ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1484 ของแห้ง
แมวน้ำน้อยสองตัวกะพริบตาปริบๆ พวกมันไม่เข้าใจสิ่งที่ฉินสือโอวสื่อ จึงไม่สนลูกบอลที่อยู่บนหัว แต่ตั้งอกตั้งใจดูเหมาเหว่ยหลงเลี้ยงลูกบอล ครีบหน้าสั้นๆ ของมันตบไปที่พื้น กระโดดและร้องขึ้นมาอย่างมีความสุข
เหมาเหว่ยหลงหยุดการกระทำอย่างช่วยไม่ได้ “การสาธิตของฉันไม่มีประโยชน์สินะ?”
เมื่อเขาหยุด เด็กๆ ก็ไม่ยอมแล้ว ร้องบุ๋งๆ พยายามเอาครีบสั้นๆ ของมันตบที่พื้น เศษหญ้าจากอุ้งเท้าเล็กๆ ก็กระจายไปรอบๆ เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่พอใจอย่างมากที่เหมาเหว่ยหลงหยุดเลี้ยงลูกบอล
เหมาเหว่ยหลงจึงทำได้เพียงเริ่มเลี้ยงลูกบอลอีกครั้ง ครั้งนี้ลูกแมวน้ำก็กระโดดขึ้นพร้อมกับตบครีบหน้าลงบนพื้น ศีรษะของมันผงกขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ เริ่มทำท่าเลี้ยงลูกบอลขึ้นมา
ฉินสือโอวยิ้ม รีบเอาลูกบอลวางบนหัวของพวกมัน เมื่อเป็นแบบนี้เจ้าสองตัวก็เริ่มกระโดดไปกระโดดมา เลี้ยงลูกบอลได้แล้ว
สติปัญญาของมันสูงมาก ประโยชน์ของพลังงานโพไซดอนที่มีต่อลูกแมวน้ำเห็นได้ชัดมาก เจ้าเด็กน้อยสองตัวนี้ค้นพบเทคนิคในการออกกำลังกายนี้อย่างรวดเร็ว พยายามรักษาจังหวะขึ้นๆ ลงๆ ของส่วนศีรษะไว้ เพียงเท่านี้ลูกบอลก็ไม่ตกลงไปง่ายๆ แล้ว
ตั๋วตั่วตบมือแปะๆ ไปมาด้วยความดีใจ “ว้าว อ้วนมากๆ เลย!”
ทันทีที่เธอส่งเสียงเหมาเว่ยหลงที่กำลังเลี้ยงลูกบอลก็ตกตะลึง แล้วลูกบอลก็ตกลงมา แต่เขามีเวลาจัดการเรื่องนี้ที่ไหนล่ะ เขาคุกเข่าลงด้วยความตื่นเต้นและกอดตั๋วตั่วแน่น อุทานด้วยความประหลาดใจ “ลูกสาวที่น่ารัก! ลูกสาวที่น่ารัก! หนูพูดได้แล้ว!”
ฉินสือโอวก็สังเกตเห็นจุดนี้เช่นกัน เมื่อกี้อยู่ดีๆ ตั๋วตั่วก็พูดออกมา แต่ว่าเธอพูดว่า ‘อ้วนมากๆ’ หมายถึงอะไรกันนะ? เจ้าแมวน้ำน้อยสองตัวนี้ก็ไม่ถือว่าอ้วนนะ เมื่อก่อนพวกมันเคยโดนทำร้ายอย่างหนักตอนอยู่บนเรือบูลด็อกที่รัฐเมน ตอนนี้จึงยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่
แต่ก็ช่างมันเถอะ แค่ตั๋วตั่วพูดได้ เธอจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น
เด็กน้อยนี่ไม่เคยพูดมาก่อนเลย เมื่อก่อนเธอพูดไม่เป็น ตอนที่อ้าปากก็จะพูดได้แค่ว่า ‘อ๊าก ว้าว’ เท่านั้น เธอเป็นผู้ใหญ่ไวมาก ตอนอายุน้อยก็รู้เรื่องและเข้าใจในหลายๆ สิ่งแล้ว รู้ว่าเสียงนี้ไม่เพราะ จึงยอมที่จะปิดปากไม่พูดเลยเสียดีกว่า ได้เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
แต่ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ยอมส่งเสียงออกมา เขารู้สึกว่าเสียงของเด็กคนนี้ไพเราะมาก เหมือนลูกปัดทั้งขนาดเล็กและใหญ่ตกลงกระทบถาดหยก คมชัดมาก
เหมาเหว่ยหลงกอดตั๋วตั่วแน่น ตื่นเต้นดีใจจนขอบตาแดงไปหมด พึมพำว่า “ดีจริงๆ เลย ดีมากๆ หนูพูดได้แล้ว หนูพูดได้แล้ว พ่อดีใจมากๆ พ่อดีใจสุดๆ เลย หนูพูดได้แล้วนะเนี่ย!”
ด้านหนึ่งก็พูดพึมพำ อีกด้านหนึ่งเขาก็หันกลับไปมอง แล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “บ้าเอ๊ย ฉิน ลูกสาวฉันพูดได้แล้ว! ไอ้หมอนั่นที่รักษาให้เธอแม่งเป็นหมอวิเศษจริงๆ! เขาบอกว่าเธอจะค่อยๆ ฟื้นฟูความสามารถในการพูด ตอนนี้ตั๋วตั่วก็กลับมาพูดได้แล้วเนี่ย!”
ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง “เดิมทีตั๋วตั่วก็พูดได้อยู่แล้ว เพียงแต่เธอไม่ยอมที่จะพูดเท่านั้นเอง ใช่ไหม ตั๋วตั่ว?”
เด็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มอันสดใส ใช้มือจับหูของเหมาเหว่ยหลงเบาๆ แล้วกระซิบว่า “ผ้าผ้า อืม ปะป๊า!”
เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ เหมาเหว่ยหลงพลันน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง มือข้างหนึ่งโอบเอวของตั๋วตั่วเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ลูบศีรษะของเธอไปด้วย ดีใจจนน้ำตาท่วมใบหน้า
ฉินสือโอวรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งนี้ เมื่อได้ยินว่ามีคนเรียกเราว่า ‘พ่อ’ เป็นครั้งแรก มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษและบอกไม่ถูกสำหรับผู้ชายจริงๆ ครั้งแรกที่เสี่ยวเถียนกวาเรียกเขาว่า ‘ปะป๊า’ เขาก็เคยรู้สึกประทับใจมากจนอยากจะร้องไห้ออกมา
โดยเฉพาะเหมาเหว่ยหลง เขารอคำพูดคำนี้มานาน นานเกินไปแล้วจริงๆ !
เจ้าแมวน้ำน้อยสองตัวคลานเข้ามาใกล้ ใช้หัวชนไปที่น่องของเหมาเหว่ยหลงด้วยความไม่พอใจ หลังจากนั้นก็หันกลับไปมองลูกบอลที่อยู่บนพื้น อ้าปากร้องบุ๋งๆ ขึ้นมาหลายที สื่อว่าให้เขากลับไปเลี้ยงลูกบอลกับพวกมันต่อ
ตอนนี้เหมาเหว่ยหลงจะมีกะจิตกะใจกลับไปเลี้ยงลูกบอลที่ไหนอีก? เขากลับอยากเตะฟุตบอลอย่างมีความสุข โดยเล็งไปที่แมวน้ำน้อยสักตัวแล้วกระดกลูกบอลขึ้นไปบนฟ้าแล้วซัดลงไป
ฉินสือโอวตกใจ ร้องว่า “แกอยากตายหรือไง?”
ตั๋วตั่วดึงเหมาเหว่ยหลงกลับมาได้ทันเวลา ขาที่เขายกขึ้นจึงเก็บเข้าลงที่เดิม หลังจากนั้นวิ่งไปอยู่หน้าลูกบอล หลังจากนั้นเตะลูกบอลเต็มแรงอย่างงดงาม จนลูกบอลลอยไปไกลแสนไกล
แล้วลูกบอลก็ชนเข้ากับศีรษะของแมวน้ำตัวหนึ่งพอดี แมวน้ำตัวนี้จึงเงยหน้ามองด้วยความโกรธ แล้วล็อกเป้าหมายเป็นเหมาเหว่ยหลงอย่างรวดเร็ว คลานเข้ามาใกล้เพื่อที่จะแก้แค้น
สายตาของแมวน้ำดีมาก จิตใจที่คับแค้นก็แรงกล้า เพราะฉะนั้นเมื่อไปยั่วยุพวกมัน ต้องไม่ให้พวกมันเล็งเป้ามาที่เราให้ได้
เหมาเหว่ยหลงอุ้มตั๋วตั่วขึ้นมากรีดร้องเสียงประหลาดแล้วรีบวิ่งกลับไปที่วิลล่า แมวน้ำน้อยๆ สองตัวยังคงร้องเรียกด้วยความไม่พอใจ แล้วทำตามเหมาเหว่ยหลงเตะลูกบอลออกไปไกล แต่ทว่าครีบหน้าของมันสั้นเกินไป จึงไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามพวกมันก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าตัวเองสามารถวิ่งไปเลี้ยงลูกบอลไปได้ ดังนั้นจึงเริ่มเล่นกับตัวเอง
เส้นเสียงและลำคอของตั๋วตั่วไม่มีโรคอะไร เธอแค่เคยเป็นไข้แล้วรักษาไม่ทันการจนมีผลกระทบต่อส่วนประสาทในการรับฟัง อีกทั้งตอนนั้นเธอยังเด็กมากจึงยังไม่ได้เรียนรู้ที่จะพูด เมื่อไม่ได้ยินเสียง จึงพูดไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดา
ภายหลังเหมาเหว่ยหลงและหลิวซูเหยียนรักษาโรคเกี่ยวกับการได้ยินของเธอที่แฮมิลตันจนหาย เมื่อฟังมาเยอะ เธอจึงเรียนรู้ที่จะพูด แต่ที่ยังไม่ได้พูดในทันทีนั่นก็เพราะปัญหาทางด้านจิตใจที่ยังเอาชนะมันไม่ได้ จริงๆ แล้วเธอรู้คำศัพท์มากมาย แต่ยังออกเสียงไม่ชัดมากนัก แต่ถ้าเป็นคำง่ายๆ ก็สามารถพูดออกมาได้แล้ว
แต่ว่าฉินสือโอวกลับรู้สึกว่า นี่ก็อาจจะเป็นเพราะพลังโพไซดอนด้วย เพราะอย่างไรก็ตามเขามักจะป้อนพลังโพไซดอนให้เธออยู่บ่อยๆ
เหมาเหว่ยหลงพาตั๋วตั่วไปหาหลิวซูเหยียนที่ตอนนี้กำลังดูเด็กๆ อยู่ บอกว่าอยากให้เธอประหลาดใจเล่น
หลิวซูเหยียนยิ้มแล้วถามขึ้นว่า “ตั๋วตั่วน้อยเจอเต่าทองงดงามตัวหนึ่งแล้วใช่ไหมเอ่ย?”
ตั๋วตั่วยิ้มแล้วส่ายศีรษะ กระซิบบอกว่า “ไม่ใช่…”
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ หลิวซูเหยียนแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งตั๋วตั่วพูดออกมาว่า ‘มาม๊า’ ครั้งนี้หลิวซูเหยียนถึงค่อยรู้สึกตัว หลังจากนั้นเธอก็ทำแบบเดียวกับเหมาเหว่ยหลง กอดตั๋วตั่วไว้แน่น ร้องไห้ออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียง
การที่ตั๋วตั่วพูดได้ สำหรับเธอแล้วมีความหมายต่างจากเหมาเหว่ยหลง เพราะตัวเหมาเหว่ยหลงนั้นตอนเจอตั๋วตั่ว เธอก็อายุได้สามขวบแล้ว เด็กน้อยเริ่มรู้เรื่องแล้ว และเป็นเด็กที่เชื่อฟังคนหนึ่ง
ซึ่งไม่เหมือนกับหลิวซูเหยียน เพราะเธอเลี้ยงเด็กน้อยนี้คนตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งสองจึงพึ่งพาซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง!
ฉินสือโอวเขาไปกอดเหมาเหว่ยหลง ตบไปที่หลังของเขาแล้วทอดถอนใจว่า “พี่น้อง ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ พี่ฉันรู้…”
“แกรู้บ้าอะไร ฉันร้องไห้เพื่อ? ตอนนี้ฉันดีใจมากๆ!” เหมาเหว่ยหลงทำหน้าตารังเกียจเขาแล้วผลักเขาออก “แกอยากจะเป็นคู่เกย์กับฉันใช่ไหมเนี่ย? ถึงได้อาศัยโอกาสแต๊ะอั๋งฉัน?”
ฉินสือโอวรู้สึกอับอาย ด่าใส่ “แม่ง แกมันเป็นหมาลอบกัด ความรู้สึกพี่น้องที่ดีต่อกันล่ะ?”
เหมาเหว่ยหลงต่อสู้กลับ ฉินสือโอวก็ซัดกลับ ตั๋วตั่วมองหันกลับมา พูดเสียงเบาแต่ชัดเจนว่า “ทะเลาะกันแล้ว ไม่ดี!”
ทั้งสองหุบปากทันที เหมาเหว่ยหลงหัวเราะเสียงดัง “เชื่อฟังนะ ลูกสาวที่น่ารัก พ่อไม่ได้ทะเลาะกับลุงฉินเลย พวกเราสองคนกำลังเล่นคำกันอยู่”
ฉินสือโอวตบบ่าเขาไปหนึ่งที แล้วพูดขึ้น “แกนี่มันไร้สาระจริงๆ เออใช่ ฉันอยากจะเป็นพ่อบุญธรรมให้ลูกสาวแก ทีหลังห้ามเรียกลุงฉินแล้วนะ ต้องเรียกว่าพ่อบุญธรรม”
ตั๋วตั่วยิ้มหวาน ดวงตากลมโตหรี่จนเหลือเรียวเล็กเหมือนพระจันทร์เสี้ยว “ของแห้ง[1]”
“ฮ่าๆๆ!” เหมาเหว่ยหลงระเบิดเสียงหัวเราะ “ใช่ ของแห้ง นี่มันแห้งไม่ใช่เปียก!”
ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาเช่นกัน เขานั่งคุกเข่าลงไปแล้วช่วยสางผมสลวยให้กับตั๋วตั่ว “ใช่ ของแห้ง พ่อบุญธรรมก็คือของแห้ง แต่ว่ายังรักหนูมากกว่าพ่อแท้ๆ ของหนูอีกนะ!”
……………………………………….
[1] คำว่าพ่อบุญธรรมในภาษาจีนคือ 干爹Gān diē อ่านว่า กานเตีย แต่เนื่องด้วยตั๋วตั่วออกเสียงไม่ชัดจึงอกเป็นคำว่าของแห้ง ในภาษาจีนคือ 干的 Gàn de กานเตอะ