ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1572 วิวทิวทัศน์ที่งดงามที่สุด
กลับกันการนั่งรถเล่นก็ถือเป็นเรื่องน่าเบื่ออย่างหนึ่ง ฉินสือโอวและวินนี่พูดคุยกันในหัวข้อของคนรักและสาวน้อยน่ารัก หลังจากนั้นฉินสือโอวก็ระบายความคับข้องใจออกมาว่า ถ้าบนโลกใบนี้มีผู้ชายที่ดีเพียงคนเดียว คนคนนั้นก็คือเขา
พี่เขยที่กำลังขับรถหยุดพูดกลั้วหัวเราะออกมาว่า “แล้วฉันอยู่อันดับที่เท่าไรล่ะ? เสี่ยวโอว พูดจากใจจริงนะ แม้ว่านายจะเป็นคนดี แต่ว่าในเรื่องของท้องก่อนแต่งน่ะ เรื่องนี้ทำให้นายหลุดจากตำแหน่งผู้ชายที่ดีที่สุดนะ ฉันว่าคนคนนั้นเป็นฉันมากกว่า”
พี่สาวของฉินสือโอวพูดอย่างเย็นชาว่า “งั้นเหรอ? เรื่องแย่ๆ ของคุณทั้งหลายฉันยังไม่เอาขายเลยนะ”
พี่เขยไม่ได้พูดอะไรต่อ มีเพียงใบหน้าของเขาเท่านั้นที่แสดงออกมาอย่างเศร้าสร้อย
รถขับเข้าไปในเขตมณฑล จากนั้นก็ตรงเข้าไปใจกลางมณฑล โรงแรมที่พวกเขาพักตั้งอยู่ที่นั่น
โรงแรมที่พวกเขาพักชื่อโรงแรมสุดขอบฟ้าก็ยังอยู่ร่วมกับทะเล การตบแต่งของโรงแรมนี้ผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก ซึ่งเป็นไปอย่างสวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นประตูหมุน รูปปั้นสิงโต การตบแต่งที่สวยงามนี้ ยากที่จะบรรยายออกมา
ต้วนเหล่ยรออยู่ที่ประตู เมื่อเขาเห็นออดี้เอหกขับเข้ามา เขาก็โทรไปหาฉินสือโอวด้วยตัวเอง จากนั้นเขาก็เข้าไปกอดฉินสือโอวอย่างอบอุ่น
เมื่อเข้ามาในโรงแรม เขาตั้งใจพูดแนะนำว่า “ชื่อโรงแรมแห่งนี้ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
ด้วยชื่อของโรงแรม ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา นี่เป็นชื่อที่ต้วนเหล่ยตั้งขึ้น โดยมีที่มาจากบทกวีโบราณชื่อดัง ‘ใต้หล้ามีเพียงท่านที่รู้ใจ แต่ให้ไกลสุดขอบฟ้าก็เหมือนอยู่ข้างกัน’ บทกลอนนี้มีหลายความหมายมาก ‘ผู้รู้ใจ’ ในที่นี้หมายถึงทานอาหารร่วมกับญาติคนสนิท ‘สุดขอบฟ้า’ จากด้านบนนี้กล่าวถึงอาหารทะเลส่วนมากของที่โรงแรมนั้นถูกส่งมาจากอีกฟากหนึ่งของทะเล
กิจการโรงแรมเป็นไปด้วยดี ตอนนี้สิบโมง ยังไม่ถึงเวลาทานอาหารกลางวัน แต่เมื่อฉินสือโอวเข้าไป ก็มีคนเข้ามาทักทายต้วนเหล่ย “ประธานต้วน กิจการของคุณรุ่งเรืองใหญ่แล้วนะ? ตอนนี้ฉันจองอาหารไม่ได้แล้ว นี่พึ่งจะสิบโมงกว่าเอง”
ต้วนเหล่ยต้องการหารือกับฉินสือโอวในเรื่องของกลยุทธ์บางอย่าง เขาจึงเรียกผู้จัดการล็อบบี้ให้มาหา และให้เขาเตรียมห้องพักส่วนตัวให้ชายผู้นั้นใหม่
หลังจากแยกทางกัน ต้วนเหล่ยก็พูดแนะนำว่า “นี่คือผู้อำนวยการการส่งเสริมการลงทุนของมณฑลของเรา ผู้อำนวยการฉี ฉันต้องไว้หน้าเขาเสียหน่อย ทุกวันพวกเราต้องจัดเตรียมห้องส่วนตัวไว้ล่วงหน้าราวห้าห้อง ก็เพื่อรองรับแขกที่มีหน้ามีตาแบบนี้”
ฉินสือโอวตอบกลับว่า “กิจการเป็นไปด้วยดีเลยนี่ แต่ว่าหัวหน้าใหญ่บอกไม่ให้กินดื่มไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนว่านายนี่จะสุดยอดไปเลยนะ”
ต้วนเหล่ยหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก สำหรับการลงทุนอย่างไรก็ต้องกินดื่มอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องกินดื่มอย่างยิ่งใหญ่ ถ้าหากว่าอาหารยังไม่ได้รับ แล้วคนจะมาลงทุนที่นี่เหรอ?”
ฉินสือโอวพึมพำออกมาว่า “ฉันลงทุนให้เสียวหย่งจวง แต่ไม่ได้ทานอาหารของพวกเขาเลย ไม่ว่าจะทานอาหารกี่ครั้งก็เป็นฉันที่เลี้ยง”
ต้วนเหล่ยบอกว่า “พวกนายทานอาหารกันที่ไหน ทำไมไม่มาทานที่โรงแรมของพวกเรา?”
ฉินสือโอวตอบกลับว่า “เฮ้อ พวกคนของเทศบาลท้องถิ่นขี้ขลาดจะตายไม่กล้ามาที่นี่หรอก บอกว่าตอนนี้มีการตรวจสอบเข้มงวด พวกเราเลยต้องทานอาหารกันอย่างไม่เป็นทางการ”
ต้วนเหล่ยพยักหน้า “ใช่แล้ว ตอนนี้ทางราชการมีการตรวจสอบเข้มงวดมาก ไม่งั้นโรงแรมของเราคงยิ่งใหญ่มากกว่านี้ไปแล้ว! อาหารทะเลของนายรสชาติสุดยอดมา แม้ราคาจะสูงกว่าตลาดถึงสองเท่าแต่ก็ยังมีความต้องการสูง หากสองปีที่ผ่านมานี้รัฐบาลไม่จับพวกที่กินดื่มในที่สาธารณะ ไม่รู้ว่าโรงแรมของเราจะมีรายได้เท่าไร”
ฉินสือโอวยิ้มออกมา แน่นอนว่า คุณภาพของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินนั้นจะเอามาเทียบกับอาหารทะเลที่เลี้ยงในประเทศนี้ได้อย่างไร? แม้แต่ในอเมริกาและแคนาดา อาหารทะเลของเขาก็ครองตลาดหลักของสองประเทศนี้มาตลอด ตระกูลมอร์รี่ยังแพ้ให้กับอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินของเขาอย่างย่อยยับ!
วัตถุดิบบางส่วนของโรงแรมแห่งนี้ส่วนหนึ่งนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ในประเทศจีนมีที่นี่ที่เดียวที่ขายอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ตอนนี้ชื่อเสียงของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเป็นที่ยอมรับอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นทางปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี สามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล และเมืองสำคัญเมืองอื่นๆ ต่างก็อยากที่จะนำอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินไปขายแต่ก็ไร้หนทาง
พวกเขาเข้าไปนั่งกันในห้องทำงาน ต้วนเหล่ยรินน้ำชาพลางถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “พี่ฉิน ในตอนแรกฉันประเมินนายต่ำไปจริงๆ โรงแรมแห่งนี้เล็กเกินไปที่จะทำเรื่องยุ่งยาก หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ฉันคงจะไปหาโรงแรมขนาดใหญ่ทำธุรกิจ และทำให้เป็นร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้!”
โรงแรมนี้ไม่ได้เล็กเลย มีห้องรับรองอยู่ห้าสิบห้องและห้องโถงใหญ่อีกสองห้อง ทั้งหมดห้าชั้น ชั้นหนึ่งและชั้นห้าเป็นห้องโถงใหญ่ ซึ่งสามารถรับรองคนมาทานอาหารได้พร้อมกันทีเดียวจำนวนนับพันคน ที่นี่มีพนักงานกว่าหนึ่งร้อยคน แต่มีแขกเต็มจนทะลักออกมาแบบนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถรับรองได้อย่างทั่วถึง
ฉินสือโอวพูดกลั้วหัวเราะว่า “ค่อยๆ เดินไปทีละก้าว ข้าวก็ค่อยๆ กิน อันที่จริงนี่ก็ถือว่าเป็นโรงแรมที่ใหญ่มากแล้ว ที่ฟาร์มปลาของฉันมีพนักงานทั้งหมดห้าสิบคนเอง ไม่ถึงครึ่งของที่นี่ด้วยซ้ำ”
ต้วนเหล่ยหัวเราะแล้วพูดว่า “ที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีพนักงานกี่คนนะ? ห้าสิบคนเองหรอ?”
อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินขยายกิจการไปอย่างรวดเร็ว มีร้านค้ามากกว่าห้าสิบร้าน บัตเลอร์มีแผนที่จะขยายไปยังยุโรป ทั้งหมดนี้ต้องใช้พนักงานไม่น้อยกว่าหนึ่งพันคนเลยนะ!
พูดถึงเรื่องนี้ ฉินสือโอวจำข้อตกลงที่เขากับฮิลตันคนน้องในครั้งแรกได้ ฮิลตันยังคนน้องติดหนี้ที่จะแนะนำเขาให้รู้จักกับหัวหน้าตระกูลฮิลตันอยู่ กลับไปคงต้องไปตามเรื่องนี้ซะแล้ว
ฉินสือโอวดื่มชา เขาเริ่มวางแผนการทำงานของเขาหลังจากกลับไปที่ฟาร์มปลา แน่นอนว่า เขาต้องให้ตัวเองได้พักร้อนก่อน ช่วงนี้เขายุ่งมาก
ต้วนเหล่ยคิดว่าเขากำลังครุ่นคิดถึงการพัฒนาโรงแรม เขาจึงอยากตีเหล็กในขณะที่ยังร้อนอยู่ จึงพูดออกมาว่า “ฉันอยากขยายธุรกิจ นายว่าการตั้งสาขา หรือว่าเปลี่ยนที่ และเปิดเป็นร้านอาหารใหญ่ๆ เลยแบบไหนดีกว่ากัน?”
ฉินสือโอวอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่ นายอย่าพึ่งรีบร้อน ตอนนี้เป็นเวลาสะสมชื่อเสียง อย่าพึ่งรีบขยาย ถ้ากำลังการผลิตไม่พอมันจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน หากต้องการขยาย อยากเร็วที่สุดก็ต้องหลังจากนี้ไปอีกสองปี อย่างน้อยอ่างเก็บน้ำของฉันก็ยังสามารถผลิตสินค้าให้กับนายได้”
ต้วนเหล่ยพูดอย่างไม่มั่นใจว่า “สองปีเลยเหรอ ฉิน แบบนี้เงินจะลดลงไปอีกเท่าไรล่ะ?”
ฉินสือโอวตอบกลับว่า “แต่ว่าหลังจากนี้ แบบนี้จะทำเงินได้อีกเยอะเลยนะ! การลับมีดและฟันลงไปอย่างไม่ตั้งใจ เหตุผลนี้ พี่ต้วนไม่เข้าใจเหรอ?”
ต้วนเหล่ยไม่มีทางเลือก จึงต้องยอมรับแผนการชั่วคราวนี้อย่างจำยอม ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนความสนใจของงานจากโรงแรมสี่เอสมาเป็นที่โรงแรมแห่งนี้โดยสิ้นเชิง เขาอยากเป็นราชาแห่งอาหารของคนทั้งเมืองไม่ใช่แค่มณฑลนี้
หลังจากเดินดูโรงแรมและทานอาหารเสร็จ ในที่สุดงานสุดท้ายของฉินสือโอวก็สิ้นสุดลงแล้ว เขาต้องกลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ก่อนอีกสองวัน ฉินสือโอวแอบถ่ายทอดพลังโพไซดอนให้กลับลูกสุนัขพวกนั้น หลังจากนั้นก็มองไปยังพ่อแม่ด้วยสายที่อาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็เลือกที่จะบินกลับเซนต์จอห์น
รถยนต์แล่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวเท้าคางด้วยมือของเขา สายตาจ้องมองไปยังวิวทิวทัศน์ข้างนอก
ถนนสายออกจากหมู่บ้านเป็นเส้นทางที่เขาคุ้นเคย แต่ตอนนี้ถนนสายนี้กลับเปลี่ยนไปเล็กหน่อย
สี่ปีก่อน ถนนเส้นนี้เป็นถนนลูกรัง แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นถนนคอนกรีตที่กว้างและเรียบสนิทแล้ว เนื่องจากที่นี่มีโรงงานผลิตกระป๋องและห้องทำความเย็นขนาดใหญ่ หมู่บ้านแห่งนี้จึงทำเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากเงินที่แจกจ่ายให้ชาวบ้านแต่ละครัวเรือนแล้ว ก็ยังเอาเงินมาสร้างถนนซีเมนต์นี้
สองข้างทางมีต้นไม้ต้นเล็กๆ ปลูกอยู่ ต้นไม้พวกนี้ปลูกมาได้ไม่ถึงสองปี ยังถือว่าอ่อนแอมาก แต่สุดท้ายพวกมันก็รอดตายจากอากาศที่หนาวเหน็บมาได้ เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง พวกมันก็ผลิใบแตกหน่อเล็กๆ ออกมา เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขา ฉินสือโอวพึมพำออกมาว่า “ผมยังจำได้อยู่เลย เมื่อก่อนไม่มีต้นไม้สองข้างทางแบบนี้เลย มีเพียงวัชพืชเท่านั้น เมื่อก่อนผมรู้สึกว่ามันไม่สวยเอาเสียเลย ต่อมาเมื่อผมไปเรียนมหาวิทยาลัย ไปทำงาน กลับรู้สึกว่าที่จริงแล้วพวกมันสวยงามมาก นี่ถือเป็นเรื่องแปลกไหมนะ?”
วินนี่จับมือของเขาเบาๆ แล้วพูดออกมาว่า “วิวทิวทัศน์ที่สวยที่สุด มักอยู่เป็นที่บ้านเกิดที่อยู่ในความทรงจำของฉันเสมอ แต่คนเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้แล้ว ไม่ใช่เหรอคะ?”
………………………….