ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1552 พวกเราจะกลับแล้ว
หลังจากฝนผ่านไปแล้ว ฤดูใบไม้ผลิก็ได้มาถึงอย่างเป็นทางการ ฤดูใบไม้ผลิอากาศอบอุ่นดอกไม้บาน แม้ดอกไม้จะยังไม่ผลิบานแต่ก็เริ่มแตกหน่อแล้ว ที่เกาะแฟร์เวลความอึมครึมและขาวโพลนของฤดูหนาว ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมา
หลังจากฝนหยุดแล้ว หู่จือกับเป้าจือก็เริ่มกลิ้งตัวอยู่ในสนามหญ้ากัน หลังจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนแล้วก็กลับมาหยอกล้อกับพวกหลัวปอและซิมบ้า แลบราดอร์ชอบเรื่องจำพวกนี้มาก พวกมันมีความชอบกับน้ำโคลนที่สกปรกเป็นพิเศษ
ส่วนหลัวปอกับราชาซิมบ้านั้นจะชอบความสะอาดมากกว่า หมาป่ากับแมวป่าล้วนเป็นสัตว์ที่เย่อหยิ่ง ไม่งี่เง่าเหมือนกับแลบราดอร์ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามสัตว์จอมทำลายแล้ว หู่จือกับเป้าจือยังดี ไม่เคยไปกัดอะไร แต่แน่นอนว่านี่เกี่ยวข้องกับที่ฟาร์มปลามีพื้นที่เพียงพอให้พวกมันวิ่งเล่นด้วย
ตอนแรกพวกเจ้าตัวเล็กไม่ได้หลบหลีก แต่พอบนตัวเต็มไปด้วยน้ำโคลนแล้วพวกมันก็โกรธขึ้นมา จึงไปร่วมมือกับปัวหลัวเพื่อมาจัดการหู่จือกับเป้าจือ
แต่นี่กลับตรงใจหู่จือกับเป้าจืออย่างมาก แลบราดอร์เล่นได้สนุกกว่าเดิม สุดท้ายทำให้พรมปูพื้นในบ้านถูกสาดไปด้วยน้ำโคลนด้วย
ในตอนนี้พี่น้องเฟอเรทจึงรีบซ่อนตัวกัน พวกมันไม่ชอบเล่น แต่ทุกครั้งที่เล่นจนบาดเจ็บกลับเป็นพวกมัน
พอฉินสือโอวกลับมาเห็นภาพนี้แล้วก็ปวดหัวทันที ถ้าวินนี่เลิกงานกลับมาแล้วเห็นเจ้าพวกนี้เนื้อตัวสกปรกขนาดนี้แล้วจะต้องมาว่าเขาแน่ เขาจึงเรียกเจ้าตัวเล็กมา แล้วพาพวกมันไปอาบน้ำ
พี่น้องเฟอเรทตามมา เมื่อถึงบ่อน้ำร้อนแล้วพวกมันก็ไปแอบอยู่ข้างๆ อย่างระมัดระวังเพื่อดื่มด่ำกับแผ่นหินร้อนๆ นั้น
หู่จือกับเป้าจือได้เริ่มก่อกวนอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวไหน ที่ปัดอุ้งเท้าออกไป ทำเอาพี่น้องเฟอเรทที่อยู่ข้างๆ บ่อน้ำร้อนร้องเสียงหลงไปทีหนึ่งแล้วก็ร่อนเข้าไปในสระบ่อน้ำร้อนทันที…
“บุ๋งๆๆ…” ฟองอากาศผุดออกมา เฟอเรทแบลคฟุตได้จมลงไปทั้งอย่างนั้น
ฉินสือโอวตั้งตัวได้ไว แต่ว่าเขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง ที่นี่ไม่มีคนอื่น เขาแค่ใช้พลังโพไซดอนสร้างคลื่นแล้วม้วนเฟอเรททั้งสองตัวขึ้นมาก็ได้แล้ว
พี่น้องเฟอเรทยังไม่หายตกใจ พวกมันนิ่งไปสักพัก หลังจากได้สติแล้วก็รีบวิ่งไปทางต้นไม้ปลอมทันที พื้นดินนี้ช่างอันตรายจริงๆ
พออาบน้ำให้เจ้าตัวเล็กพวกนี้แล้ว ฉินสือโอวกลัวว่าพวกมันจะหยอกล้อกันอีก จึงพาพวกมันไปตรวจตราฟาร์มปลา ถือว่าเป็นการหางานให้พวกมันทำด้วย
เขาเดินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของฟาร์มปลา หลังจากผ่านฟาร์มเพาะเลี้ยงแล้วก็เข้าไปในป่า แม้ว่าตอนนี้ต้นไม้จะยังไม่ผลิใบสีเขียวออกมา แต่ก็แตกหน่อแล้ว อีกอย่างแม้ว่าบนกิ่งไม้จะไม่มีใบไม้ แต่ก็ไม่ได้ดูแห้งแล้งเหมือนกับในฤดูหนาว แต่กลับเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มแทน
หยดฝนที่ค้างอยู่ได้ไหลลงมา หลังจากไหลมารวมกันแล้วก็หยดติ๋งๆ ลงบนพื้น หลังจากเดินอยู่ในป่าสักพักแล้ว กวางหางขาวสองตัวก็วิ่งตามกันออกมา
พอหู่จือกับเป้าจือเห็นแล้วก็รีบตั้งหูขึ้นมา ขยับขาแล้วก็วิ่งไปไล่ทันที แต่กวางหางขาวตอบสนองเร็วกว่า หลังจากพวกมันเห็นกลุ่มของฉินสือโอวแล้วก็หันหลังวิ่งทันที แถมยังวิ่งแยกกันอีกด้วย
ฉินสือโอวตะโกนร้องไปทีหนึ่ง เพื่อเรียกให้หู่จือกับเป้าจือหยุด เขาไม่ได้มาเพื่อล่าสัตว์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปทำร้ายเจ้าตัวเล็กพวกนี้
หลังจากถูกฝนฤดูใบไม้ผลิชะล้างแล้ว ต้นสนที่เขียวขจีตลอดปีจึงดูสะอาดกว่าเดิมมาก สีเขียวที่ไม่มีฝุ่นเกาะเลยแบบนั้น ที่อื่นหาดูได้ยากมาก ฉินสือโอวถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไปในไทม์ไลน์ ก็มีคนมาคอมเมนต์ทันที
“นี่คือต้นสนพลาสติกเหรอ? เขียวจริงๆ เลย” เฉินเหลยมากดไลก์ให้ก่อน
“โง่จริง เห็นได้ชัดว่าเจ้าฉินเล่นเกม PS ต่างหาก นึกไม่ถึงจริงๆ นึกไม่ถึงเลย เจ้าฉินตาโตคิ้วดกคนนี้ก็ไปเล่น PS ในทะเลด้วย” เหยียนตงมาร่วมประชดด้วย
จากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนอีกหลายคนที่มาร่วมหยอกล้อด้วย ฉินสือโอวเพิ่งนึกออกว่าเพื่อนร่วมชาติของตัวเองทางนั้นกำลังเริ่มใช้ชีวิตยามราตรีกันอยู่ จึงล้วนพากันด้อมๆ มองๆ อยู่ในเน็ตกันหมด
เดินไปข้างหน้าอีกนิดหนึ่ง ก็คือบึงและน้ำตกแล้ว เพราะว่าฝนเพิ่งตกไป น้ำตกจึงมีน้ำเยอะขึ้นมาก สายน้ำใสสะอาดแขวนไว้อยู่บนหน้าผา ส่งเสียงออกมาในความเงียบ ป่าไม้ราวกับได้เปลี่ยนไปเป็นภาพวาดทิวทัศน์ที่สวยงามภาพหนึ่ง
ที่นี่เป็นที่ที่ฉินสือโอวพบกับฉงต้าครั้งแรก เขากวักมือเรียกให้ฉงต้าเข้ามาร่วมระลึกความหลังกับเขา ถามว่า “ที่นี่ นายจำอะไรได้บ้างไหม?”
ฉงต้าเบิกตาโตมองไปที่น้ำตกและบึงน้ำ จากนั้นก็ส่ายก้นอ้วนๆ เดินไป ฉินสือโอวนึกว่ามันกำลังคิดถึงเรื่องราวบางอย่างในวัยเด็กของมัน
แต่สุดท้ายหลังจากที่ฉงต้าเดินไปที่ข้างบึงน้ำแล้ว ก็ใช้อุ้งมือตบไปในน้ำอย่างแรง แรงจนปลาสเมลท์หลายตัวในน้ำสลบไปเลย จากนั้นก็ล้วงออกมาแล้วกินขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย
ฉินสือโอวเดินเตร็ดเตร่ต่ออีกสักพัก เสียงของแบล็คไนฟ์ก็ดังผ่านวิทยุสื่อสารออกมาว่า “บอส มีเรือลำหนึ่งขับเข้ามาในฟาร์มปลาครับ เป็นเรือบรรทุกลำหนึ่ง”
เรื่องนี้ทำให้ฉินสือโอวนึกถึงโทรศัพท์ที่นักออกแบบเก่าอันเดร์โทรมาหาเขา บอกว่าก้อนหินและต้นไม้ดอกไม้ทั้งหมดที่จะเอาไปสร้างสวนดอกไม้ได้เริ่มส่งมาแล้ว ดูท่าแล้วเรือลำนี้ก็คือเรือที่มาส่งของพวกนี้นั่นแหละ
ฉินสือโอวโทรศัพท์หาวิล พูดว่า “เพื่อน งานใหญ่ ฟาร์มปลาของผมได้เริ่มสร้างสวนดอกไม้แล้ว รีบพาคนมาช่วยผมเก็บกวาดที”
วิลบอกว่า “ไม่มีปัญหาครับ รอดูผมได้เลย พระเจ้ารู้ว่าผมเก่งงานด้านนี้แค่ไหน แต่ว่า คุณต้องรออีกสองวันนะครับ ทีมของผมกำลังช่วยกันสร้างท่าเรือให้คุณที่อ่าวโกลเดนกันอยู่ครับ”
ท่าเรือของฟาร์มปลาต้าฉินที่สองทั้งเล็กแล้วก็พังมาก ต่อไปคงไม่สามารถใช้งานได้แน่ ฉินสือโอวจึงให้วิลไปซ่อมท่าเรือแต่เนิ่นๆ
คิดๆ แล้ว ช่วงนี้เขาต้องใช้จ่ายเงินเยอะเลย แม้จะบอกว่าฟาร์มปลาที่สองทำการซ่อมแซมอยู่ แต่ความจริงแล้วก็คือการบูรณะนั่นเอง แถมยังต้องจ่ายภาษีสำหรับไตรมาสแรก ซื้ออุปกรณ์สำหรับสวนดอกไม้ เป็นต้น เงินออกราวกับสายน้ำไหลเลย
รวมกับรายได้ของฟาร์มปลาแล้ว บนตัวของฉินสือโอวมีเงินที่สามารถใช้ได้ไม่ถึงสี่สิบล้านเหรียญ เขาได้เริ่มคืนเงินที่กู้ธนาคารไปแล้ว หลังจากซื้อฟาร์มปลาดาราแล้วเขามีเงินสดเหลืออยู่ร้อยล้านเหรียญ จึงได้คืนไปก่อนหนึ่งร้อยล้าน ยังเหลือหนี้อยู่อีกหกร้อยล้าน
ความหมายของแบรนดอนคือเขาไม่ต้องรีบคืนเงินก็ได้ จ่ายแค่ค่าดอกเบี้ยก็พอแล้ว เงินของธนาคารไม่ใช้ก็เสียเปล่า วิธีหาเงินที่ดีที่สุดก็คือการไปกู้เงินกับธนาคารเพื่อเอาไปลงทุนกับธุรกิจที่ได้กำไรสูง ส่วนบริษัทบอมบาร์เดียร์ก็คือโปรแกรมการลงทุนที่ไม่เลวเลย
เริ่มตั้งแต่ช่วงบ่าย เรือบรรทุกระดับสองพันตันก็เริ่มเทียบท่าที่ท่าเรือ มีคนมาหาฉินสือโอวให้เซ็นรับของ ส่วนคนงานก็พากันขนอุปกรณ์ที่ต้องใช้สร้างสวนดอกไม้กันลงมาอย่างไม่ขาดสาย
แบบนี้ก็เท่ากับว่างานของฉินสือโอวมาแล้ว เขาจำเป็นต้องตรวจเช็กสินค้าทุกชิ้น ของมีเยอะเกินไป ไม่มีทางเลือกเขาจึงทำได้แต่ต้องเรียกให้ชาร์คกับเบิร์ดพาพวกชาวประมงมาทำงานนี้แทน ดีที่ว่ามันเป็นงานที่ปริมาณมากเท่านั้น ไม่ใช่งานยากอะไร
ตอนกำลังยุ่งอยู่นั้น ผู้กำกับคาเมรอนก็โทรศัพท์มา ถามเขาว่ามีเวลาว่างไหม
ฉินสือโอวถามเขาว่ามีเรื่องอะไร ผู้กำกับใหญ่บอกว่าการถ่ายทำหนังในเมืองของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว พวกนักแสดงได้กลับไปที่อเมริกาแล้ว ส่วนทีมถ่ายทำถ้าทำการเก็บกวาดสถานที่เสร็จ ก็จะกลับไปด้วยเช่นกัน
นี่ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจอย่างมาก จึงขับรถไปในเมือง แล้วเจอกับคาเมรอนที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง
การถ่ายทำภาพยนตร์ไม่ใช่งานที่ดีมากนัก แม้ว่าตอนที่อยู่หน้ากล้อง ภาพลักษณ์ของคาเมรอนคือผู้นำที่ความสามารถเพียบพร้อม ทำงานเต็มที่ แต่ในช่วงที่ถ่ายทำภาพยนตร์นั้น ผู้กำกับใหญ่สวมเพียงเสื้อกันหนาวผ้าคอตตอน หมวกแก๊ปขนสัตว์ หนวดเครายุ่งเหยิง ไม่มีภาพของเทพบุตรหลงเหลืออยู่เลย
เป็นธรรมดา อย่างไรเสียนี่ก็คือต้นฤดูใบไม้ผลิอยู่ แม้ว่าอากาศจะเริ่มอบอุ่นแล้ว แต่สำหรับผู้กำกับคาเมรอนที่ต้องนั่งอยู่หลังกล้องทั้งวันแล้ว มีโอกาสขยับตัวน้อยมาก จะไม่หนาวได้อย่างไร? เขาสวมเสื้อกันหนาวคอตตอนกับหมวกแก๊ปมีขนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ฉินสือโอวเคยเห็นเขาห่มผ้าห่มแล้วทำงานไปด้วย
…………………………