ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1514 ไม่ได้เรื่องเลย
บรรดาชาวประมงเห็นว่าฉินสือโอวกลับมาถึงแล้วจึงพากันรอเขาอยู่ที่นี่ ในตอนนี้เอง นายตำรวจคนหนึ่งก็เดินเบียดเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชาแล้วสั่งให้พวกเขาขับรถออกไป เกิงจุนเจี๋ยจึงแกล้งทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง และพูดเสียงดังว่า “ซอรี่ แคน ยู สปีค ไชนีส?”
จ่าสิบตำรวจนายหนึ่งที่เป็นผู้นำทีมตำรวจชี้ไปที่เกิงจุนเจี๋ยแล้วพูดด้วยท่าทีเอาจริงเอาจังว่า “ฟังนะ มิสเตอร์ หลีกทางเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่านะ ผมไม่อยากทำให้เรื่องราวมันบานปลายไปกันใหญ่ ถ้าคุณยังยืนกรานจะทำผิดต่อไป ผมก็คงต้องใช้ข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมคุณ!”
เกิงจุนเจี๋ยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่เลือกที่จะตะโกนถามเขาอีกครั้ง “ซอรี่ แคน ยู สปีค ไชนีส?”
จ่าสิบตำรวจนายนี้โมโหจนทนแทบไม่ไหว ทางด้านหลังมีตำรวจหนุ่มนายหนึ่งดึงเอากระบองตำรวจออกมา แล้วคิดที่จะลงไม้ลงมือกับเขา แต่ถูกจ่าสิบตำรวจปรามเอาไว้ บอกให้เขากลับไปรออยู่ทางด้านหลัง
ฉินสือโอวไม่กลัวว่าลูกน้องของเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แล้วเขาก็ไม่เชื่อด้วยว่านายตำรวจพวกนี้จะกล้ากระทำการอุกอาจในถิ่นของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนจีนก็ตาม
ผู้อพยพในแคนาดาไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิ์อย่างครอบคลุมเท่าไรนัก มักจะมีข่าวที่ว่าผู้อพยพต้องเผชิญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมให้เห็นอยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นคนจีนที่เป็นแค่คนธรรมดาแล้วกล้าเอารถเข้ามาขวางทางแบบนี้ก็คงจะถูกจับไปตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าฉินสือโอวไม่ใช่คนจีนธรรมดาๆ ก็เท่านั้นเอง
นายตำรวจทั่วๆ ไปอาจจะไม่คุ้นเคยกับเขา แต่เมื่อเป็นตำรวจยศจ่าสิบก็จะรู้ถึงความสามารถของเขาแล้ว นี่เป็นถึงผู้สนับสนุนอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองนครเซนต์จอห์น เป็นประธานสหภาพการประมง เป็นผู้เสียภาษีรายใหญ่ของนิวฟันด์แลนด์ ถ้าพวกเขาทำผิดกับฉินสือโอว คนที่จะตกที่นั่งลำบากก็คือพวกเขานั่นแหละ
เพียงแต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้กลัวฉินสือโอวเหมือนกัน ขอแค่มีความได้เปรียบทางกฎหมาย ต่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีของแคนาดาพวกเขาก็กล้าจับ
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศกำลังตึงเครียด ฉินสือโอวจึงส่ายหัวเพื่อบอกให้เกิงจุนเจี๋ยและคนอื่นๆ หลีกทาง หลังจากนั้นเขาจะรับมือกับสถานการณ์นี้ต่อเอง ฉินสือโอวถามว่า “แล้ววินนี่ล่ะ? ทำไมเธอถึงไม่ได้อยู่ที่นี่?”
เกิงจุนเจี๋ยสูดจมูกพร้อมกับตอบเขากลับไป “นายหญิงกลับไปแล้ว เธอบอกให้พวกเรากันคนพวกนี้ไม่ให้เข้าไปข้างใน ส่วนเรื่องอื่นๆ เธอจะเป็นคนจัดการเอง”
เมื่อเห็นฉินสือโอวปรากฏตัวขึ้น พวกนายตำรวจก็พากันทำงานอย่างแข็งขันอีกครั้ง พวกเขาเดินเข้ามาปิดล้อมประตูทางเข้าเอาไว้
ฉินสือโอวเดินเข้าไปหาแล้วสบตากับจ่าสิบตำรวจคนนั้นโดยมีประตูกั้นพวกเขาเอาไว้ เขาถามกับตำรวจว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ? ท่านทั้งหลาย? ที่พวกคุณเข้ามาปิดล้อมฟาร์มปลา เป็นเพราะผมทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอครับ?”
พอเห็นเขาท่าทีของจ่าสิบตำรวจนายนั้นก็อ่อนลงบ้างแล้ว เขาพูดว่า “คุณฉิน สวัสดีครับ ผมคือจ่าสิบตำรวจแลนซ์ เคดี้ ที่พวกเรามาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพื่อมาจับสัตว์เลี้ยงผิดกฎหมายในฟาร์มปลาของคุณ หวังว่าคุณจะช่วยให้ความร่วมมือกับพวกเรานะครับ”
ฉินสือโอวไหวไหล่พูดว่า “สัตว์เลี้ยงผิดกฎหมายเหรอครับ? ผมไม่คิดว่าผมเลี้ยงสัตว์ผิดกฎหมายอะไรไว้นะ มีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเปล่าครับ?”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เสียงร้องแหลมก็ดังขึ้นมาจากบนท้องฟ้า แก๊งนกสามตัวของบุชพอมองเห็นเขา ก็พากันบินถลาเข้ามาหาด้วยความดีใจ พวกมันแย่งกันบินลงมาเกาะไหล่ของเขา
ช่างเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ฉินสือโอวเกิดอาการกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที เขาโบกมือไล่นกทั้งสามตัวออกไป ทว่าพวกมันไม่ได้ว่าง่ายเหมือนกับพวกฉงต้า และเพราะไม่ได้เจอกันนาน พวกมันจึงรีบแสดงความคิดถึงที่พวกมันมีออกมา พอฉินสือโอวเหวี่ยงแขนออกไป แคลร์ก็รีบเกาะแขนของเขาเอาไว้ทันที
จ่าสิบตำรวจเคดี้ที่มองดูนกทั้งสามตัวอย่างตกตะลึงก็พูดกับเขาว่า “นี่ นี่ นี่คือนกอินทรีทอง นกอินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัดเหรอ?!”
ฉินสือโอวกระแอมไอแล้วตอบว่า “เพื่อน คุณตาดีมาก ใช่แล้ว นี่คือนกอินทรีทอง นกอินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัด แต่พวกมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของผมนะ โอเคไหม นกโจรสลัดตัวนี้ผมเป็นคนเลี้ยงไว้เอง แต่นกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวน่ะไม่ใช่ของผม!”
จ่าสิบตำรวจเคดี้กระสับกระส่ายยิ่งกว่าฉินสือโอวเสียอีก นกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวขึ้นชื่อในเรื่องของความขบถและดุร้าย จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีนกอินทรีทองโตเต็มวัยตัวไหนที่ถูกฝึกได้สำเร็จ ถ้าโดนจับ พวกมันยอมฆ่าตัวตายดีกว่าจะยอมถูกมนุษย์ฝึกให้เชื่อง ดังนั้นถ้าจะเพาะพันธุ์นกอินทรีทอง ก็ต้องเลี้ยงไว้ตั้งแต่ยังเล็ก
แต่เพราะแคนาดามีกฎหมายควบคุมการเพาะพันธุ์นกอินทรีทองและนกอินทรีหัวขาว ดังนั้นจึงทำให้ไม่มีใครเลี้ยงสัตว์ปีกมีค่าเหล่านี้อย่างเปิดเผย
ฉินสือโอวเริ่มหยิบเอาทักษะการแสดงออกมาใช้ “นกโจรสลัดตัวนี้ชื่อเชสเตอร์ คุณน่าจะรู้จักมันอยู่แล้วใช่ไหมครับ? ผมเลี้ยงมันไว้เอง ตั้งแต่เล็กจนโตนั่นแหละ ส่วนนกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวพวกนี้ ที่จริงแล้วเป็นลูกของนกโจรสลัด! ใช่ คุณฟังไม่ผิดหรอก ไม่ต้องมองผมอย่างนั้นด้วย มันมีอะไรแปลกตรงไหนกัน?”
จ่าสิบตำรวจเคดี้ก็พูดว่า “ผมไม่ใช่คนโง่นะ คุณฉิน ดูเหมือนว่าสัตว์ที่ผมต้องจับกลับไปคงจะไม่ได้มีแค่หมีสองตัวกับเต่าอีกหนึ่งตัวแล้วล่ะ แต่ยังมีนกสองตัวนี้ด้วย”
พอฉินสือโอวสะบัดแขนไปทางเทือกเขาเคอร์บัล นกทั้งสามตัวก็กรีดเสียงร้องแล้วบินจากไปทันที พวกมันจะพากันไปล่าเหยื่อ
เมื่อเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็มีข้ออ้างแล้ว “คุณดูสิ ผมไม่ได้ขังพวกมันไว้จริงๆ นกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ตั้งแต่ยังเล็ก เป็นเชสเตอร์ที่เก็บพวกมันมาเลี้ยง หลังจากนั้นนกทั้งสองตัวถึงได้ตามติดมันมาโดยตลอด แบบนี้คงไม่ผิดกฎหมายหรอกใช่ไหมล่ะครับ?”
จ่าสิบตำรวจเคดี้พยักหน้ารับ เป็นอย่างนั้นจริงๆ ขอเพียงแค่ไม่ได้เลี้ยงนกอินทรีหัวขาวกับนกอินทรีทองแบบจับขัง เขาก็ไม่สามารถใช้อำนาจทางกฎหมายได้แล้ว เนื่องจากกฎหมายอนุญาตให้นกอินทรีหัวขาวกับนกอินทรีทองเลือกถิ่นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ในการสร้างรังได้อย่างอิสระ
แก้ไขวิกฤตการณ์เรื่องนกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวได้แล้ว ต่อมาก็เป็นเรื่องของหมีทั้งสองตัว จ่าสิบตำรวจเคดี้แสดงหมายค้นที่กรมตำรวจส่วนภูมิภาคออกให้ เพื่อสั่งให้เขาขับรถออกจากทาง
เกิงจุนเจี๋ยกระแอมไอพร้อมกับส่งสายตาให้ฉินสือโอว ฉินสือโอวก็คิดว่าเขาคงมีเรื่องจะบอก เลยเข้าไปหาแล้วถามเขาเสียงเบาว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่เกิงจุนเจี๋ยกลับใช้เสียงพูดที่เบากว่านั้นพูดกับเขาว่า “บอสครับ อยากให้ผมเป็นคนรับมือกับพวกเขาไหม? เมื่อกี้นี้พอฝรั่งพวกนั้นจะอ้าปากพูดผมก็บอกว่าผมไม่รู้ภาษาอังกฤษทันที ถ้าเขาเอาหมายค้นออกมาผมแค่บอกว่าไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
ฉินสือโอวหมดคำจะพูด นายไม่เข้าใจภาษาอังกฤษแล้วฉันไม่เข้าใจด้วยหรือยังไงเล่า? เรื่องมาถึงขนาดนี้ ถ้าฉันยังจะใช้มุกนั้นอยู่อีกก็คงหน้าไม่อายเกินไปแล้ว
ในตอนนี้ชาวประมงคนจีนคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “บอส พี่ใหญ่เกิง พวกพี่ไม่ต้องคุยกันให้มันดูลึกลับขนาดนั้นก็ได้ ถึงพวกเราจะโกหกว่าไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่ฝรั่งพวกนี้ก็ฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ”
ฉินสือโอวสบตากับเกิงจุนเจี๋ย คนทั้งคู่ต่างก็หมดคำจะพูด
จ่าสิบตำรวจเคดี้รอจนทนไม่ไหวแล้ว เขาบอกว่าถ้าฉินสือโอวยังขัดขวางพวกเขาต่อไป เขาก็คงต้องใช้กำลังแล้ว พอเขาพูดแบบนี้ หู่จือกับเป้าจือที่ก่อนหน้านี้เคยนอนหมอบอยู่ข้างๆ ล้อรถอย่างว่านอนสอนง่ายก็พากันลุกขึ้นยืน พวกมันเริ่มอ้าปากร้องขู่ด้วยท่าทางดุร้ายทันที
เกิงจุนเจี๋ยหัวเราะแหะๆ พูดว่า “ผมเข้าใจแล้วว่าการอาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งมันเป็นยังไง เมื่อกี้ตอนที่บอสยังไม่กลับมา หู่จือกับเป้าจือเรียกแล้วยังอ่อนปวกเปียกอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับพากันทำเป็นเท่ซะอย่างนั้น”
ฉินสือโอวตวาดหู่จือกับเป้าจือให้หยุด หลังจากนั้นก็ถามว่ากับตำรวจว่า “คุณตำรวจเคดี้ ผมไม่ได้มีเจตนาจะเหยียดหยามคุณ แต่ผมไม่ไว้ใจคุณต่างหาก และผมก็คิดว่า ถ้าต้องการจะจัดการเรื่องการเลี้ยงสัตว์ใหญ่ไว้ในบ้าน ตำรวจของเมืองนี้ก็ควรจะเป็นเป็นคนออกหน้าเองไม่ใช่เหรอครับ?”
จ่าสิบตำรวจเคดี้หัวเราะออกมา เขากวักมือไปทางด้านหลัง ตำรวจนายหนึ่งก็ก้าวออกมาจากรถตำรวจด้วยความกลัดกลุ้ม พอฉินสือโอวเห็นเขาก็ถึงกับหมดคำจะพูด ตำรวจนายนั้นก็คือสารวัตรโรเบิร์ตของเมืองนี้นั่นเอง
โรเบิร์ตจับพุงโตๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเองพร้อมกับพูดออกมาอย่างจนปัญญาว่า “ฉิน ฉันพยายามแล้ว แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้”
พอโรเบิร์ตออกมาทางนี้แบบนี้ เหตุผลที่ฉินสือโอวยกมาใช้เมื่อสักครู่ก็ไม่เป็นผลแล้ว “อย่าพูดว่าช่วยอะไรไม่ได้ สารวัตร ผมแค่อยากถามว่า การดูแลความสงบเรียบร้อยของเมืองนี้มันเป็นหน้าที่ของคุณไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมตำรวจม้าแคนาดาถึงได้เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ได้ล่ะ?”
…………………………