ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1495 สถานการณ์พลิก
เถียนกวาที่อายุขวบกว่าพอจะรู้เรื่องแล้ว วินนี่เข้าใจลูกสาวดีกว่าใคร รู้ว่าการที่บูลส่งลูกชายไปให้ก็เท่ากับส่งลูกหมูให้หมาป่าผู้หิวโหย เธอก็เลยดูลูกสาวอย่างเข้มงวดแล้วยังคอยปรามเธอไม่ให้ตีพี่เขาด้วย
เสี่ยวเถียนกวามองดูบูลน้อยอย่างเสียดาย สายตานั้นอย่างกับหู่จือเป้าจือมองดูหมีโลลิ ขอแค่สามตัวนี้อยู่ด้วยกัน ฉงต้าก็จะมองเขม่นอยู่ข้างๆ มีหู่จือเป้าจือคอยเฝ้าอยู่ฉงต้าก็ไม่กล้าทำอะไรหมีโลลิ
บูลตบบนหัวทั้งสองคนเบาๆ ให้เล่นกันดีๆ จากนั้นก็เตรียมออกไป
เสี่ยวเถียนกวาไม่ชอบให้คนอื่นมาตบหัว พูดอีกอย่างคือเธอไม่ชอบการสัมผัสทางร่างกายนอกจากจะเป็นคนในครอบครัวกับเพื่อน ดังนั้นพอโดนบูลตบหัวเธอก็ตัดสินใจได้ว่าเดี๋ยวจะอัดเจ้าบูลน้อยต่อ ชำระความแค้นพ่อกับลูก สมเหตุสมผล!
บูลน้อยสัมผัสได้ถึงรังสีพิฆาตใกล้ๆ ตัวอย่างชัดเจนอีกครั้ง ขาอ้วนราวแฮมแช่เกลือทั้งสองข้างก้าวเดินเงอะงะ ร้องไห้งอแงจะไปหาแอนนี่ให้ช่วย
แต่เพิ่งจะเดินได้เลยไวไม่เท่าคลานจึงโดนเสี่ยวเถียนกวาตามมาทันอยู่ดี คราวนี้เสี่ยวเถียนกวาไม่ต้องชนด้วยซ้ำ แค่ยื่นมือเล็กออกไปผลักเบาๆ เขาก็ล้มลงบนพรมแล้ว
ราวกับเจอเกมใหม่ เสี่ยวเถียนกวาไม่เล่นเกมต่อยตีกับบูลน้อยแล้ว โอเค ในสายตาเธอมันก็เป็นเหมือนเกม เพียงแต่เนื้อหาของเกมก็คือเธอจะอัดบูลน้อยให้ร้องโอดโอยสนุกๆ
คราวนี้เธอเปลี่ยนวิธีเล่น รอจนบูลน้อยลุกขึ้นมา เธอก็ผลักล้มไปอีก บูลน้อยลุกขึ้นมาอีก เธอก็ผลักอีก…
วินนี่โกรธขึ้นมาเล็กน้อย เธอลากเสียงยาวพลางตะโกน “แฮทธาเวย์! กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
มีแค่ตอนโกรธวินนี่ถึงเรียกลูกสาวแบบนี้ ปกติก็จะเรียกว่า ‘เสี่ยวเถียนกวาขวัญใจ’ ‘เสี่ยวกวากวาหวานใจ’ อะไรแบบนี้
แอนนี่รีบโบกมือแล้วพูดว่า “วินนี่ ไม่เป็นไร แบบนี้บูลน้อยจะได้หัดยืนให้มั่นขึ้น อีกอย่างนอกจากเถียนกวาก็ไม่มีใครทำให้บูลน้อยออกกำลังได้”
ในเมื่อแม่ของเด็กว่าแบบนั้นแล้ว วินนี่จึงไม่ดูลูกสาวอีก อย่างไรเสียในเกมแบบนี้คนที่สนุกก็คือลูกสาวเธอ
บูลน้อยเห็นว่าแม่ของตัวเองพึ่งไม่ได้แล้ว หลังจากที่โดนผลักล้มหลายรอบจึงไม่ลุกขึ้นเสียเลย มือทั้งสองกอดหัวไว้แล้วฟุบไปกับพรม
แบบนั้นเถียนกวาก็ไม่มีเกมอะไรให้เล่น เธอจึงไม่พอใจ และขึ้นคร่อมพุงของบูลน้อยอีกครั้งจากนั้นก็เงื้อหมัดเริ่มกระบวนท่าอู่ซงตีเสือ
บูลน้อยร้องโอดโอยน่าสงสาร ได้แต่ลุกขึ้นมาอย่างจนใจเตรียมจะวิ่งหนี ปรากฏว่าลุกขึ้นมาเพิ่งจะก้าวไปได้หนึ่งก้าวเถียนกวาก็ตามมาแล้วผลักไปที่หลังจนบูลน้อยล้มลง ‘ตุบ’ อีกครั้ง…
มีพรมหนาๆ รองไว้ แม้ว่าจะล้มแต่ก็ไม่เจ็บ หลังจากนั้นบูลน้อยจึงปล่อยเลยตามเลย ยืนขึ้นมาทีไรก็โดนผลักล้มลงอีก แบบนี้ก็ยังดีกว่าโดนเสี่ยวเถียนกวาขึ้นคร่อมต่อยเอา อย่างน้อยล้มก็ไม่เจ็บ แต่หมัดน่ะเจ็บมาก!
พวกหู่จือเป้าจือหลัวปอก็เข้าไปล้อมด้วยความสนใจอยากเล่นด้วย บูลน้อยตกใจสุดขีด นี่จะมาทีเดียวทั้งบ้านเลยเหรอ? ฉันไม่ใช่ของเล่นนะ ช่วยด้วย…
ฉินสือโอวเห็นท่าทีตกใจกลัวของบูลน้อยก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสงสารจริงจึงรับบทฮีโร่ ผิวปากเรียกพวกหู่จือเป้าจือแล้วพาไปเดินเล่นบนหาดทราย
ปลายเดือนมีนาคมแล้ว อากาศค่อยๆ อุ่นขึ้นเรื่อยๆ ลมทะเลในเวลานี้ไม่เย็นเข้ากระดูกอีกแล้ว แต่แปรเปลี่ยนเป็นอุ่นขึ้น
ตอนที่พาเจ้าพวกนี้วิ่นเล่นกันบนหาด เครื่องรับส่งวิทยุแบบสั่นก็ส่งเสียง แอร์แบ็คบอกว่ามีเรือสปีดโบ๊ทกำลังขับเข้ามา ดูท่าแล้วน่าจะมาทางฟาร์มปลา
ฉินสือโอวรออยู่ที่ท่าเรือ เรือสปีดโบ๊ทมุ่งมาทางฟาร์มปลาจริงๆ และเทียบจอดทันใด แต่คนที่ลงจากเรือมากลับทำให้เขาแปลกใจมาก พี่น้องมินสกี้เจ้าของฟาร์มปลาโกลเด้นเบย์นั่นเอง
หู่จือกับเป้าจือสำรวจทั้งสองคนอย่างสงสัยใคร่รู้ เอียงหัวทำท่าน่าเกรงขาม สายตาคมกริบ สีหน้าเคร่งขรึม
ฉินสือโอวจนใจกับทั้งสองตัวนี้จริงๆ บางครั้งพวกมันก็จะบ้าบอขึ้นมาจนเขาสงสัยสายเลือดของพวกมัน คงไม่ใช่สายเลือดฮัสกีหรอกใช่ไหม?
แต่พี่น้องมินสกี้พอเห็นแลบราดอร์สองตัวกลับตาเป็นประกาย ถามไม่หยุดว่านี่คือพี่น้องหมาคู่ดังใช่ไหม
หู่จือกับเป้าจือมีแนวโน้มจะดังไปทั้งแคนาดา ข่าวการแข่งประจำเมือง โฆษณาบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์ แล้วยังมีในข่าวคดีเลือดเมนคูนปะทะบูลด็อก พวกนี้ทำให้พวกมันมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ ชื่อเสียงดาราแคนาดาหลายคนยังสู้เจ้าสองตัวนี้ไม่ได้เลย
ฉินสือโอวถามว่าพวกเขามาทำอะไร น้องชายซูลาพูดอย่างสนิทชิดเชื้อ “คือแบบนี้นะ ฉิน คุณก็ค่อนข้างสนใจฟาร์มปลาโกลเด้นเบย์ของเราใช่ไหมล่ะ คราวที่แล้วคุณบอกว่าจะกลับไปคิดดูแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย พวกเราก็เลยมาเยี่ยมหน่อย ดูว่าคุณคิดอย่างไร”
พี่ชายคามาลพูดเสริมขึ้นอีก “ที่จริงเรื่องราคาตกลงกันได้ ความขัดแย้งระหว่างเราอย่างไรก็คุยกันได้ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้มออกมา ไม่ต้องคิดให้เยอะ ทั้งสองคนต้องมาเสนอขายฟาร์มปลาของพวกเขาแน่ ดูท่าฟาร์มปลาโทรมๆ ของพวกเขาจะขายยาก หลายวันมานี้เขาไม่ติดต่อไป สองคนก็เลยร้อนใจจนมาขายของถึงที่
ที่จริงแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเขาจะเลี้ยงสาหร่ายทะเลเขาก็ไม่มองฟาร์มปลาโกลเด้นเบย์ด้วยซ้ำ ฟาร์มปลาโทรมนั่นตั้งอยู่ในแหลมอ่าว ไม่มีกระแสน้ำผ่าน ทำให้ปริมาณออกซิเจนกับอาหารในน้ำทะเลต่ำมาก เลี้ยงอะไรก็เอาเงินไปละลาย นอกจากสาหร่ายทะเลที่ไม่กินเนื้อพึ่งแต่แสงอาทิตย์
เพียงแต่ตอนนี้เขาอยากซื้อฟาร์มปลาคาร์เตอร์ ไม่ได้ว่าจะต้องเอาฟาร์มปลาโกลเด้นเบย์ให้ได้ เขาเลยเอาเอกสารเกี่ยวกับฟาร์มปลาคาร์เตอร์ที่รวบรวมมาได้ในหลายวันนี้ออกมาจากนั้นก็ยื่นให้ทั้งสองคน “ขอโทษทีนะเพื่อน ก่อนหน้านี้ผมอาจไม่ได้พูดให้ชัดเจน ผมไม่อยากซื้อฟาร์มปลาของพวกคุณแล้ว ผมมีตัวเลือกที่ดีกว่าแล้ว”
สองพี่น้องได้ยินแบบนั้นก็ลนลาน หลังจากสบตากัน ซูลาก็เริ่มพูดก่อน “ราคาคุยกันได้ ฉิน ราคามันเรื่องเล็ก มันเป็นฟาร์มปลาที่เยี่ยมมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงไม่สนใจแล้วล่ะ?”
ฉินสือโอวขี้เกียจจะมาอ้อมค้อมจึงพูดความจริงตรงๆ “พวกคุณดูสิ นี่คือฟาร์มปลาคาร์เตอร์ เนื้อที่ ตำแหน่งที่ตั้ง สถานการณ์ทางธุรกิจก็ดีกว่าพวกคุณมาก แต่นี่ราคาเท่าไรเอง? แค่เจ็ดสิบสี่ล้าน!”
“แต่ของพวกเราขอแค่ห้าสิบล้านเอง ไม่ สี่สิบล้าน! สี่สิบล้านก็พอ! อีกอย่างนะเพื่อน ฟาร์มปลาคาร์เตอร์ไม่มีปลาอะไร พวกเราไม่เหมือนกัน…”
“พอเถอะ อย่าแถเลย ถ้าผมไม่รู้เรื่องฟาร์มปลาคุณเลยจะเข้าไปดูสุ่มสี่สุ่มห้าเหรอ? ที่บ้านเกิดผมมีคำพูดหนึ่ง เรียกว่าคุยเปิดอกกัน ในเมื่อพวกเราต่างก็เป็นเจ้าของฟาร์มปลางั้นก็ไม่มีความจำเป็นมาพูดโกหกอะไรกันอีก ฟาร์มปลาพวกคุณไม่มีทรัพยากรประมงอะไรแล้ว!” ฉินสือโอวพูดขวานผ่าซาก
ทั้งสองคนมองเขาอึ้งๆ ไปครู่หนึ่ง คามาลก็ถามขึ้นอย่างจนใจ “งั้นคุณยินดีออกเท่าไร?”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “ผมว่าผมคงยังพูดไม่ชัดพอ ผมไม่ซื้อฟาร์มปลาพวกคุณแล้ว ผมจะซื้อฟาร์มปลาคาร์เตอร์!”
“ห้าล้าน! ห้าล้านคุณก็ไม่ยินดีซื้อเหรอ?” คามาลร้องออกมาอย่างไม่ยอมจำนน
ซูลาเบิกตามองเขากว้างแล้วพูดขึ้นว่า “พี่ชายที่แสนดี พี่พูดบ้าอะไรน่ะ…”
………………………………