่วยเหลือ เรือของพวกเรามีปัญหา มันน่าเสียจริง! พวกเราโชคไม่ดี! ใบพัดเกิดติดขัดขึ้นมา โทรศัพท์ดาวเทียมและวิทยุไร้สายก็ดันมาเสียอีก! พระเจ้า! พวกเราสามารถเข้าไปในเรือคุณก่อนได้ไหม? ตอนนี้คลื่นลมแรงมาก การนั่งอยู่ในเรือเล็กๆ แบบนี้ทำให้พวกเรากลัวจริงๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาแห้งๆ “งั้นพวกคุณก็คงโชคไม่ดีจริงๆ แต่ว่าผมแนะนำให้พวกคุณถอยเรือกลับไปก่อน เราจะแจ้งหน่วยกู้ภัยทางทะเล ให้พวกเขามาช่วยพวกคุณ”
ชายผิวขาวคนนั้นกลืนน้ำลายลงคอ พลางพูดอ้อนวอนออกมาว่า “ให้พวกเราขึ้นเรือเถอะนะ อันที่จริงแล้วพวกเราไม่ได้กินอิ่มมาสองสามวันแล้ว ใจดีกับพวกเราหน่อยนะ เพื่อน ให้พวกเราไปทานอาหารอุ่นๆ สักหน่อยได้ไหม?”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาส่งสัญญาณให้บูลปล่อยบันไดลงไป เพื่อให้พวกเขาขึ้นมา
“บอส นี่ไม่ผิดปกติไปหน่อยเหรอ” แบล็คไนฟ์เข้ามาพูดเสียงเบส “พวกเขาโชคไม่ดีจริงๆ เหรอ? ใบพัดติดขัด โทรศัพท์เสีย เรือของพวกเขาใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีนายช่างใหญ่เหรอ? อีกอย่าง…”
ฉินสือโอวตอบกลับเสียงเบาว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว นายไปจัดการก่อน ฉันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเหมือนกัน”
สาเหตุที่เขาตัดสินใจแบบนี้ ก็เพราะว่านพวกนายบอกว่าหิวมาสองสามวันแล้ว ถ้าหากว่าพวกเขาบอกว่าพวกเขากระหายน้ำมาสองสามวันคงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเกิดขึ้นในเรือประมงคือการหิวโหย แม้ว่าจะไม่มีอาหาร แต่ก็ยังสามารถตกปลาได้
ไม่ต้องนึกเลยว่าปลากุ้งจะเพียงพอขนาดไหน ถ้าหากคนพวกนี้ไม่ได้ทานอะไรมาแล้วสองสามวันจริงๆ เช่นนั้นแม้แต่ก้างปลาพวกเขาก็สามารถกลืนลงไปได้…น้ำที่น่านน้ำแลบราดอร์เย็นเกินไป หากไม่เพิ่มความร้อนให้มากพอ คนเหล่านั้นได้ตายแน่!
แบล็คไนฟ์ให้สัญญาณทางสายตาแก่เกิงจุนเจี๋ย ทหารนับสิบนายจึงปรากฏตัวที่ดาดฟ้าทันที
พวกเขาทยอยขึ้นมาบนดาดฟ้ากันทีละห้าคน หู่จือและเป้าจือที่ทำตัวเป็นลูกน้องของฉินสือโอวทำจมูกฟุดฟิดไปมา พวกมันมองไปยังกลุ่มคนที่ขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วเห่าออกมา
“โว้ว พวกนายมีหมาด้วยเหรอ?” ชายผิวขาวที่เดินนำมามีท่าทางตกใจ จากนั้นก็หัวเราะออกมา
คนทั้งห้าอยู่ที่ดาดฟ้าแล้ว พวกเขายืนกระจายกัน ฉินสือโอวชี้ไปที่พวกเขาพลางพูดว่า “เฮ้ พวกคุณ อย่าขยับ ยืนอยู่นิ่งๆ โอเคไหม?”
ชายผิวขาวนิ่งไป เขาถามว่า “หมายความว่าอะไร?”
ในขณะที่พูด เขาก็เดินเข้าไปใกล้ฉินสือโอว ขนบนหู่จือและเป้าจือตั้งชันขึ้นมา มันอยู่ในท่าก้มตัวลงต่ำเตรียมพร้อมที่จะเข้าโจมตีและเงยหน้าขึ้นเห่าออกมาเสียงดัง “โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”
แบล็คไนฟ์และเกิงจุนเจี๋ยพาคนทั้งสองฝั่งของตัวเองพุ่งเข้ามา ในมือของพวกเขามีทั้งปืนและธนู พวกเขาล้อมคนทั้งห้าไว้ แล้วตะโกนออกมาว่า “วางมือไว้บนศีรษะ! เร็วๆๆ! คุกเข่าลง!”
ชายผิวขาวมีสีหน้าตื่นตระหนก เขาพูดอกมาว่า “นี่มันหมายความว่าอะไรกัน…”
“หุบปาก! เอามือวางไว้บนศีรษะ ให้ตายเถอะ! ทำตามที่ฉันบอก ไม่อยากนั้นฉันจะยิง!” แบล็คไนฟ์ยังคงพูดออกมาด้วยความโมโห
คนทั้งห้าก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ท่าทางเหมือนจะกระโดดลงไป แบล็คไนฟ์ไม่มีความลังเลเลย เขายกปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าแล้วยิงปืนออกมาหนึ่งนัด ทำให้คนทั้งห้าหมอบลงพื้นอย่างรวดเร็ว
แอร์แบ็คเข้าไปตรวจสอบร่างกายของชายทั้งห้าคนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว เขาถกเสื้อของชายผิวขาวแล้วหยิบปืนพกออกมาจากชายคนนั้น จากนั้นก็ถีบชายผิวขาวคนนั้นให้ล้มลง พลางพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “นี่มันอะไรกัน!”
……………………………