ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1465 น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าภาพยนตร์
แมวน้ำลายพิณมีจำนวนทั้งหมดหนึ่งร้อยสี่ห้าสิบตัว ฉินสือโอวรู้สึกว่าหากพากลับไปยังฟาร์มปลาเป็นเรื่องที่ดี สัตว์พวกนี้เป็นสัตว์น่ารัก ตัวของมันกลมดิ๊ก ไม่มีพิษมีภัยต่อมนุษย์ หากให้พวกมันมาเป็นสัตว์เลี้ยงไว้เพื่อประดับฟาร์มปลา คงจะเพิ่มความนิยมให้กับฟาร์มปลาได้ไม่น้อย
วินนี่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง มีแมวน้ำพวกนี้โครงการการท่องเที่ยวของเมืองก็จะมีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งโครงการ
ดังนั้นหลังจากที่ฉินสือโอวออกความเห็น วินนี่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที เธอดึงแขนของเขามาแล้วยิ้มหวานให้ก่อนจะพูดว่า “ที่รัก คุณนี่ดีจริงๆ พาพวกมันกลับเถอะ ฉันสามารถขอเงินทุนในการรับเลี้ยงแมวน้ำจากเมืองได้”
ผู้พันยักไหล่ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขา ดูสิว่าต่อไปพวกตำรวจจะจัดการอย่างไร ถ้าหากพวกเขาตัดสินใจที่จะปล่อยแมวน้ำ เขาก็จะช่วยเป็นคนประสานงานเรื่องให้ฉินสือโอวพาพวกมันไป
ทุกคนกลับไปยังโรงแรมภายใต้การคุ้มครองของตำรวจ พายุหิมะโหมกระหน่ำอยู่ที่ด้านนอก ผู้สื่อข่าวถูกพายุหิมะล้อมรอบเอาไว้ ความเป็นมืออาชีพของพวกเขา ทำให้ฉินสือโอวประหลาดใจ
พอตกกลางคืน นักข่าวก็แห่กันมายังแหลมนีนมากขึ้น ฉินสือโอวที่ออกมาซื้อกาแฟถูกนักข่าวล้อมเอาไว้ นักข่าวคนหนึ่งถามออกมาว่า “คุณเป็นกัปตันเรือปริ้นเซสเมล่อนใช่ไหมคะ? เป็นคุณแน่ๆ ใช่ไหม? กัปตันของเรือลำนี้เป็นชาวจีน”
ฉินสือโอวดึงเกิงจุนเจี๋ยที่มาเป็นเพื่อนเขาเข้ามาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ครับๆๆ คนนี้ต่างหาก พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว เขาคนนี้ต่างหากที่เป็นกัปตันเรือ ผมเป็นเพียงลูกเรือ ผมมาซื้อกาแฟให้กัปตันกับพวกเพื่อนๆ เท่านั้น”
นักข่าวพวกนี้ส่วนมากไม่ได้มาจากมหานครเซนต์จอห์น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้จักฉินสือโอว เมื่อเขาพูดแบบนั้นออกไป พวกนักข่าวก็ปล่อยฉินสือโอวและหันไปล้อมเกิงจุนเจี๋ยแทน
อันที่จริงแล้ว หากมองจากอายุและบุคลิก เกิงจุนเจี๋ยเหมือนกัปตันมากกว่า เขาพึ่งเกษียณมาไม่นาน เขามีจิตวิญญาณอันไม่ยอมแพ้ใครในแบบของทหารออกมาอย่างเห็นได้ชัด บุคลิกนี้สามารถพบเห็นได้ในผู้นำ ฉินสือโอวก็มีบุคลิกที่ดี แต่อายุยังถือว่ายังน้อย
ดังนั้นเกิงจุนเจี๋ยจึงถูกล้อมไปด้วยนักข่าว นักข่าวต่างพากันถามคำถามออกมามากมาย น่าเสียดายที่ภาษาอังกฤษของเขาไม่ค่อยดี จึงฟังไม่ค่อยถนัด เมื่อถูกนักข่าวรุมถามเขาจึงรู้สึกมึนงง ในที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยความพยายามว่า “พวกเราตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และพวกเราขอประณาม…”
นักข่าว “….”
ฉินสือโอวฝ่าพายุหิมะเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ด้านข้างโรงแรม บนโต๊ะมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งวางอยู่ พาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนี้
สื่อต่างๆ มีพลังเหนือธรรมชาติจริงๆ พวกเขาสามารถรู้รายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องที่เกิดขึ้นได้ภายในคืนเดียว ฉินสือโอวจิบกาแฟไปพลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปจนจบ จากนั้นเขาจึงเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์
เรือบูลด็อกในรัฐเมนเป็นเรือประมงของสหรัฐอเมริกา พวกเขาออกทะเลมาสี่เดือนแล้ว เริ่มต้นบนเรือมีลูกเรือถึงสี่สิบคน จนท้ายที่สุดก็เหลือชาวประมงเพียงสองคนเท่านั้น…โชคดีของสองพี่น้องคู่นั้น เพราะว่าคนในครอบครัวป่วย พวกเขาจึงไม่ได้ขึ้นเรือมา
คนทั้งสามสิบคนแบ่งออกมาเป็นกลุ่มที่นำโดยกัปตันสิบสองคน และกลุ่มของผู้ช่วยกัปตันยี่สิบหกคน ในกลุ่มของพวกเขามีเพียงผู้ช่วยกัปตันและคนของพวกเขาเท่านั้นที่ถูกจ้างมาชั่วคราว พวกเขาไม่ใช่ชาวพอร์ตแลนด์ เพราะว่ากัปตันของเรือบลูด็อกในรัฐเมนมีชื่อเสียงในเรื่องที่ไม่ดี เขาขึ้นชื่อในเรื่องการกดค่าจ้างของลูกเรือ ชาวประมงท้องถิ่นจึงไม่เต็มใจที่จะทำงานให้เขา
เรือบลูด็อกออกจากทะเลมาเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา วัตถุประสงค์คือมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ พวกเขามุ่งไปทางใต้ในช่วงฤดูหนาวเพื่อที่จะจับหมึกกระดองและหมึกอื่นๆ เดิมทีพวกเขาตกลงกันว่า นอกจากกัปตันจะให้เงินค่าจ้างแก่ผู้ช่วยและลูกน้องของเขาแล้ว ยังจะให้เงินโบนัสจากรายได้ที่ได้รับอีกร้อยละยี่สิบ
เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ เรือประมงที่ออกชายฝั่งทุกลำจะปฏิบัติเช่นนี้กับลูกเรือ ไม่เพียงแต่จะรับประกันรายได้ขั้นต่ำเท่านั้น แต่ยังให้เงินโบนัสแก่ลูกเรือด้วย แบบนี้จะสามารถกระตุ้นการทำงานของลูกเรือได้เป็นอย่างดี
ปัญหาที่ตามมาเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาเก็บเกี่ยวผลผลิต พวกเขาโชคร้าย เก็บเกี่ยวปลาได้จำนวนน้อยมาก ด้วยเหตุนี้กัปตันจึงไม่อยากให้ค่าจ้างแก่ลูกเรือ เขาต้องการแบกรับแค่เงินโบนัสเท่านั้น
แน่นอนว่ากลุ่มของผู้ช่วยไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน จากความไม่ลงรอยของทั้งสองฝ่าย ทำให้ก่อให้เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น
เมื่อจับปลาไม่ได้รับกำไร กัปตันก็ไม่ต้องการเสียเงิน เขาจึงได้จับแมวน้ำลายพิณมาฝูงหนึ่ง เขาต้องการเอาขนและเนื้อของพวกมันไปขายในตลาดมืด แบบนี้อย่างน้อยเขาก็สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายในการออกเรือได้
พวกของผู้ช่วยคิดว่าเงินที่ได้จากแมวน้ำลายพิณส่วนหนึ่งพวกเขาก็ควรได้รับเช่นกัน แต่กัปตันเป็นคนตระหนี่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เห็นด้วย เพราะแบบนี้ ความไม่ลงรอยของทั้งสองฝ่ายจึงถูกพัฒนาเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ ผู้ช่วยได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่และกักขังกัปตันและคนของเขา เพื่อที่จะขู่คนพวกนั้น
กัปตันเป็นคนไม่ดี เขาต้องการยุยงชายคนที่เป็นผู้ช่วยที่คอยมาส่งข้าวส่งน้ำให้ เขาจึงหยิบปืนออกมา เขาต้องการเพียงข่มขู่เท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะฆ่าจริงๆ เขาต้องการที่จะขู่ผู้ช่วยและคนอื่นๆ ที่จับเขามาเท่านั้น
แต่ว่าคนของผู้ช่วยคิดว่ากัปตันจะฆ่าเขาจริงๆ จึงชิงลงมือก่อนอย่างแน่วแน่ เขาฆ่ากัปตันด้วยฉมวก จากนั้นคนของกัปตันก็สู้กลับ ในที่สุดคนจากคนจำนวนสิบสองคน มีคนสิบเอ็ดคนถูกฆ่า และศพถูกโยนลงทะเลไปเป็นอาหารของฉลาม!
คนเดียวที่อยู่เหลือรอดคือชายชาวเม็กซิกันที่โบกสัญญาณธง เขาคือพ่อครัวของเรือ และเขาก็เป็นคนที่ขี้ขลาดมาก ในตอนที่เกิดการปะทะเขาเอาแต่ซ่อนตัวจากเรื่องนี้ ผู้ช่วยต้องการคนทำอาหาร หลังจากที่พบเข้ากับชายคนนี้ ผู้ช่วยจึงไม่ได้ฆ่าเขา
ในขณะที่เกิดการปะทะ ทางฝั่งของผู้ช่วยก็มีคนเสียชีวิตไปยี่สิบหกคน มีเพียงสิบแปดคนสุดท้ายที่เหลือรอด คนทั้งสิบแปดคนแบ่งออกเป็นสองฝ่าย เก้าคนแรกนำโดยผู้ช่วย ส่วนอีกเจ็ดคนนำโดยหัวหน้าช่าง
หลังจากเกิดการปะทะ ทั้งสองฝ่ายก็มีความเห็นไม่ลงรอยกัน พวกของผู้ช่วยบอกว่าพวกเขาได้ทำการฆาตกรรมแล้วไม่สามารถกลับไปยังอเมริกาได้ จึงต้องการที่จะล่องเรือไปยังทางเหนือของกรีนแลนด์ เพื่อที่จะหาที่หลบซ่อน
แต่หัวหน้าช่างไม่คิดแบบนั้น เขารู้สึกว่าเมื่อพวกเขาทำการฆาตกรรม พวกเขาควรกลับไปรับโทษ เหตุผลของความคิดนี้คือคนของหัวหน้าช่างทั้งแปดคนให้ความช่วยเหลือในการปะทะเท่านั้น แต่ไม่ได้ฆ่าใคร
นี่คือสาเหตุที่ทั้งสองฝ่ายไม่ลงรอยกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้กระทำความผิดร้ายแรง ส่วนอีกฝ่ายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ทั้งสองฝ่ายไม่เชื่อใจกันและกัน หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาสี่วันแล้วพวกเขาก็ยังไม่ได้ผลสรุปของเรื่องนี้ ผู้ช่วยทำลายโทรศัพท์ดาวเทียมเพื่อป้องกันไม่ให้หัวหน้าช่างพูดความจริง ส่วนหัวหน้าช่างก็ทำลายเครืองยนต์เพื่อไม่ให้ผู้ช่วยล่องเรือไปทางเหนือ
ท้ายที่สุด ทั้งสองฝ่ายก็รู้ทันทีว่าไม่สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายรอดไปได้ ไม่อย่างนั้นตัวเองอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไป จนในที่สุดก็เกิดเหตุนองเลือดขึ้น พวกของผู้ช่วยรักษาชีวิตของมือปืนไว้จนถึงท้ายที่สุด ดังนั้นคนของหัวหน้าช่างจึงถูกฆ่าทั้งหมด
ต่อมาก็คือเหตุการณ์ที่ฉินสือโอวเจอ พวกเขาต้องการนำเรือปริ้นเซสเมล่อนล่องไปยังทางตอนเหนือของกรีนแลนด์ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าบนเรือของฉินสือโอวไม่ได้มีเพียงชาวประมงเท่านั้น แต่ยังมีทหารสิบนาย อีกทั้งพวกเขายังพกปืนอีกด้วย หลังจากที่คนพวกนั้นขึ้นเรือจึงถูกจับ…
หลังจากเห็นข่าวทั้งหมด ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรือบลูด็อกนั้นยิ่งใหญ่กว่าหนังฮอลลีวูดเสียอีก และก็น่ากลัวกว่าด้วย เหมือนกับที่เขาบอกต่อๆ กันมาว่า ‘เรื่องจริงน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าภาพยนตร์เสียอีก!’
ครอบครัวเกือบสี่สิบครอบครัวถูกทำลายลง ถ้าไม่เป็นเพราะเขาระวังตัวมาก จะต้องมีครอบครัวมากกว่านี้ที่ได้รับความสูญเสีย
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การนองเลือดของประชาชนบริสุทธิ์ แต่เกี่ยวข้องกับการทูตด้วย เนื่องจากเป็นเรือของอเมริกา เรื่องนี้เกิดขึ้นบนพื้นที่ของแคนาดา ดังนั้นยากที่จะบอกได้ว่าจะใช้กฎหมายอะไร และทำการลงโทษอย่างไร
ตำรวจสหรัฐมีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างรวดเร็ว…เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาไม่สามารถตอบสนองช้าได้ หลังจากที่ฉินสือโอวกลับมาจากร้านกาแฟ เขาก็เห็นกลุ่มตำรวจไม่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ที่โรงแรม คนพวกนั้นสวมเสื้อที่เขียนด้วยคำว่ายูเอสเอ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนของอเมริกา
…………………………………