ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 156 หอยสีเทา
เห็นลูกฉลามเสือทรายที่ลำตัวมีสีขาวราวกับหิมะซึ่งแตกต่างจากแม่ของมันโดยสิ้นเชิงแล้ว ฉินสือโอวก็นึกถึงข้อมูลชิ้นหนึ่งขึ้นมาได้ ข้อมูลนั้นบอกว่าฉลามเสือเป็นฉลามพันธุ์ที่มีโอกาสให้กำเนิดปลาเผือกมากที่สุดและดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะเป็นปลาเผือกที่ว่า
ตามการรับรู้คุณค่าทางความงามของมนุษย์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสือเผือก สิงโตเผือกหรือสัตว์ชนิดไหนก็ตามที่เป็นเผือกล้วนได้รับการชื่นชมว่าสวยงาม
แต่ในความเป็นจริงสายพันธุ์เผือกเหล่านี้คือความผิดปกติซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
อย่างแรกเลยคือสีผิวของพวกมันแตกต่างจากตัวอื่น ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับและมักจะถูกขับไล่ออกจากฝูง ซึ่งมันยากมากที่จะอยู่รอดในธรรมชาติแสนโหดร้ายด้วยตัวของมันเอง
ต่อมาก็คือไม่ว่าจะเป็นเสือ เสือดาวหรือว่าปลา สีผิวของพวกมันล้วนถูกวิวัฒนาการมาหลายพันปีเพื่อความอยู่รอด สีของสัตว์แต่ละชนิดมีไว้เพื่อนปกป้องตัวของมันเอง ทำให้พวกมันสามารถซ่อนตัวอยู่ในป่าหรือน้ำได้ดียิ่งขึ้น และไม่ว่าจะในป่าหรือว่าในน้ำ สีขาวเป็นสีที่อันตรายสำหรับพวกมันที่สุด เนื่องจากไม่สีขาวไม่มีคุณสมบัติในการช่วยพรางตัว
ตอนนี้เจ้าฉลามเสือทรายน้อยกำลังเผชิญกับวิกฤตนี้ ทันทีที่มันคลอดออกมาก็เห็นฉลามขาวตัวใหญ่ถึงสองตัวกำลังจับจ้องมาที่มัน ด้วยความกลัวมันจึงหมุนตัวหวังจะไปหลบข้างหลังแม่ของมัน
แต่แม่ฉลามเสือทรายปฏิเสธแล้วว่ายน้ำไปกับลูกอีกตัว สายตาที่แม่ฉลามเสือทรายมองลูกฉลามเสือทรายเผือกนั้นเหมือนสายตาที่ฉลามขาวใช้มองฉลามเสือทราย
ลูกฉลามเสือทรายเผือกมีอาการงุนงง มันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉลามเสือทรายนั้นเป็นสัตว์มีนิสัยดุร้าย โดยเฉพาะฉลามเสือทรายแม่ลูกอ่อนนั้นยิ่งดุร้ายเข้าไปใหญ่ ฉลามขาวอยากลองโจมตีดู แต่มันกัดพลาด แม่ฉลามหลบการจู่โจมของฉลามขาวได้อย่างคล่องแคล่วแล้วเป็นฝ่ายกัดฉลามขาวแทน
หลังจากได้รับบาดเจ็บฉลามขาวไม่ได้โกรธแต่มันระมัดระวังตัวมากขึ้น พวกมันรู้แล้วว่าไม่ควรยุ่งกับฉลามเสือทรายแม่ลูกอ่อน
อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้กินปลาแซลมอนมาเกือบจะอิ่มแล้วและเห็นว่าแม่ฉลามเสือทรายนั่นไม่ใช่เหยื่อที่จะจัดการได้ง่ายๆ เนื่องจากพวกมันจู่โจมหลายครั้งแล้วก็ไม่ได้ผล พวกมันก็เลยล้มเลิกการจู่โจมไปในที่สุด
เมื่อแม่ฉลามขาวเห็นดังนั้นก็รีบพาลูกที่มีความคล้ายกับตัวเองว่ายจากไปด้วยความรวดเร็ว
ลูกฉลามเสือทรายเผือกอยากจะตามไปด้วย แต่ฉลามขาวรั้งมันไว้และแม่ของมันก็ไม่หันกลับมาช่วยมันเลย แม่ของมันว่ายลับตาไปด้วยความเฉยเมย
ฉลามขาวต้องการระบายความอัดอั้นที่เมื่อครู่ไม่สามารถจู่โจมแม่ของมันได้มาลงที่เจ้าลูกฉลามเสือทรายเผือกแทน หนุ่มน้อยตื่นตระหนกและงุนงงอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มกล้าหาญขึ้น มันอ้าปากเล็กๆ ของมันเผชิญหน้ากับฉลามขาวด้วยความกล้าหาญ
การฆ่าที่โหดร้ายทารุณกำลังจะเปิดฉากขึ้น
ฉินสือโอวใจอ่อน เจ้าฉลามเสือทรายเผือกน้อยนี่ช่างโชคร้ายเหลือเกินที่ถูกแม่ของมันทิ้ง เขานึกถึงเจ้าบอลหิมะที่โดดเดี่ยวอยู่ที่ฟาร์มปลาจึงตัดสินใจจะพาเจ้าฉลามเผือกน้อยนี่กลับไปด้วย
พวกฉลามขาวที่ชอบรังแกสัตว์อื่นและกลัวสัตว์ที่แข็งแรงกว่า ต้องเจอกับจิตสำนึกแห่งโพไซดอนตอนโกรธ จู่ๆ ก็เกิดคลื่นขนาดใหญ่ราวกับมีการระเบิดใต้ทะเลลึก ผืนน้ำทั้งหมดที่ถูกควบคุมโดยจิตสำนึกของโพไซดอนนั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง น้ำทะเลพุ่งสูงขึ้นและกระแสน้ำเชี่ยวกราก!
นี่เป็นครั้งแรกฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแสดงความโกรธออกมา หากบอกว่านี่คือความโกรธแค้นของโพไซดอนก็คงไม่เป็นการพูดเกินจริง
กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากในมหาสมุทรก่อให้เกิดกระแสน้ำวนที่ก้นทะเลอย่างฉับพลัน ฉลามขาวผู้โชคร้ายติดอยู่ในน้ำวนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะฉินสือโอวสงบอารมณ์โกรธลงได้ก่อน พวกมันก็คงถูกแรงเหวี่ยงของน้ำวนฉีกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว!
เมื่อฉินสือโอวสงบสติอารมณ์ลงเขาถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วจิตสำนึกแห่งโพไซดอนนั้นนอกจากจะสามารถแหวกว่ายไปมาในทะเลได้แล้ว ยังสามารถควบคุมน้ำทะเลได้อีกด้วย
เมื่อรอดชีวิตมาได้ฉลามขาวก็ตื่นตระหนกกว่าเหล่าปลาแซลมอนก่อนหน้านี้เสียอีกและพอพวกมันสงบสติอารมณ์ลงได้ พวกมันก็รีบสะบัดหางว่ายหนีไปทันที
เจ้าฉลามเสือทรายเผือกน้อยก็เวียนหัวจากกระแสน้ำวนเมื่อครู่เช่นกัน มันไม่ง่ายเลยที่จะแกว่างครีบเพื่อทรงตัวอีกครั้ง
และเมื่อพบว่าฉลามขาวที่คุกคามมันหายไปแล้ว เจ้าฉลามเสือทรายเผือกตัวน้อยก็ดีใจมาก มันสะบัดหางยาวๆ ของมันพลิกตัวไปมา
ฉินสือโอวเห็นแล้วก็หัวเราะออกมา เขานำจิตสำนึกของเขาเข้าไปในร่างกายของเจ้าฉลามเสือทรายเผือก สัตว์ที่เพิ่งเกิดแบบนี้สามารถดูดซับพลังงานและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ได้รับพลังจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอน เจ้าฉลามเผือกก็รู้ว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตมันเอาไว้ มันแหวกว่ายในน่านน้ำที่ถูกควบคุมโดยจิตสำนึกของโพไซดอนอย่างมีความสุข โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกควบคุมอยู่
เมื่อเห็นดังนั้น ฉินสือโอวก็ควบคุมลูกฉลามเสือทรายเผือกให้ว่ายกลับไปที่ฟาร์มปลาให้ไปเป็นเพื่อนกับเจ้าบอลหิมะ
ระหว่างทางกลับฉินสือโอวก็คิดว่าคงต้องตั้งชื่อให้เจ้าฉลามเสือทรายนี่สักหน่อย ตอนแรกเห็นตัวมันเป็นสีขาวก็เลยจะตั้งชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า ‘สโนว์’
แต่พอลองมองดูดีๆ แล้ว สีของเจ้าฉลามเสือทรายเผือกกับสีของบอลหิมะแตกต่างกัน บอลหิมะนั้นตัวขาวราวกับน้ำนมบริสุทธิ์แต่เจ้าฉลามเสือทรายกลับเป็นขาวแบบซีดๆ และมีสีอมเทาเล็กน้อย ดูแล้วควรตั้งชื่อให้หนาวเย็นกว่านี้
พอดีกับที่เจ้าฉลามเสือทรายน้อยเห็นหอยสีดำตัวใหญ่จึงอ้าปากพุ่งเข้าใส่หมายจะกิน ทำให้ฉินสือโอวเห็นฟันที่คมราวกับใบมีดของมันเข้าจึงเกิดปิ๊งไอเดียและตั้งชื่อมันว่าไอซ์เสกต เพราะที่รองเท้าไอซ์เสกตก็มีใบมีดเหมือนกัน
อืม…เอาชื่อไอซ์สเกตนี่แหละ ฉินสือโอวตัดสินใจ
เจ้าไอซ์สเกตว่ายไปยังโขดหินที่มีหอยอยู่จำนวนหนึ่ง
หอยเหล่านี้มีเปลือกสีขาวอมเทาไม่ก็สีเทาออกเงินๆ ตัวที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่ากับกระทะก้นแบนที่ใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งนับว่าเป็นหอยที่ตัวใหญ่เลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้พวกหอยกำลังอ้าเปลือกเพื่อกินอาหารแต่พอเจ้าไอซ์สเกตว่ายเข้าไปพวกมันก็ค่อยๆ ปิดเปลือกเข้าหากัน
เจ้าไอซ์สเกตต้องการจะโจมตี แต่เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มันเจอกับสัตว์หน้าตาประหลาดนี้มันก็เลยไม่กล้าที่จะโจมตีตรงๆ สุดท้ายเปลือกหอยก็ปิดสนิทเหลือเพียงเปลือกเย็นๆ ให้เจ้าไอซ์สเกตได้เชยชม
ฉินสือโอวบังคับให้หอยตัวที่ใหญ่ที่สุดอ้าเปลือกออกเพื่อจะหัดให้เจ้าไอซ์สเกตล่าเหยื่อ
แต่พอเปิดเปลือกหอยออก เขาก็พบว่าในเปลือกหอยนั้นมีไข่มุกสีดำเม็ดใหญ่เม็ดเล็กอยู่เต็มไปหมด!
เนื่องจากไข่มุกเหล่านี้ยังคงถูกห่อหุ้มด้วยเนื้อหอยจึงมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร แต่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนนั้นทำให้ฉินสือโอวรับรู้และสัมผัสถึงไข่มุกสีดำเหล่านั้นได้
ไข่มุกสีดำที่อยู่ในเปลือกหอยนั้นมีขนาดแตกต่างกันและไม่ได้กลมทั้งหมด พูดได้ว่าเม็ดที่กลมนั้นมีน้อยมากจริงๆ
แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกตื่นเต้นได้แล้ว ไอซ์สเกตพุ่งเข้ามาเพื่อจะโจมตี ฉินสือโอวจึงต้องรีบห้ามเอาไว้ก่อน เขามองดูรอบๆ หอยที่มีเปลือกสีเทาออกเงินแล้วคิดว่านี่น่าจะใช่หอยนางรมลอย
หอยนางรมลอยเป็นหอยที่มีค่าชนิดหนึ่ง พบเห็นได้น้อยมากในแคนาดา หอยชนิดนี้ส่วนใหญ่เติบโตแถวแนวปะการังของเฟรนช์พอลินีเชีย, หมู่เกาะคุก, เกาะปานามาและอ่าวเม็กซิโก เคยมีการค้นที่ฟาร์มปลาในรัฐนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดาครั้งหนึ่งซึ่งก็เป็นเวลานานมากกว่ายี่สิบปีมาแล้ว
หอยนางรมลอยพวกนี้มาจากอ่าวเม็กซิโกอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนที่พวกมันยังเล็กมันอาจจะติดกับตัวปลามาและคาดว่ามันคงหลุดจากปลาตอนที่มาถึงที่นี่ นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังเป็นที่ที่กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมไหลผ่าน พวกมันก็เลยมีชีวิตอยู่ได้
ตอนนี้ไม่สามารถเอามันกลับไปด้วยได้ ฉินสือโอว
เจ้าไอซ์สเกตนั้นยังเด็กอยู่มาก อายุของมันยังไม่ถึงหนึ่งวันเลยด้วยซ้ำ มันช่างไร้เดียงสาจริงๆ หลังจากที่มันว่ายน้ำไปได้สักพักมันก็ลืมเรื่องที่ฉินสือโอวเปิดเปลือกหอยให้มันแต่ไม่ยอมให้มันกินเนื้อหอยไปเสียสนิท แล้วมันก็ว่ายน้ำอยู่ในวังวนของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนต่อไปอย่างมีความสุข
เนื่องจากมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอนคอยสนับสนุน เจ้าไอซ์สเกตก็เลยไม่รู้สึกเหนื่อยจนว่ายเข้ามาถึงฟาร์มปลา
บอลหิมะว่ายเข้ามาต้อนรับ ไอซ์สเกตเด็กว่าบอลหิมะมาก มันมองบอลหิมะแล้วก็หมุนตัวกลับเพราะกลัว
จนฉินสือโอวต้องปลอบให้มันยอมเข้าใกล้เจ้าบอลหิมะ บอลหิมะตื่นเต้นที่ในที่สุดมันก็มีเพื่อนเสียทีจึงรีบว่ายไปหาเจ้าไอซ์สเกตด้วยความเร็ว เจ้าไอซ์สเกตตกใจกลัวจนว่ายน้ำไปมามั่วไปหมด
พอพวกมันสองตัวคุ้นเคยกันแล้ว ก็ถึงคราวที่ปลาตัวอื่นๆ จะตกใจกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะเจ้าพวกฉลามกบมันเดย์ถึงซันเดย์ทั้งเจ็ดตัวที่ปกติเจ้าบอลหิมะก็ชอบแกล้งพวกมันอยู่แล้ว ตอนนี้เพื่อแสดงความเป็นเพื่อนต่อไอซ์สเกต มันจึงตัดสินใจชวนไอซ์สเกตแกล้งพวกฉลามกบด้วยกัน
ฉินสือโอวมองดูอยู่สักพัก เห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรก็เตรียมจะกลับไปปลุกทุกคนลงจากเขา
…………………………………………..
Comments for chapter "บทที่ 156 หอยสีเทา"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
airjang
กระหาย อยากอ่านเยอะๆ