ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1543 จัดการผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ก่อน
ที่ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจที่สุดก็คือ เสื้อกันกระสุนตัวนี้ไม่หนักเลย ความรู้สึกที่ถือไว้บนมือ น้ำหนักของทั้งชุดก็พอๆ กับโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งเท่านั้น
ตามปกติแล้ว เสื้อกันกระสุนจะแบ่งเป็นชั้นเสื้อและชั้นกันกระสุน ชั้นเสื้อมักจะทำมาจากใยโพลีเอสเตอร์ ชั้นนี้จะค่อนข้างเบา แต่ชั้นกันกระสุนนั้นจะหนักกว่ามาก บางตัวจะใช้พวกเหล็กกล้าชนิดพิเศษ อะลูมิเนียม อัลลอย และไทเทเนียมมาทำ ส่วนบางตัวก็จะใช้พวกแผ่นเซรามิกจำพวกกะรุน โบรอนคาร์ไบด์ และซิลิกอนออกไซด์ จากนั้นค่อยใส่วัสดุอื่นๆ เช่นใยแก้ว ไนลอน เคฟล่าร์ และโพลีเอทิลีนโมเลกุลสูง เป็นต้น เพื่อนำมาผสมรวมเป็นโครงสร้างในการป้องกัน
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เสื้อกันกระสุนสำหรับคนหนึ่งตัวจะมีน้ำหนักถึงสิบกว่าถึงยี่สิบกิโลกรัม อุปกรณ์แบบนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้กับสุนัขทหารสักที เพราะว่าหากว่าเสื้อกันกระสุนของสุนัขหนักเกินไป จะส่งผลต่อความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหวและความดุดันของสุนัขได้
ฉินสือโอวนำไปใส่ให้หู่จือกับเป้าจือ จากนั้นก็สวมหมวกกันน็อกใบเล็กให้พวกมัน ด้านหน้าหมวกกันน็อกยังมีการพ่นสีเป็นหน้าตาพวกมันด้วย ถือว่าเป็นชุดที่ออกแบบให้พวกมันโดยเฉพาะเลย
เดวิสยิ้มพร้อมอธิบายว่า “รูปที่พ่นไว้เป็นรูปที่ผมเข้าไปหาข้อมูลของสุนัขสองตัวนี้ในอินเทอร์เน็ตแล้วทำออกมาครับ คุณผู้อำนวยการ คุณว่าใช้ได้ไหมครับ?”
ฉินสือโอวไม่ยอมรับไม่ได้ว่า เจ้าหมอนี่ดูเป็นคนเถื่อนตัวใหญ่ก็จริง แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่ละเอียดมากเลย ทำงานมาไม่ขาดตกบกพร่องเสียจริง
หากว่าเป็นของขวัญที่มอบให้เขา เขายังจะปฏิเสธได้ เพราะเขาแทบจะไม่ขาดอะไรเลย แต่ว่าของขวัญที่มอบให้หู่จือกับเป้าจือแบบนี้ เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
หลังจากหู่จือกับเป้าจือใส่ชุดเสร็จแล้วก็ส่ายหางไปมา จากนั้นก็วิ่งออกไปสองสามก้าว เมื่อคุ้นเคยกับน้ำหนักของเสื้อกันกระสุน เจ้าสองตัวเล็กดีใจสุดขีด วิ่งไปทั่วเพื่ออวดของใหม่กัน
ฉินสือโอวพูดแสดงความเกรงใจกับเดวิสไปนิดหน่อย ถามเขาว่าเท่าไร เดวิสส่ายหัวแล้วพูดว่า “นี่คือของที่ผมฝากให้น้องชายหามาให้ ความจริงผมเองก็ไม่รู้ว่าเท่าไร แต่ไม่ว่าจะราคาเท่าไร ขอแค่ได้มอบให้สุนัขที่คู่ควรได้ใช้มันก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่เหรอครับ?”
ฉินสือโอวตบไหล่แล้ว แล้วถามว่า “แล้วมีอะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้ไหม?”
เดวิสส่ายหัวแล้วหัวเราะ บอกว่าตอนนี้เขาโอเคทุกอย่าง ต่อไปหากต้องการอะไรค่อยมารบกวนผู้อำนวยการอีกที
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวก็อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ หากว่าให้เจ้าหมอนี่ไปทำงานราชการในประเทศจีนก็คงดี เขาจะต้องเป็นผู้ช่วยที่ดีของผู้บังคับบัญชาได้แน่
เมื่อไล่เรือหาปลาสี่ลำออกไปได้แล้ว ทุกคนก็คิดว่าเรื่องคงจะจบได้แล้ว พวกเขาจึงโทรศัพท์บอกเจ้าของฟาร์มปลาที่ยังไม่ถึงว่าไม่ต้องมาแล้ว ฉินสือโอวก็โทรศัพท์บอกวินนี่ด้วย ว่าเขาเตรียมจะกลับบ้านแล้ว
แต่สุดท้ายแผนการไม่เร็วเท่าการเปลี่ยนแปลง พลบค่ำวันเดียวกันนั้น ก็ได้มีเรืออีกหลายลำปรากฏมาบนท้องทะเลอีก
หลังจากฉินสือโอวได้รับข่าวแล้วก็ไปมองดูที่ท่าเรือ เรือที่มาครั้งนี้มีถึงสิบกว่าลำ จำนวนค่อนข้างมาก พวกเจ้าของฟาร์มปลามารวมตัวหารือกันก็ไม่ได้ข้อสรุป เขาจึงถามอารอนไปว่า “เมื่อก่อนมีเรือมาที่นี่เยอะขนาดนี้ไหม?”
อารอนคิดทบทวนอย่างจริงจังแล้วก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีครับ ผู้อำนวยการ นานๆ ทีจะมีมาสักลำสองลำเท่านั้นครับ”
ฉินสือโอวกวักมือขอกล้องส่องทางไกลอันหนึ่ง เขากวาดสายตามองไปที่ท้องทะเล พบว่าเรือพวกนี้มีหลากหลายรูปแบบ หลายประเภท จากนั้นอีกสักพัก เรือลำหนึ่งขับเข้ามา เมื่อมองไปที่ชื่อเรือแล้ว ก็พบว่าเป็นเรือปริ้นโอกีเยร์…
“ให้ตายสิ เป็นเรือล่าแมวน้ำ เจ้าโง่พวกนี้กลับมาอีกแล้ว!” ฉินสือโอวสะบัดกล้องส่องทางไกลลงแล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า “ไปบอกพี่น้องเรา ขึ้นเรือ เตรียมไปจัดการไอ้พวกสารเลว**พวกนี้!”
เมื่อได้ฟังคำนี้ เหล่าชาวประมงก็อึ้งไปตามๆ กัน “อะไรนะ? กลับมาอีกแล้วเหรอ? พวกเขาไปรวมเรือมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน?” “ผู้อำนวยการครับ นี่พวกมันมาเพื่อแก้แค้นแน่ พวกเราต้องระวังหน่อยนะครับ!” “ไม่ก็ไปแจ้งความเถอะครับ ให้พวกตำรวจทะเลมาจัดการพวกมัน!”
ฉินสือโอวใช้พลังโพไซดอนไปสังเกตการณ์ อันนี้จะเห็นได้ชัดเจนกว่า เขานับๆ ดูมีเรือมาทั้งหมดสิบเอ็ดลำ เรือที่ขับนำมาเป็นเรือลำใหญ่ น่าจะมีประมาณสองพันตันได้ ชื่อเรือว่า ‘ฉันคือผู้ละเมิดลิขสิทธิ์’
ชื่อเรือคือการแสดงตัวตนบนท้องทะเล ทำให้ไม่สามารถใช้ซ้ำได้ เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้มีชื่อเรือทุกรูปแบบ แต่ว่าฉินสือโอวยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครกล้าตั้งชื่อให้เรือตัวเองว่า ‘ฉันคือผู้ละเมิดลิขสิทธิ์’ มาก่อนเลย
แคนาดาไม่เหมือนกับจีน พวกเขาให้ความสำคัญกับลิขสิทธิ์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เพลงหรือว่านิยาย จะไม่อนุญาตให้มีการเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตอย่างผิดกฎหมายเด็ดขาด จุดนี้ที่จีนมีปัญหามาก ไม่ออกประเทศยังดี หลังจากฉินสือโอวออกประเทศแล้ว พบว่าคำจำพวก ‘โจรภูเขา ละเมิดลิขสิทธิ์’ ได้กลายเป็นนามบัตรของประเทศจีนไปแล้ว
งานประมูลก่อนหน้านี้เขาได้ประมูลปลาชนิดหนึ่งที่พวกเจ้าของฟาร์มปลาเพาะเลี้ยงเอง มีเจ้าของฟาร์มปลาบางคนที่พอรู้ว่าเขาเป็นคนจีน ได้ให้เขาเซ็นสัญญารักษาความลับฉบับหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่ให้นำข้อมูลของพันธุ์ปลาประเภทนี้แพร่งพรายออกไป เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกหดหู่มาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้น เมื่อเห็นเรือลำนี้ถึงขั้นกล้าตั้งชื่อว่า ‘ฉันคือผู้ละเมิดลิขสิทธิ์’ แล้ว ฉินสือโอวก็โบกมือ แล้วตะโกนออกไปว่า “ขึ้นเรือให้หมด ออกโจมตี ไปจัดการเจ้าพวกบัดซบพวกนี้ซะ! ฟังให้ดีนะ ไปจัดการเรือผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ให้ฉันก่อน จัดการมันให้ราบคาบเลย”
เหล่าชาวประมงเคลื่อนตัว เรือลำแล้วลำเล่าเริ่มกลับหัวเปลี่ยนทิศทาง
ฉินสือโอวกำลังจะขึ้นเรือ ก็พลันมีความคิดใหม่ขึ้นมา ถามอารอนว่า “รอบๆ ทะเลแถบนี้มีเกาะตั้งมากมาย แสดงว่ามีโขดหินลับอยู่ด้วยใช่ไหม?”
อารอนพูดอย่างหมดหนทางว่า “ใช่ครับ มีโขดหินลับอยู่ สถานที่พวกนั้นอันตรายมากครับ แต่ผมว่าคนพวกนั้นถึงขั้นกล้ามาล่าแมวน้ำถึงที่นี่ แสดงว่าต้องทำความเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมของใต้ทะเลมาแล้วแน่ บนแผนที่ทะเลก็มีบอกถึงน่านน้ำที่มีโขดหินลับอยู่ด้วยครับ..”
“พอแล้ว แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว” ฉินสือโอวฟังถึงตรงนี้แล้วก็ยิ้มออกมา “เอาแผนที่ทะเลที่ละเอียดมาให้ฉันชุดหนึ่ง บอกพวกพ้องทั้งหลาย อีกสักพักให้ฟังคำสั่งของฉัน ไล่เจ้าพวกสารเลวพวกนี้ไปที่น่านน้ำโขดหินลับ ไม่นานก็จะมืดแล้ว พวกมันต้องชนเข้ากับโขดหินแน่นอน!”
อารอนนำแผนที่ทะเลมาให้ฉินสือโอวอย่างว่าง่าย แล้วพูดว่า “ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้นะครับ ผู้อำนวยการ ผมไม่ได้สงสัยในตัวคุณนะครับ แม้ผมจะรู้สึกว่าเจ้าพวกนี้เป็นพวกโง่ แต่พวกมันคงไม่โง่ถึงขั้นเข้าไปในน่านน้ำโขดหินลับหรอกใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “นั่นไม่ใช่เรื่องที่พวกมันจะเลือกได้หรอกนะ”
แน่นอนว่าเขารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคงไม่โง่ถึงขั้นเข้าไปในน่านน้ำเขตโขดหินลับ เขาก็แค่อยากหาข้ออ้างให้ตัวเองเท่านั้น ขอแค่เรือพวกนี้เข้าใกล้โขดหินลับ งั้นปีศาจยักษ์ที่รออยู่นานก็จะสามารถแสดงอำนาจได้แล้ว
ทางฝ่ายฟาร์มปลามีเรือทั้งหมดยี่สิบกว่าลำ มีเจ้าของฟาร์มปลาทั้งหมดสามสิบกว่าคนมาช่วยเหลือ กว่าครึ่งในจำนวนนั้นล้วนขับเรือมาด้วย และในเจ้าของฟาร์มปลาเหล่านี้มีบางคนที่ขับเรือมาถึงสองลำ
กองเรือทั้งสองฝ่ายมองกันมาแต่ไกล เรือจับปลาสี่ลำที่หนีไปก่อนหน้านี้ได้ขับนำอยู่หน้าสุด ดูแล้วคงจะมาเพื่อแก้แค้นเป็นแน่ พวกเขาไม่ได้สนใจแมวน้ำหรือสัตว์ทะเลที่อยู่บนเกาะเลย แต่กลับพุ่งมาที่ฟาร์มปลาอย่างสบายใจแทน
เรือกำปั่นทะเลตะวันออกขับนำอยู่หน้าสุด ขับฝ่าคลื่นลมด้วยความเร็วสูงราวกับหัวหน้าฝูงแพะ เรือกำปั่นทะเลใต้ขับตามอยู่ข้างหลังมันไม่ไกลนัก ทำหน้าที่เป็นวิงแมนที่คอยให้ความปกป้องและช่วยเหลือ
ระหว่างเรือยอชต์มีระยะปลอดภัยอยู่ที่ประมาณสองกิโลเมตร ระยะหนึ่งกิโลเมตรถึงสองกิโลเมตรเรียกว่าระยะกันชน หากว่าเข้าใกล้มากกว่านี้ก็จะเป็นระยะอันตรายแล้ว สามารถถูกกระแสน้ำ แรงดันและคลื่นลมทำให้เกิดการชนกันขึ้นมาได้
เรือกำปั่นทะเลตะวันออกขับเข้าไปใกล้เรือยอชต์พวกนี้สองกิโลเมตรแล้วก็ยังคงขับแล่นไปข้างหน้าต่อ กองเรือฝ่ายตรงข้ามไม่คิดว่าเขาจะใจกล้าขนาดนี้ จึงทำได้แต่ลดความเร็วเรือตัวเองลง ไม่อย่างนั้นจะเกิดการเสี่ยงชนกันได้
………………………………