ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 151 ตั้งแคมป์ล่ากวางล่าหมูป่า
ทุกคนเริ่มเตรียมการตั้งแคมป์ นีลเซ็นขอให้ทุกคนวางกระเป๋ากองรวมกัน หู่จือและเป้าจือคอยเฝ้าสัมภาระ อีกสี่คนพาฉงต้าไปหาที่ที่เหมาะสมสำหรับการตั้งแคมป์
การเลือกตั้งค่ายพักแรมบนภูเขาต้องรอบคอบ นีลเซ็นเป็นหัวกะทิจากกองกำลังพิเศษ เรื่องแบบนี้จึงไม่ยากเย็นสำหรับเขา หลังจากทดสอบทิศทางลมแล้ว เขาก็เลือกเนินเขาทิศใต้ซึ่งห่างจากแม่น้ำมากกว่า 400 เมตร
“ตอนนี้เป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เราตั้งแคมป์ทางทิศใต้จะสามารถลดความแรงของลมที่มากระทบเต็นท์ได้ รอบเนินเขาไม่มีต้นไม้เลยสักต้น ดังนั้นมันจะไม่มีงูหรือสัตว์เลื้อยคลานใดๆ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่เหมาะเจาะมาก เราต้องพยายามให้วิสัยทัศน์กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนเหตุผลเดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังทีหลัง”
นีลเซ็นอธิบายและกำหนดที่ตั้งค่ายพักแรม อีวิลสันเห็นว่าเหมาเหว่ยหลงเหนื่อยล้าแล้วจึงให้คนอื่นรออยู่ที่นี่ จากนั้นเขาก็จัดการแบกสัมภาระของทุกคนไปมาสองรอบจนเสร็จ และแน่นอนว่าฉงต้าก็ถูกใช้ให้แบกกระเป๋าเล็กๆ ไว้บนหลังเช่นกัน
นีลเซ็นเริ่มเอาเต็นท์ออกมากาง พวกมันเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่สำหรับสองคนพักจำนวนสองหลัง มันมีความสูงเกือบเมตรครึ่ง พื้นที่กว้างเจ็ดถึงแปดตารางเมตร มีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับนอนได้สองคน
นอกจากนั้นเต็นท์นี้ยังเป็นเต็นท์พักร้อน มันมีเบาะรองเป่าลมเพื่อหลีกเลี่ยงไอน้ำเย็นจากบนพื้นที่อาจจะทำร้ายร่างกายได้
นีลเซ็นพาฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงไปกางเต็นท์ ส่วนอีวิลสันก็เก็บหินและกิ่งไม้รอบๆพื้นที่นั้น
ในความคิดของฉินสือโอว การตั้งแคมป์ในป่าก็แค่การกางเต็นท์สองหลัง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แค่นั้น
นีลเซ็นบอกเขาว่าค่ายพักแรมเต็มรูปแบบแห่งหนึ่งจะต้องมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ ก่อไฟ รับประทานอาหาร สันทนาการ พื้นที่ใช้น้ำและสุขาภิบาลด้วย พวกเขามีกันไม่กี่คน ดังนั้นพื้นที่สันทนาการจึงไม่จำเป็น พื้นที่สำหรับรับประทานอาหารและก่อไฟก็รวมเป็นพื้นที่เดียวกัน ส่วนอีกสองพื้นที่นั้นจะต้องแยกจากกัน
พื้นที่ก่อไฟต้องอยู่ปลายลมและควรห่างจากพื้นที่กางเต็นท์มากกว่าสิบเมตรเพื่อป้องกันลมพัดเปลวไฟไปเผาเต็นท์
พื้นที่สุขาภิบาลจะต้องอยู่ในระดับต่ำสุดของลมในบริเวณที่ตั้งแคมป์ การตั้งแคมป์จะต้องใส่ใจกับปัญหาด้านสุขอนามัย เพราะหากมีปัญหาเรื่องปรสิตหรือการปนเปื้อนจากของเสียที่ถ่ายออกมาจะทำให้ท้องเสียเป็นไข้ไทฟอยด์หรืออาจจะอันตรายถึงชีวิตได้
พื้นที่ใช้น้ำจะค่อนข้างสะดวกสบายหน่อยเพราะพวกเขาล่องขึ้นมาตามลำน้ำ ดังนั้นจึงสามารถใช้น้ำได้อย่างสะดวกสบาย
หลังจากพวกเขากางเต็นท์และตั้งหม้อเสร็จก็ได้เวลาเริ่มช่วงไฮไลต์เสียที มันคือการล่าสัตว์นั่นเอง และเป้าหมายของนีลเซ็นคือหมูป่าและกวางเรนเดียร์
เมื่อได้ยินว่าเขากำลังเตรียมพร้อมที่จะออกล่าหมูป่า เหมาเหว่ยหลงผู้เหนื่อยล้าก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ฉินสือโอวหยิบปืน AR-15 ส่งให้เขา ตัวเขาเองก็ใช้ธนูคอมพาวด์และปืนพกก็พอ ส่วนเรมิงตันก็เก็บไว้ให้อีวิลสัน เขาจะอยู่คอยเฝ้าเต็นท์ให้
นีลเซ็นเป็นผู้นำทางโดยมีฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงเดินตาม หู่จือและเป้าจือดมกลิ่นบนพื้นดินไม่หยุดและพาทั้งสามคนไปตามแม่น้ำเพื่อค้นหาที่อยู่อาศัยของหมูป่าและกวางเรนเดียร์
ทรัพยากรสัตว์ป่าของเทือกเขาเคอร์บัลอุดมสมบูรณ์มาก เมื่อพวกเราเดินไปตามแม่น้ำได้ไม่ถึง 1 กิโลเมตรก็มีฝูงกวางเรนเดียร์ปรากฏตัวขึ้นมา
กวางฝูงนี้มีความตื่นตัวมาก หลังเดินออกจากป่าพวกมันมองไปรอบๆ ก่อนที่จะเดินตรงไปที่แม่น้ำ ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ไม่ได้หลบซ่อนให้ดี ดังนั้นเมื่อพวกกวางเห็นพวกเขาเข้าจึงรีบวิ่งเข้าไปเข้าในป่า
เหมาเหว่ยหลงใจร้อนตั้งท่าเตรียมยิง แต่นีลเซ็นก็หยุดเขาเอาไว้แล้วส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้น “รอก่อน”
เหมาเหว่ยหลงซ่อนตัวใต้ต้นไม้อย่างไม่สบอารมณ์แล้วกระซิบออกมา “นายว่ากวางพวกนี้ฉลาดเกินไปหรือเปล่า? ตอนแรกเราไม่ได้อยากฆ่าพวกมัน ปรากฏว่ากวางพวกนี้เห็นเราก็ไม่ได้วิ่งหนีไปไหน แต่ตอนนี้พอพวกเราเตรียมพร้อม กวางฝูงนี้เห็นพวกเราก็รีบวิ่งหนีไปทันที น่าแปลกจริงๆ”
ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่าประมาทสัมผัสที่หกของสัตว์ป่า” เขาคิดและพูดต่อ “คิดว่าครั้งนี้พวกเราคงจะส่งไอสังหารออกมาล่ะมั้ง มันก็เลยทำให้กวางพวกนี้รับรู้ได้ถึงไอสังหารพวกนั้น”
เหมาเหว่ยหลงยิ้ม ฉินสือโอวยิ่งพูดก็ยิ่งลี้ลับ และคำอธิบายของนีลเซ็นก็ยังน่าเชื่อถือกว่า “พวกเราโชคไม่ดี แถมยังเจอกวางที่เคยถูกล่ามา พวกมันเห็นปืนในมือของพวกเราก็ต้องวิ่งเป็นธรรมดา”
นีลเซ็นขอให้พวกเขารออยู่ที่นี่ สาเหตุที่ฝูงกวางวิ่งหนีไปเมื่อครู่นี้เป็นเพราะการตอนสนองโดยสัญชาตญาณ ไม่ใช่การวิ่งหนีพวกเรา ดังนั้นตราบใดที่พวกเราซ่อนตัวไม่เคลื่อนไหว ฝูงกวางคิดว่าไม่มีภัยคุกคามแล้วมันก็จะกลับมาดื่มน้ำตามเส้นทางเดิมอีกครั้ง
และแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากผ่านไปสิบนาทีเสียง ‘กับ กับ กับ’ ก็ดังขึ้น จากนั้นกวางหลายตัวก็กลับมาอีกครั้ง
นีลเซ็นค่อยๆยกกระบอกปืนขึ้นมา เขาเห็นเหมาเหว่ยหลงดูตื่นเต้นมากจึงครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกระซิบบอก “เดี๋ยวตอนล่าหมูป่า คุณค่อยจัดการ ส่วนกวางนี่ให้บอสจัดการเอง”
ฉินสือโอวได้ยินดังนั้นก็ถามออกไป นีลเซ็นจึงบอกว่าที่ให้เขาล่ากวางตัวเล็กๆ เพราะประการแรกคือเนื้อกวางตัวเล็กนั้นอ่อนนุ่ม ประการที่สองก็คือกวางตัวใหญ่กินไม่หมดก็เสียของเปล่าๆ ประการที่สามคือกวางตัวเล็กยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ และยังไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีผลกระทบต่อฝูงกวางมากนัก
ฉินสือโอวเล็งไปที่กวางตัวเล็กๆ ที่มีลำตัวยาวประมาณ 80 เซนติเมตร ไม่ว่ากวางเรนเดียร์จะเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย เมื่อถึงเวลาก็จะมีเขางอกออกมา และในตอนเด็กๆ ที่พวกมันยังไม่มีเขางอกออกมาแบบนี้ พวกมันก็มักจะกระโดดโลดเต้นไปมาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ มันตามหลังแม่กวางอย่างชาญฉลาดอยู่สักพักก่อนที่มันจะวิ่งไปที่แม่น้ำและโน้มตัวลงกินน้ำ
เมื่อมองดูตัวผอมเล็กของกวางน้อย ฉินสือโอวก็ง้างสายธนูและกระซิบออกมา “โถ่เอ๊ย นี่มันไร้มนุษยธรรมเกินไป ฉันทำไม่ลงหรอก”
นีลเซ็นยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่มีอะไรที่ทำไม่ลงหรอก คุณไม่เคยเห็นภาพของกวางเรนเดียร์ฝูงใหญ่ลงเขาในฤดูหนาวเพื่อไปทำลายพืชผลของชาวไร่น่ะสิ? เจ้านั่นมันก็แค่กวางน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น”
ปากกระบอกปืนของเหมาเหว่ยหลงดังลั่นขึ้นมา ตอนลงมือยิงเขากลับหวาดกลัวยิ่งกว่าฉินสือโอวเสียอีก เขาเองก็รู้สึกว่าการฆ่ากวางตัวน้อยๆเป็นเรื่องไร้มนุษยธรรมเหมือนกัน แต่การฆ่ากวางตัวใหญ่กลับไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด นี่แหละผลต่างของการได้รับการอบรมสั่งสอนที่ไม่เหมือนกัน
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว งั้นฆ่ากวางตัวใหญ่ไปเลยก็แล้วกัน
เมื่อตัดสินใจแล้วฉินสือโอวก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น เขาลุกยืนขึ้นทันใดขณะที่มือซ้ายจับคันธนูและใช้มือขวาง้างลูกธนู เล็งไปยังกวางตัวใหญ่ที่มีความยาวหนึ่งเมตรครึ่ง จากนั้นเขาก็ดึงสายธนูจนมันกลายเป็นพระจันทร์เต็มดวงแล้วปล่อยลูกธนูออกไปเสียงดัง ‘ฟุบ’ ลูกธนูพุ่งออกไปเหมือนดาวตกก่อนที่มันจะเสียบเข้าไปที่ลำคอของกวางตัวใหญ่อย่างแม่นยำ
หู่จือและเป้าจือส่งเสียงเห่าดังก้องแล้วกระโจนออกไป ฝูงกวางต่างตกใจจนรีบหมุนตัววิ่งกลับเข้าไปในป่า
กวางหนุ่มพยายามวิ่งต่อไปได้อีกหลายก้าว แต่ธนูคอมพาวด์คันนี้โหดเหี้ยมเกินไป ลูกธนูพุ่งตรงทะลุคอของมันจนทำให้เลือดสดๆไหลทะลักพุ่งออกมา หลังจากมันวิ่งออกไปอีกไม่กี่ก้าวมันก็หมดแรงแล้วล้มลงกับพื้น
เมื่อฉินสือโอววิ่งไปหากวางหนุ่มที่ตายแล้ว มันก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวธนูคอมพาวด์ที่อยู่ในมือของเขามากยิ่งขึ้น อาวุธสังหารที่มนุษย์สร้างขึ้นมาพวกนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
ทั้งสามช่วยกันเอากวางหนุ่มกลับไปที่แคมป์ก่อน จากนั้นพวกเขาจึงค่อยออกไปตามหาหมูป่า
นีลเซ็นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพูดออกมา “เร็วๆ หน่อยพวกเรา ถ้าเจอหมูป่า ผมกับบอสจะเป็นฝ่ายป้องกัน เหมายิงเปิดนัดแรก ถ้ามันยังไม่ล้มบอสก็ยิงธนูซ้ำซะ ผมจะเป็นคนยิงซ้ำคนที่สามอีกที”
หลังจากปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้วทั้งสามก็ไม่คิดจะรออยู่ข้างแม่น้ำอีกต่อไป แต่พวกเขากลับหามูลหมูป่าสดๆ มากองหนึ่งเพื่อให้หู่จือและเป้าจือสูดดมแล้วตามรอยของหมูป่า
หู่จือและเป้าจือผ่านการเปลี่ยนแปลงด้วยพลังโพไซดอนมาแล้ว ดังนั้นการรับกลิ่นของมันจึงดีกว่าของสุนัขล่าเนื้อมืออาชีพเสียอีก พวกมันทั้งสองตัวก้มหน้าดมกลิ่นบนพื้นพลางวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลเลยสักนิด และจากนั้นไม่นานพวกเราก็เจอหมูป่าหนุ่มขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ตัวหนึ่ง
หมูป่าตัวนี้กำลังล่าเหยื่ออยู่หน้าพุ่มไม้ มันเคี้ยวกิ่งไม้อ่อนกร้วมๆๆ และกินอย่างเอร็ดอร่อย
นีลเซ็นกำกำปั้นของเขาเพื่อส่งสัญญาณให้ฉินสือโอวหยุดเดิน เหมาเหว่ยหลงเดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าวจนห่างจากหมูป่าตัวนั้นห้าสิบเมตร จากนั้นเขาก็ตั้ง AR-15 เล็งไปที่คอกว้างของหมูป่าก่อนจะเขาสูดลมหายใจลึกแล้วใช้นิ้วชี้เหนี่ยวไก
AR-15 ของฉินสือโอวติดตั้งลำกล้องเล็งและเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดเอาไว้ด้วย ดังนั้นหากมีประสบการณ์ยิงปืนแม้เพียงเล็กน้อย การล่าหมูป่าในระยะ 50 เมตรก็ไม่มีทางพลาดเป็นแน่นอน
หลังจากเล็งโดยไม่ลังเล เหมาเหว่ยหลงก็ประทับปืนเข้ากับร่องไหล่แล้วเหนี่ยวไกปืนอย่างดุดัน ‘ปัง ปัง ปัง! ’
สามนัดติดกัน!
ฉินสือโอวเห็นเลือดหมูป่าสาดกระเซ็นไปทั้งหัวและลำคอก็พลันรู้สึกโล่งใจ หมูป่าตัวนี้ไม่รอดแน่
และปรากฏว่าหลังจากสิ้นสุดเสียงปืน หมูป่าก็ไร้ซึ่งการตอบสนองและล้มลงบนพื้นทันที
เสียงปืนดังขึ้น หมู่นกนับไม่ถ้วนในป่าต่างก็แตกตื่นตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงเวลาที่เหล่านกเหนื่อยล้าและกลับเข้าสู่ป่าแล้ว ในเวลานี้มีนกจำนวนมากมายอยู่ในป่า พวกมันบินว่อนอยู่เหนือศีรษะดังพั่บๆๆ ฉินสือโอวอยากยิงนกสักสองตัวเอาไปต้มซุปกิน แต่เมื่อพิจารณาว่าเนื้อหมูและเนื้อกวางมีมากพอแล้วเขาจึงไม่ได้ลงมือ
………………………………………….